“ศิษย์น้องจิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมคำสั่งของศิษย์พี่ซาทงเทียนไปแล้ว ทุกท่าน หากไม่มีธุระอะไรล่ะก็ อย่าได้เพิ่มปัญหาให้กับศิษย์น้องจินเลย” ชายหนุ่มรูปร่างเตี้ยๆ ใบหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อหัวเราะเฮ่อๆ! และชิงพูดออกมาก่อน
หลังจากชายตัวเตี้ยพูดชื่อซาทงเทียนออกมาแล้ว ฝูงชนที่อยู่มุงดูอยู่ก็เผยสีหน้าตกใจออกมา และเกิดความวุ่นวายขึ้น
“ซาทงเทียน”
“คือชายหนุ่มตะกูลซาที่กลายเป็นศิษย์สายในตั้งแต่อายุยังน้อยผู้นั้นหรือ?”
ไม่รู้ว่าใครกระซิบออกมา จากนั้นฝูงชนกว่าครึ่งหนึ่งก็หมุนตัวจากไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ส่วนคนที่ยังไม่เดินจากไป ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
บริเวณรอบๆ แผงของจินอวี้หวนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้หลิ่วหมิงจะไม่รู้ที่มาของซาทงเทียนผู้นี้ แต่ฟังจากคำพูดของฝูงชนที่มุงดู ดูเหมือนว่าตระกูลซาจะมีเบื้องหลังอยู่บ้าง และดูเหมือนซาทงเทียนจะมีชื่อเสียงในกลุ่มศิษย์สายนอกไม่น้อย และพอมาคิดใคร่ครวญดูอีกที ที่หญิงผู้นี้นำยันต์ทะลวงเส้นลมปราณออกมาโดยง่ายเช่นนี้ คิดว่าคงจะมีที่มาอะไรบางอย่างแน่นอน
“ศิษย์พี่ซาให้พวกเรามาถามว่า เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนั้น?” ชายหนุ่มหน้าตอบปากแหลมเดินออกจากฝูงชนอย่างเงียบๆ และเผยสีหน้าพอใจออกมา จากนั้นก็ถามด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
จินอวี้หวนมองดูชายหนุ่มทีหนึ่ง ใบหน้าของนางซีดขาวเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับดูเยือกเย็น และไม่พูดอะไรออกมา
“ศิษย์น้องจิน พวกเราก็ไม่ได้มาหาเข้าเป็นครั้งแรก ตามที่ข้ารู้มา เดิมทีตระกูลจินของเจ้ากับตระกูลซาต่างก็เป็นมิตรกันมาหลายร้อยปีแล้ว เรื่องดีงามราวกับเติมบุปผาลงบนผ้าดิ้นเงินดิ้นทองเช่นนี้ ใยต้องพิจารณาให้มากความด้วย?” พอชายที่มีท่าทีเหมือนบัณฑิตเห็นว่าหญิงสาวเงียบและไม่พูดอะไรออกมา เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนโยน
“พวกเจ้าล้มเลิกความคิดนี้เถอะ! ข้าจะไม่ตอบรับซาทงเทียนอย่างเด็ดขาด” ขณะนี้ จินอวี้หวนกัดฟันพูดด้วยสีหน้าซีดขาว ดวงตาของนางดูเด็ดขาดเป็นอย่างมาก
พอได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มหน้าตอบแก้มแหลมกับชายเตี้ยอัปลักษณ์ก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนชายหนุ่มที่มีท่าทีเหมือนบัณฑิตก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้
“ฮึ! ในเมื่อศิษย์พี่ซาพูดออกมาก่อนแล้ว ยังจะมีศิษย์สายนอกคนใดกล้าเสี่ยงอันตรายช่วยเจ้าอีกเล่า ศิษย์น้องจิน เจ้าลองคิดให้ดีๆ อีกครั้ง พวกข้าจะมาหาเจ้าอีกแน่นอน” ชายหนุ่มหน้าตอบแก้มแหลมตั้งใจพูดออกมาดังๆ
หลังจากคนเหล่านี้ส่งเสียงหัวเราะแล้ว ก็เดินจากไปด้วยท่าทีหยิ่งยะโสในทันที
ขณะนี้ จินอวี้หวนมีสีหน้าเขียวปัด พอแหงนหน้ามองผู้คนที่มุงดูอยู่ พวกเขาก็พากันหลบสายตาของนางทั้งหมด
นางรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นมาเก็บแผง และเดินไปตามถนนทางใต้ที่เป็นทางออกอย่างเงียบๆ ท่ามกลางสายตาของฝูงชน
พอออกจากตลาด นางก็ทำท่ามือเบาๆ จากนั้นก้อนเมฆสีขาวก็พยุงตัวนางขึ้นมา ไม่นานก็หายไปจากสายตาของผู้คน
ขณะนี้ ผู้คนที่เหลืออยู่ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ออกมา
“ตามที่ข้าทราบมา ตระกูลจินกับตระกูลซาเป็นมิตรกันจริงๆ แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้ว ตอนนั้นทั้งสองตระกูลต่างก็มีศิษย์สายตรงระดับแก่นแท้ตระกูลละคน และทั้งสองตะกูลต่างก็สนิทสนมกันดี แต่น่าเสียดาย ตั้งแต่บรรพบุรุษของจินอวี้หวนเสียชีวิต ในระยะร้อยปีมานี้ตระกูลจินก็ค่อยๆ ตกต่ำลง ตอนนี้ในตระกูลของนางไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับผลึกแม้แต่คนเดียว เหลือเพียงแค่จินอวี้หวนที่ยังอาศัยบารมีของบรรพบุรุษ ถึงกลายเป็นศิษย์สายนอกที่มีการฝึกฝนระดับของเหลวได้” ผู้อาวุโสผมขาวที่สวมชุดศิษย์สายนอก อายุราวๆ หกสิบเจ็ดสิบปี หันไปพูดกับสหายไว้หนวดเคราผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ข้าไม่ค่อยรู้จักตระกูลจินมากนัก แต่ตระกูลซาข้าพอจะรู้จักอยู่บ้าง ตระกูลซามีผู้แข็งแกร่งระดับผลึกหลายคน และซาทงเทียนก็มีคุณสมบัติไม่เลว ทั้งยังมีพรสวรรค์ทางด้านการฝึกฝน ถูกผู้อาวุโสยอดเขากระบี่สวรรค์เห็นความสำคัญ และรับเป็นศิษย์สายในตั้งแต่อายุยังน้อย ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็เข้าสู่ระดับของเหลวขั้นปลายได้ ทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ด้วย สามารถพูดได้ว่าเป็นศิษย์ที่มีศักยภาพที่สุดของตระกูลซา ได้ยินมาว่าภายหน้าอาจจะได้เป็นศิษย์สายตรง จะว่าไปก็แปลก! ด้วยพลังของซาทงเทียนกับอิทธิพลของตระกูลซาในขณะนี้ การหาคู่รักฝึกฝนเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก แต่เขากลับต้องการจินอวี้หวน ไม่รู้มีเรื่องอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า” ชายไว้หนวดเคราที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมา
“พูดเช่นนี้ก็แสดงว่า ที่สองตระกูลกลายเป็นศัตรูกันในหลายปีมานี้ ก็เพราะเรื่องที่นางไม่ยอมเป็นคู่รักฝึกฝนหรอกหรือ?” ผู้อาวุโสผมขาวได้ยินก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“นางปฏิเสธน้ำใจของตระกูลซาไปหลายครั้ง คาดว่าคงจะทำให้ซาทงเทียนโมโห คนผู้นี้ไปตักเตือนศิษย์สายนอก และศิษย์ธรรมดาที่เข้าใกล้จินอวี้หวนตามที่ต่างๆ และประกาศว่าหากใครช่วยเหลือจินอวี้หวนก็จะเป็นศัตรูกับเขา คนจำนวนหนึ่งกลัวจะหาเรื่องใส่ตัว จึงทำตัวห่างเหินกับจินอวี้หวน มิเช่นนั้นนางคงไม่ถึงกับต้องมาปรากฏตัวในตลาด และใช้ยันต์ทะลวงเส้นลมปราณที่มีมูลค่าน่าตกใจเช่นนี้ เพื่อหาคนช่วยนางหรอก” ชายที่ไว้หนวดเคราหัวเราะย่างขมขื่น และค่อยๆ กล่าวออกมา
คนอื่นๆ ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันไป
พอหลิ่วหมิงได้ยินว่า ซาทงเทียนผู้นั้นเป็นแค่ศิษย์สายในระดับของเหลว เขาก็คิดไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปทางที่จินอวี้หวนจากไป พอออกจากประตูใหญ่ของตลาดแล้ว ก็ขี่เมฆทะยานขึ้นฟ้าทันที
……
ทางด้านใต้ของตลาดในนิกายยอดบริสุทธิ์ หลังจากผ่านเขาเล็กๆ ที่สูงสิบกว่าจั้งไปสองลูก ก็จะเป็นป่าเฟิงแดงที่หนาแน่นเป็นอย่างมาก พอทอดสายตามองออกไป จะดูคล้ายกับทะเลเพลิง
สถานที่แห่งนี้มักจะมี ‘หนอนใบไม้แดง’ ที่กินใบเฟิงสีแดงเป็นอาหาร หนอนชนิดนี้นอกจากจะนำมาทำเป็นโอสถถอนพิษทั่วไปแล้ว ก็ไม่มีมูลค่าใดๆ อีก ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมาสถานที่แห่งนี้น้อยมาก
หญิงสาวใบหน้าสวยสดงดงาม สวมชุดสีขาวกลับยืนอยู่ในส่วนลึกของป่า สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนจะมีเรื่องหนักใจเป็นอย่างมาก และนางก็คือจินอวี้หวนนั่นเอง
หนึ่งชั่วยามก่อน ขณะที่นางออกไปจากตลาดไม่นาน และผ่านยอดเขาไปสองลูกเพื่อเตรียมกลับถ้ำที่พักนั้น พลันได้ยินเสียงราบเรียบดังขึ้นข้างหู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา