ทันใดนั้นเขาหยุดเมฆเทาไปพักหนึ่ง จากนั้นก้มหน้ามองแผ่นเงินในมืออย่างละเอียดแล้วเริ่มร่ายคาถาในทันที มือข้างหนึ่งยกขึ้นแล้วยื่นลงด้านล่าง
ลูกเปลวไฟสีแดงลูกหนึ่งพุ่งยิงลงไป
“ตู้ม!” หลังจากมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เปลวไฟกลิ้งไปยังด้านล่าง ปรากฏหลุมทรายลึกฉื่อกว่าๆ ออกมา ในขณะเดียวกันเศษซากปีศาจชิ้นหนึ่งลอยออกมาจากในนั้น
หลิ่วหมิงก้มหน้าเขม้นตามองสักพักถึงดูออกว่ามันคืออะไร
“ที่แท้ก็คือซากปีศาจปูที่เป็นปีศาจระดับต่ำ ด้วยพลังที่โตเต็มวัยของซากปีศาจก็พอที่จะจัดเป็นปีศาจระดับพลทหารได้แล้ว แต่มันกลับถูกสังหารตายเช่นนี้หรือว่าสถานที่แห่งนี้ยังมีปีศาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า”
หลิ่มหมิงพูดพึมพำไม่กี่ประโยคแล้วก็แสดงสีหน้าตกใจระคนดีใจ
ดีใจ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้มีปีศาจระดับต่ำแน่นอน ตกใจ เพราะว่าบริเวณนี้ยังมีปีศาจที่มีพลังแข็งแกร่งอันน่ากลัวอยู่ตนหนึ่ง ถ้าเขาไม่ระวังก็อาจจะเป็นดังซากปีศาจปูตนนี้
เขาขี่เมฆเหาะวนแถวนี้ไปหนึ่งรอบ และยังคงเหาะไปยังทิศทางเดิมต่อแต่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม
ครึ่งวันผ่านไป หลิ่วหมิงเหาะออกไปได้ไกลหลายสิบลี้ แต่ที่น่าแปลกใจคือนอกจากซากปีศาจปูที่ไม่ครบส่วนตนนั้นแล้วก็ไม่มีปีศาจตนอื่นปรากฏอีกเลย
หลิ่วหมิงรู้สึกมืดบอดกับสถานการณ์เช่นนี้
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ แสดงปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดคิดไว้มาก มิเช่นนั้นคงไม่ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้
ทันใดนั้น เข็มสีแดงสดในแผ่นสีเงินที่อยู่บนมือก็สั่น และหมุนวนไปหลายรอบอย่างบ้าคลั่ง มันชี้ไปยังทิศทางหนึ่งโดยฉับพลัน และเริ่มกระพริบอยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนทันที เมฆเทาใต้ร่างก็หยุดนิ่งไม่เหาะต่อแล้ว
มือข้างหนึ่งของเขาตบลงไปที่หน้าอกฉับพลัน แสงสีดำสามจุดปรากฏขึ้นบริเวณนั้นแล้วปรากฏเป็นโล่แสงสีดำบังอยู่หน้าตัวเขา
และเกือบจะในขณะเดียวกัน เม็ดทรายด้านล่างก็ส่งเสียงดัง “ซู่!” เส้นสีดำเส้นหนึ่งยิงพุ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว แม้แต่สายตาหลิ่วหมิงก็พอจะมองเห็นเป็นแค่เงาลางเลือนเท่านั้น เขาตกใจเป็นอย่างมากคิดที่จะหลบหลีกยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เสียงดัง “เพล้ง!”
เส้นสีดำโจมตีลงบนโล่แสงที่อยู่ด้านหน้า เกิดประกายไฟกระพริบไม่หยุดจนมันเกือบจะแตกร้าว
และปลายเส้นสีดำนี้เป็นตะขอแหลมยาวเพียงไม่กี่ชุ่น ทั้งยังส่งกลิ่นคาวที่ทำให้คนที่ได้กลิ่นอยากจะอาเจียนออกมา
ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหมิงจึงถูกแรงมหาศาลโจมตีจนไม่สามารถยืนได้มั่นคง และไม่สามารถประคองวิชาทะยานฟ้าไว้ได้ จนตกลงไปบนพื้นทะเลทราย
ยังดีที่หลิ่วหมิงฝึกเคล็ดวิชากระดูกดำกับใช้น้ำยาล้างไขกระดูกไป ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งกว่าศิษย์จิตวิญญาณทั่วไปเป็นอย่างมาก มิเช่นนั้นถ้าเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นเดียวกัน เกรงว่าคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือดออกมาแล้ว
เสียงดัง “ซู่!”
อยู่ๆ ก็มีกองทรายใหญ่นูนขึ้นจากใต้พื้นทราย และเคลื่อนมายังที่หลิ่วหมิงตกลงมาราวกับมีชีวิต
ถึงแม้หลิ่วหมิงยังสะลึมสะลืออยู่ และถูกแรงมหาศาลเมื่อสักครู่สั่นกระเทือนจนหน้ามืดตาลาย แต่พอเห็นฉากเช่นนี้ก็รีบกระตุกแขนเสื้อโดยไม่ต้องคิดอะไรในทันที โซ่ดำเส้นหนึ่งถูกดึงออกมาราวกับสายฟ้าแลบ
บังเกิดเสียงดังขึ้นมา
หลิ่วหมิงอาศัยแรงดีดกลับของโซ่ดำเหวี่ยงตัวพุ่งขึ้นไปบนอากาศ
และในตอนนั้นนั่นเองกองทรายที่เข้ามาใกล้นั้นก็ระเบิดออกมาทันที ไอสีเขียวกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากในนั้นแฉลบผ่านไปยังด้านล่างของหลิ่วหมิง และตกลงบนพื้นทรายอีกฝั่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อสักครู่ หลิ่วหมิงฉุกคิดวิธีการเหวี่ยงตัวขึ้นไปได้ทันท่วงที เกรงว่าคงจะถูกไอเขียวกลุ่มนั้นกระโจนเข้าใส่พอดี
และหลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว หมอกเทาเกาะตัวกันอย่างรวดเร็วใต้ร่างของเขา เขาใช้วิชาทะยานเวหาพุ่งตัวขึ้นไปบนฟ้าจนพุ่งไปได้สูงสามสิบกว่าจั้งแล้ว ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และเขม้นตาจ้องมองลงไปด้านล่าง
ปีศาจที่อยู่ในไอสีเขียวนั้นช่างร้ายกาจยิ่งนักแต่ดูเหมือนมันจะเหาะไม่ได้ ทำให้เขาคลายความหวาดกลัวลงไปบ้าง และก็เกิดความหวังลมๆ ขึ้นมา
มิเช่นนั้นด้วยระดับความร้ายกาจที่มันแสดง เขาคงวิ่งหนีตายไปตั้งนานแล้วไหนเลยจะยังกล้าอยู่ที่นี่
ในที่สุดเขาก็มองเห็นลักษณะของปีศาจที่อยู่ท่ามกลางไอสีเขียวได้อย่างชัดเจน มันเป็นสัตว์ประหลาดแบนราบเรียบยาวสามถึงสี่ฉื่อ ลำตัวทั้งหมดเกิดจากกระดูกสีขาวเทาแต่ละชิ้นต่อเข้าด้วยกัน ส่วนหน้ามีก้ามยักษ์ส่องแสงสีดำมืดสองข้าง ส่วนหลังมีหางที่เป็นตะขอสีดำยกขึ้นสูงอยู่ มีเปลวไฟสีเขียวสองกลุ่มเปล่งประกายอยู่ตรงทั้งสองด้านของกระดูกหัวสีขาวรูปสามเหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหนาวยะเยือกเป็นพิเศษ
แต่ลำตัวด้านหนึ่งของปีศาจกระดูกตนนี้มีรูสีดำสนิทขนาดเท่ากำปั้นอยู่หนึ่งรู และยังมีไอสีดำพันอยู่ดูเหมือนกับว่ามันจะมีบาดแผลบนตัว
“เป็นไปไม่ได้ นี่เหมือนจะเป็นแมงป่องกระดูกที่เป็นปีศาจระดับขุนพล! ไม่สิ! ดูเหมือนจะแตกต่างกับแมงป่องกระดูกขาวสักหน่อยหนึ่ง” หลิ่วหมิงหลุดปากพูดออกมา แต่พอดูอย่างละเอียดแล้วก็แสดงสีหน้าไม่แน่ใจ
แต่ต่อมาเขาก็หยิบคัมภีร์โบราณหนาๆ เล่มหนึ่งออกมาจากอก และพลิกเปิดดูอย่างรวดเร็ว เปิดไปได้สองสามหน้าถึงได้หยุดมือลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา