“ฟิ้วๆ!” หมาป่าเพลิงสีแดงเจ็ดแปดตัวถูกแสงสีม่วงเจาะทะลุตัว หลังจากส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา มันก็ค่อยๆ ล้มลงพื้น
ชายหน้าขาวทำท่ามือด้วยมือเดียว พอเปลี่ยนเคล็ดวิชา แสงสีม่วงก็พุ่งจากทั่วทิศมารวมตัวกลางอากาศ และก่อตัวเป็นกลุ่มแสงสีม่วงขนาดเท่าศีรษะ ทั้งยังหมุนติ้วๆ อย่างบ้าคลั่ง
ดูเหมือนอัคคีจิตวิญญาณที่ต่อสู้กับศิษย์สายนอกทั้งสองจะรับรู้ถึงความผิดปกติได้ หลังจากส่งเสียงร้องแหลมออกมาแล้ว แสงไฟบนตัวก็สว่างขึ้นมา และกลายเป็นเปลวไฟสีแดงพุ่งหนีไปข้างหลัง
ในขณะเดียวกัน ลูกแสงสีม่วงก็ระเบิดเสียงดังออกมา แสงสีม่วงจำนวนมากพุ่งยิงออกไปปกคลุมเปลวไฟกลุ่มนี้ไว้ และเจาะทะลุจนกลายเป็นบาดแผลหลายร้อยรู
ศพอัคคีจิตวิญญาณร่วงลงมาทันที
พอชายหนุ่มชุดดำโบกมือ แสงสีม่วงเต็มฟ้าก็พุ่งกลับมาทันที และจมหายเข้าไปในแขนเสื้อ จากนั้นถึงหันมาถามหลิ่วหมิงกับจั้งเสวียนด้วยสีหน้าสงบ
“ข้าน้อยเฉินเติง สาขาวายุทะยานฟ้า ไม่ทราบทั้งสองมีนามว่าอย่างไร?”
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่เฉิน ข้าน้อยหลิ่วหมิงจากสาขาห่านฟ้า ท่านนี้คือพี่จั้งเสวียน ขอถามหน่อยว่าตอนนี้คนอื่นๆ อยู่ที่ใดกัน” พอหลิ่วหมิงเห็นอัคคีจิตวิญญาณถูกฆ่าไปหมดแล้ว เขากับจั้งเสวียนก็หยุดอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง และถามด้วยตาที่เป็นประกาย
“เฮ่อๆ! ในเมื่อทั้งสองมาถึงที่นี่ได้ คิดว่าคงจะค้นพบความผิดปกติของแดนอบอ้าวเช่นกัน ตอนนี้ศิษย์นิกายเราได้รวมตัวกันในบริเวณนี้หลายสิบคนแล้ว ซึ่งอยู่นอกหุบเขาที่ห่างออกไปไม่ไกล ข้ากับคนไม่กี่คนออกมาลาดตระเวนกวาดล้างอัคคีจิตวิญญาณจำนวนหนึ่ง และพาคนที่มาภายหลังไปยังจุดรวมตัว” ชายหน้าขาวพลิกฝ่ามือเก็บเข็มเล็กๆ สีม่วงเข้าไป และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนพี่เฉินแล้ว” หลิ่วหมิงกุมมือคารวะ
“ศิษย์น้องซ่ง พวกเจ้าพาพวกพี่หลิ่วไปพักผ่อนที่จุดรวมตัวก่อน ไม่ต้องกลับมาแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่อีกซักพัก ดูว่ายังมีคนมาทางด้านนี้หรือไม่ หากไม่มีล่ะก็ อีกไม่นานข้าจะตามกลับไป” ชายหนุ่มหน้าขาวบอกกับชายหนุ่มผมแดง
“ทราบ! ศิษย์พี่เฉินรักษาตัวด้วย” ชายหนุ่มผมแดงกับพวกอีกสองคนกุมมือคารวะชายหนุ่มหน้าขาว และตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ
จากนั้นหลิ่วหมิงกับจั้งเสวียน ก็ตามคนทั้งสามพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง
ชั่วเวลาราวๆ หนึ่งมื้อข้าวผ่านไป ขณะที่หลิ่วหมิงมองเห็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบลี้ถูกเมฆสีแดงปกคลุมไว้นั้น พวกเขาก็ร่อนลงบนตีนยอดเขาลูกหนึ่ง
บนพื้นราบเรียบที่ค่อนข้างเร้นลับแห่งหนึ่ง มีศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์รวมตัวอยู่ราวๆ ห้าสิบหกสิบคนแล้ว
พอเขากวาดสายตามองลงไป จะเห็นว่าคนเหล่านี้บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งรวมตัวกัน และกระซิบกระซาบเบาๆ บ้างก็นั่งหลับตาทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังเวท
ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่อยู่ตรงมุมบางแห่ง ดึงดูดความสนใจของหลิ่วหมิงทันที ซึ่งนั่นก็คือเยี่ยนหมิงกับเสวี่ยอวิ๋นนั่นเอง
เสื้อผ้าของพวกเขาขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย ใบหน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด ประจักษ์ชัดว่าได้ผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดก่อนมาถึงที่นี่
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้เดินเข้าไป เพียงแค่พยักหน้าให้จากที่ไกลๆ จากนั้นเขากับจั้งเสวียนก็หาสถานที่นั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลังเวท
เยี่ยนหมิงและเสวี่ยอวิ๋นย่อมมองเห็นหลิ่วหมิง จึงเผยสีหน้าดีใจออกมา
สำหรับพวกเขาที่เคยเห็นความแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงแล้ว เมื่อเห็นเขามาปรากฏตัวย่อมหมายความว่าความปลอดภัยของพวกเขาก็จะมีมากขึ้น
จั้งเสวียนก็หาที่ราบสูงนั่งหลับตาพักผ่อน
ผ่านไปราวๆ ครึ่งวัน เฉินเติงกับศิษย์คนอื่นก็กลับมายังจุดรวมตัว
หลังผ่านไปสักพัก ชายหน้าดำที่สวมชุดคลุมยาวสีเขียว ก็ยืนขึ้นท่ามกลางฝูงชนในฉับพลัน และก้าวเข้ามาใจกลางจุดรวมตัว
พอเขาสะบัดแขนเสื้อ แผ่นกลมๆ สีขาวหยกก็ปรากฏบนมือ เมื่อโยนมันขึ้นเหนือศีรษะ ก็ปล่อยพลังใส่เข้าไปในนั้นอย่างต่อเนื่อง
ครู่ต่อมา แผ่นกลมๆ ก็หมุนติ้วๆ กลางอากาศ และส่งเสียงดังเบาๆ
แสงไฟเป็นจุดๆ ปรากฏออกมารอบด้าน และลอยไปหาแผ่นกลมๆ อย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ แผ่นกลมๆ ก็สว่างขึ้นมาราวกับลูกเปลวไฟที่ร้อนระอุ และลอยอยู่เหนือศีรษะของฝูงชน
ชายหน้าดำเห็นเช่นนี้ก็ชี้มือขึ้นฟ้า
“ตู๊ม!”
ลูกเปลวไฟเปล่งแสงสีแดงออกมา และยิงลำแสงเจิดจ้าออกไปสิบกว่าลำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา