ไอดำค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นร่างของหลิ่วหมิงอีกครั้ง จะเห็นว่าบนมือขวาของเขามีกลุ่มไอสีดำขนาดเท่าหัวคนลอยอยู่
ท่ามกลางไอดำ มีเข็มบินสีแดงที่มีความยาวแตกต่างกันสองเล่มกับดาบบินสีดำหนึ่งเล่มลอยอยู่
แต่ไม่ว่าทั้งสองจะกระตุ้นพลังเวทอย่างไร พวกมันก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ปีศาจคู่เผิงหมัวมีสีหน้าซีดขาว ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเตะโดนกระดานเหล็กเข้าแล้ว หลังจากสบตากันหนึ่งที ทั้งสองก็หมุนตัวพุ่งหนีไปโดยมิได้นัดหมาย
“ยังคิดจะหนีอีก?” หลิ่วหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น แขนทั้งสองขยายใหญ่ ไอดำพวยพุ่งออกจากร่างอย่างบ้าคลั่ง พลังอันน่ากลัวม้วนตัวออกไปทันที
ปีศาจคู่เผิงหมัวเพิ่งพุ่งออกไปได้สิบกว่าจั้ง ก็ถูกไอดำห่อหุ้มไว้ ทันใดนั้นไอดำก็ปกคลุมรอบด้าน มีเสียงแผดร้องของไอดำดังขึ้นข้างหู ราวกับว่าถูกพาไปยังอีกโลกหนึ่ง
ในช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากชุบร่างด้วยพลังของวายุสวรรค์ นี่คือพลัง ‘คุกมืด’ ที่หลิ่วหมิงค่อยๆ ทำความเข้าใจมาจากการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ด้วยรากฐานพลังเวทของตนเอง สามารถสร้างมิติที่สามารถควบคุมได้อย่างอิสระ ใช้กักขังศัตรูไว้ในนั้น
นี่เป็นพลังวิเศษแท้จริงที่รวมชั้นจำกัด การสังหาร วิชามายาไว้ด้วยกัน
ว่ากันว่าเมื่อฝึกฝนวิชานี้จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ยังสามารถก่อตัวปีศาจระดับพลทหาร ปีศาจระดับขุนพล จนกระทั่งราชาปีศาจไว้ไว้ในมิติคุกมืดได้ และโจมตีฝ่ายตรงข้ามจนตายทั้งเป็นโดยไม่รู้ตัว
มีเสียงร้องตกใจของปีศาจคู่เผิงหมัว และเสียงระเบิดดังออกจากไอดำอยู่ไม่หยุด ราวกับว่าทั้งสองกำลังต้านทานอะไรบางอย่างอย่างสุดชีวิต
แต่หลังจากมีเสียงร้องออกมาอย่างเวทนา ไอดำก็พวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นมันก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
“ตู้ม!” “ตู้ม!” ศพไร้หัวสองศพร่วงลงกลางอากาศ
พอหลิ่วหมิงคว้ามือข้างหนึ่งออกไป ก็มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” ยันต์เก็บของจำนวนมากพุ่งออกจากศพไร้หัวทั้งสอง และร่วงลงในมือของเขา
หลิ่วหมิงกวาดจิตดูภายในยันต์เก็บของแล้วพยักหน้าทันที แต่ในใจกลับรู้สึกพอใจกับพลังคุกมืดที่เพิ่งใช้ครั้งแรกเป็นอย่างมาก
หากพลังวิเศษนี้สามารถแสดงออกมาพร้อมกับโล่เก้ากะโหลกได้ล่ะก็ คิดว่าอานุภาพของมันคงจะเพิ่มขึ้นเป็นทวี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังคุกมืดที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นแรกเท่านั้น ต่อไปยังมีพลังแฝงให้ขุดค้นอีกมาก
พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ลูกไฟสองลูกก็พุ่งใส่ศพไร้หัวทั้งสอง และเผาไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนท่ามือ ทรายทองคำร่วงพยุงร่างของเขาขึ้นมา และกลายเป็นแสงสีทองพุ่งยิงออกไป
การเดินทางไปตลาดฉางหยาง เป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งในการฝึกฝนของหลิ่วหมิง ไม่นานเขาก็ลืมเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด
หลายปีต่อมา
ภายในถ้ำที่พักของหลิ่วหมิงที่ตั้งอยู่บนยอดเขาลั่วโยว
ไอดำจำนวนมากปกคลุมเต็มถ้ำ ขยายและหดตัวเป็นจังหวะ ราวกับหัวใจสีดำที่กำลังเต้นอยู่
ทันใดนั้น มีเสียงแผดร้องดังมาจากไอดำ หลังจากไอดำพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ควบแน่นเป็นมังกรดำและพยัคฆ์ดำอย่างละสามตัว พวกมันพากันหมุนวนรอบตัวหลิ่วหมิงไม่หยุด
เสียงมังกรคำรามดังขึ้นติดต่อกัน
หลิ่วหมิงเอามือทั้งสองข้างถูกันแล้วแยกออก พอทำท่ามือติดต่อกันหลายท่า มังกรพยัคฆ์ทั้งสามก็กลายเป็นไอดำพวยพุ่งทันที จากนั้นก็จมหายไปในศีรษะราวกับปลาวาฬดูดน้ำ
หลิ่วหมิงเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา
เขาใช้เวลาห้าปี สามแสนแต้มคุณูปการ ผ่านการชุบหลอมร่างในถ้ำวายุสวรรค์ห้าครั้ง ในที่สุดก็ฝึกเคล็ดวิชามังกรทมิฬขั้นที่สามสำเร็จ และเข้าสู่ระดับของเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ
พอรับรู้ถึงพลังเวทที่พลุ่งพล่านภายในร่าง หลิ่วหมิงก็เผยสีหน้าดีใจจนถึงขีดสุด
“นายท่าน……”
ดูเหมือนว่าหัวบินกับแมงป่องกระดูกจะรับรู้ได้ถึงอาการดีใจของหลิ่วหมิง พวกมันพุ่งเข้ามาจากมุมห้องอย่างรวดเร็ว และลูบไล้ชายเสื้อหลิ่วหมิงอย่างสนิทสนม
ห้าปีมานี้หลิ่วหมิงวางพวกมันไว้ในถ้ำที่พักอยู่ตลอด เพื่อดูดซับปราณจิตวิญญาณและให้ทำการฝึกฝนเอง
หลังจากผ่านมาห้าปี พลังของหัวบินกับแมงป่องกระดูกก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ทว่ายังไม่ถึงระดับของเหลวขั้นปลายอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีพลังเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านั้นอยู่บ้าง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแมงป่องกระดูกหรือหัวบินก็ตาม หากไม่มีโอกาสอันดีล่ะก็ เดิมทีก็เป็นอสูรเลี้ยงที่ต้องสะสมการฝึกฝนเป็นเวลานานถึงมีความก้าวหน้าได้ ด้วยเหตุนี้หลิ่วหมิงจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้
หลิ่งหมิงลูบอสูรเลี้ยงทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง และเก็บพวกมันไว้ในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ออกไปจากถ้ำ
ระยะนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แม้ว่าผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ของยอดเขาลั่วโยวจะทยอยกลับยอดเขามาแล้ว แต่กลับไม่มีใครคิดที่จะรับหลิ่วหมิงเป็นศิษย์เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา