พอเขาเหาะเข้าไปใกล้ถึงค้นพบว่า อสูรเพลิงเหล่านี้ต่างก็เป็นวานรเพลิงกับโคเพลิงสามสิบกว่าตัวที่มีขนาดจั้งกว่าๆ และมันก็พุ่งเข้ามาราวกับสายน้ำที่ไหลทะลัก แต่ดีที่มีพลังแค่ระดับศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น
พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองเป็นจุดๆ ก็โปรยออกมา จากนั้นก็กลายเป็นค่ายกลทรายปกคลุมเต็มฟ้า และปิดล้อมอสูรจิตวิญญาณธาตุไฟสิบกว่าตัวไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ทำท่ามือ จากนั้นกระบี่เล็กสีฟ้าก็หลุดออกจากมือ และกลายเป็นเงากระบี่สีฟ้าฟาดฟันไปทางอสูรเพลิง
อสูรเพลิงเหล่านั้นค่อยๆ พ่นลูกเปลวไฟขนาดต่างๆ ออกมา แต่เนื่องจากมันเป็นธาตุที่ไม่ถูกกัน พอปะทะกับเงากระบี่จึงค่อยๆ ระเบิดออกมา
“ฟู่ๆ!”
หลังจากแสงกระบี่สีฟ้ากระพริบผ่านไป วานรเพลิงก็ถูกฟันเป็นสองส่วนแล้วค่อยๆ ร่วงลงมา
หลังจากหลิ่วหมิงชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ ทรายทองคำที่แผ่คลุมเต็มฟ้าอีกด้านหนึ่ง ก็กลายเป็นคมดาบสีทองหมุนวนเข้าด้านในอย่างบ้าคลั่ง
อสูรเพลิงที่ถูกปิดล้อมอยู่ในค่ายกลทรายทองคำร่วง ถูกปั่นจนเป็นเนื้อเหลวในพริบตา
ภายใต้สถานการณ์ที่ทรายทองคำกลายเป็นหมอกทรายม้วนตัวเข้ามา และเงากระบี่จำนวนมากฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้วานรเพลิงกับโคเพลิงที่เหลือ ได้แต่วิ่งหนีท่ามกลางไฟที่พุ่งออกมาจากตัว และไม่กล้าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
ด้วยพลังของหลิ่วหมิงในตอนนี้ ย่อมเหลือเฟือที่จะจัดการกับอสูรระดับศิษย์จิตวิญญาณแล้ว แต่การสังหารอย่างราบคาบได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางทั่วไปไม่อาจทำได้
ทางด้านชายหนุ่มชุดขาว พัดจิตวิญญาณสีดำในมือก็โบกสะบัดอยู่ไม่หยุด จนก่อเกิดพายุบ้าระห่ำเพื่อสลายการโจมตีของลูกเปลวไฟของอัคคีจิตวิญญาณ
ร่างของอัคคีจิตวิญญาณสองตัวปรากฏขาดๆ หายๆ แม้ว่ายังไม่ส่งเสียงแหลมโจมตีจิตรับรู้ แต่สำหรับชายหนุ่มชุดขาวที่เผชิญกับอัคคีจิตวิญญาณสองตัวในตอนนี้แล้ว นับว่ากินแรงเป็นอย่างมาก
ขณะที่พายุบ้าระห่ำจำนวนมากสลายลูกเปลวไฟที่ม้วนตัวเข้ามาแล้ว อัคคีจิตวิญญาณตัวหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็ระเบิดตัวกลายเป็นเมฆอัคคีม้วนตัวเข้ามา
พอชายหนุ่มชุดขาวเห็นว่ามีแสงสีแดงสว่างขึ้นตรงหน้า เขาก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลทันที และพัดสีดำก็ถูกสะบัดออกไปอย่างบ้าคลั่ง คมวายุแต่ละสายพุ่งยิงออกไป แต่กลับพอที่จะต้านทานเมฆอัคคีได้เท่านั้น
ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “ฟู่!” ตรงด้านหลังของเขา ปราณแกร่งคุ้มร่างถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนแตกกระจายในพริบตา จากนั้นความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณไหล่ก็ประดังประเดเข้ามา ฝ่ามือไหม้เกรียมสีดำข้างหนึ่งเจาะทะลุหัวไหล่ของเขา และดึงกลับไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
มันคืออัคคีจิตวิญญาณอีกตัวที่ถือโอกาสไปอยู่ด้านหลังของเขาในตอนที่คู่หูกลายเป็นเมฆอัคคี และทำการโจมตีอย่างไร้สุ้มเสียง
แม้ชายหนุ่มชุดขาวจะหลบพ้นจุดอันตรายไปได้ แต่แขนซ้ายยังคงมีเลือดไหลริน บริเวณที่เป็นสีเทาเกรียม เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยจากการถูกเผาไหม้
ชายหนุ่มชุดขาวหยิบยันต์มาแปะบาดแผลด้วยความตกใจ และมันก็สามารถหยุดเลือดได้ชั่วคราว จากนั้นก็อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่พัดสีดำ ทำให้อักขระบนพื้นผิวเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง หลังจากพัดไปทางเมฆอัคคีสองทีแล้ว ก็พัดไปด้านหลังหนึ่งทีอย่างรวดเร็ว
เสียงร้องแหลมแสบแก้วหูดังออกมา!
พายุบ้าระห่ำสีดำลูกหนึ่งม้วนตัวไปด้านหลัง และโจมตีไปยังอัคคีจิตวิญญาณที่ลอบโจมตีเขา
ท่ามกลางพายุบ้าระห่ำมีคมวายุสีแดงดำผสมปนเปอยู่เป็นจำนวนมาก และปกคลุมอัคคีจิตวิญญาณที่กำลังคิดจะหนีไว้
อัคคีจิตวิญญาณตัวนี้รีบยกแขนทั้งสองขึ้นมาต้านทานไว้ และพอมีเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” อยู่ชั่วขณะหนึ่ง เปลวไฟสีแดงรอบตัวของมันก็ถูกพัดกระจาย เผยให้เห็นร่างที่ดูคล้ายกับถ่านที่ไหม้เกรียม และมีบาดแผลลึกๆ ปรากฏออกมาเป็นจำนวนมาก
ดูเหมือนอัคคีจิตวิญญาณตัวนี้จะรับรู้ได้ถึงอันตราย จึงส่งเสียงร้องแปลกประหลาดออกมากลางอากาศ จากนั้นก็พุ่งออกไปด้านหลัง ราวกับว่ากำลังขอให้อัคคีจิตวิญญาณตัวอื่นๆ เข้ามาช่วย
ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดังก้องฟ้า!
สายรุ้งสีฟ้าแวววาวพุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ มันหมุนวนรอบคออัคคีจิตวิญญาณตัวนี้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น หัวของมันก็กลิ้งลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง
หลังจากหลิ่วหมิงสังหารอสูรเพลิงเหล่านั้นไปพอประมาณแล้ว ก็ฟันกระบี่มาทางด้านนี้
ชายหนุ่มชุดขาวเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก ขณะที่คิดจะกล่าวขอบคุณนั้น เมฆอัคคีที่ถูกเขาพัดจนถอยออกไป ก็กลายเป็นคลื่นอัคคีที่สูงหลายจั้ง และม้วนตัวเข้ามาตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง
ชายหนุ่มรู้สึกตกใจจนดูเหมือนว่าจะโบกพัดในมือออกไปโดยไม่ต้องคิด ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา หมอกสีขาวพวยพุ่งออกจากร่าง และห่อหุ้มร่างของเขาไว้
แต่พลันมีเสียงแหลมแสบแก้วหูดังมาจากคลื่นอัคคี!
ภายใต้ระยะห่างใกล้เช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกวิงเวียนศรีษะในทันที และการกระทำก็ค่อยๆ หยุดชะงักลง
“ฟู่!”
เงาดำเปล่งประกายในคลื่นอัคคี จากนั้นอัคคีจิตวิญญาณก็พุ่งออกมาจากในนั้น มันพร่ามัวแค่ทีเดียว ก็กอดชายหนุ่มชุดขาวไว้แน่น ขณะเดียวกัน แสงสีแดงบนตัวก็เปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่!”
ชายหนุ่มชุดขาวร้องออกมา และคิดที่จะแสดงวิชาผลักอัคคีจิตวิญญาณให้หลุดออกไป แต่กลับไม่ทันการเสียแล้ว
พอมีเสียงดังขึ้นมา!
อัคคีจิตวิญญาณที่กอดชายหนุ่มแน่น ก็ระเบิดตัวเองออกมา เมฆอัคคีรูปดอกเห็ดพุ่งขึ้นฟ้า พริบตาเดียวก็ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวกลายเป็นเถ้าธุลี
หลิ่วหมิงคิดจะมาช่วย แต่พอเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย
และอัคคีจิตวิญญาณสามตัวที่ต่อสู้กับจั้งเสวียนอยู่กลับดูฮึกเหิมผิดปกติ พวกมันส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูออกมา ดูเหมือนว่าจะร้องเรียกพวกพ้องให้มาช่วย และต่อมาก็เคลื่อนตัวหลบหลีกกระบี่บินสีเหลือง และไม่ทำการโจมตีอีก
และขณะนั้นเอง มีเสียงแหลมแสบแก้วหูดังมาจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ และเมฆอัคคีกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา