ตอนที่ 610 ท้าสู้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา
ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 610 ท้าสู้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
พลังของทั้งสองลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้ หลิ่วหมิงเดาว่าทั้งสองคงเป็นผู้อาวุโสของยอดเขาลั่วโยว แต่ผู้อาวุโสเหยียนที่หลิ่วหมิงเข้าพบในตอนเข้านิกายกลับไม่อยู่ด้วย
ผ่านไปราวๆ ครึ่งถ้วยชา ก็มีเสียงกระแอมไอเบาๆ ดังมาจากด้านหลังห้องโถง ศิษย์ที่อยู่ ณ ที่นั้นหยุดพูดในทันที และหันไปทางที่มาของเสียง
ครู่ต่อมา ชายชุดคลุมสีดำผู้หนึ่งก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาจากด้านหลังห้องโถง
ชายผู้นี้มีใบหน้าข้างหนึ่งแห้งเหี่ยว อีกข้างกลับแดงฝาดราวกับทารก กลิ่นไอเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาดูขาดๆ หายๆ
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะอยู่ด้านหลังสุด แต่ยังคงรับรู้ถึงความกดดันที่ทำให้หายใจลำบากได้
“คารวะอาจารย์” เสี่ยวอู่ที่อยู่ตรงหน้ารีบก้าวออกมาคารวะนำทันที
จากนั้นศิษย์ทั้งหมดก็พากันคารวะ
“ที่แท้ท่านนี้ก็คืออินจิ่วหลิง ผู้ควบคุมยอดเขาลั่วโยวที่เล่าลือกัน” หลิ่วหมิงแอบกระซิบเบาๆ หนึ่งประโยค จากนั้นก็รีบคารวะตามคนอื่นอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองก็พากันลุกจากที่นั่ง และกุมมือคารวะไปยังผู้ที่มาใหม่
“เอาล่ะ! ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี ข้าจากยอดเขาลั่วโยวไปนานสิบกว่าปีแล้ว ได้ยินมาว่าตอนนี้ยอดเขาลั่วโยวมีผู้มากความสามารถจำนวนมาก ภายในระยะเวลาสิบปีก็มีศิษย์เข้ามาใหม่ห้าหกคน นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่เข้าสู่ระดับผลึกอย่างราบรื่น ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก และในระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ก็ลำบากผู้อาวุโสทั้งหลายที่ดูแลเรื่องราวในยอดเขาแทนข้าแล้ว” ขณะที่อินจิ่วหลิงพูด เขาก็หันไปประสานมือให้กับชายชุดคลุมสีเทาทั้งสอง
“ผู้ควบคุมอินเกรงใจเกินไปแล้ว” ผู้อาวุโสทั้งสองรีบประสานมือคารวะกลับ และกล่าวอย่างนอบน้อม
อินจิ่วหลิงแสดงท่าทีให้ทั้งสองนั่งลงไป จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปยังที่นั่งหลักที่อยู่ตรงกลาง และสะบัดแขนเสื้อก่อนนั่งลงไป
“ที่เรียกศิษย์ทุกคนมาพบในวันนี้ ประการแรกก็เพื่ออยากจะพบกับทุกคน ประการที่สองก็เพื่อความโชคดีอย่างหนึ่ง” อินจิ่วหลิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ
พอได้ยินเช่นนี้ บรรดาศิษย์ทั้งหลายก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป แต่ผู้อาวุโสทั้งสองข้างยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย
“ขณะที่ข้าออกไปหาประสบการณ์ในครั้งนี้ ได้ค้นพบลูกกวางจิตวิญญาณเก้าสีตัวหนึ่งในพื้นที่บางแห่งของแดนลึกลับในเขาแสงห้าสี” อินจิ่วหลิงค่อยๆ กวาดสายตามองดูบรรดาศิษย์แล้วกล่าวออกมา
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนที่เขาไปเปิดอ่านคัมภีร์ในหอคัมภีร์ในก่อนหน้านั้น โลหิตบริสุทธิ์ของกวางจิตวิญญาณเก้าสีนี้ ก็เป็นหนึ่งในโอสถจิตวิญญาณฟ้าดินที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการทะลวงระดับผลึก
ขณะที่บรรดาศิษย์กำลังจะเอ่ยปากแสดงความยินดีนั้น อินจิ่วหลิงก็เบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาทันที
“แต่ตอนที่ข้าค้นพบลูกกวางตัวนี้ เจ้าเฒ่าของสำนักเฮ่าหรานผู้หนึ่งก็อยู่ด้วยพอดี ดังนั้นจึงเกิดการปะทะกันหนึ่งรอบ สุดท้ายเลยตัดสินใจให้ศิษย์ของตนเองมาทำการประลองกัน เพื่อตัดสินว่าอสูรตัวนี้จะเป็นของใคร”
พอคำพูดนี้ดังออกมา ศิษย์ที่อยู่ในห้องโถงย่อมเกิดความฮือฮาขึ้น ผู้อาวุโสระดับแก่นแท้ทั้งสองที่นั่งทั้งสองข้าง ก็สบตากันทีหนึ่ง และไม่พูดอะไรออกมา
“ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงเตรียมพาศิษย์ไปด้วยกันสองคน หนึ่งในนั้นเป็นศิษย์ระดับของเหลว อีกคนเป็นศิษย์ระดับผลึก หากว่าศิษย์ที่ไปด้วยในครั้งนี้ประลองชนะ และได้ลูกกวางจิตวิญญาณเก้าสีตัวนั้นมา ข้าย่อมตบรางวัลให้อย่างไม่เสียดาย แม้กระทั่งสามารถยอมรับคำขอที่สมเหตุสมผลจากศิษย์สองคนนี้ได้” อินจิ่วหลิงหยุดเล็กน้อย และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
หากเขาได้เข้าร่วมประลองและได้รับชัยชนะ การขอโลหิตบริสุทธิ์ของกวางจิตวิญญาณเก้าสีตัวนี้มาจำนวนหนึ่ง คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ศิษย์สองคนที่ข้าเลือกก็คือ ระดับผลึกได้แก่เสี่ยวอู่ ระดับของเหลวได้แก่มู่ตวนหลง ส่วนคนอื่นๆ หากคิดว่าตนเองเหมาะสมกว่าสองคนนี้ ก็สามารถท้าสู้ได้ ข้าจะพาไปแค่คนที่ชนะเท่านั้น” อินจิ่วหลิงมองดูศิษย์เหล่านี้ทีหนึ่ง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มีใครอยากแลกมือกับศิษย์พี่บ้าง ไม่ต้องเกรงใจ รีบออกมาลองเลย” เสี่ยวอู่ได้ยินเช่นนี้ก็รีบหันมากล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นกลิ่นไออันแข็งแกร่งก็ม้วนออกจากตัวทันที
ศิษย์ระดับของเหลวหลายคนที่อยู่แถวหลังรู้สึกได้ทันทีว่าภาพตรงหน้ามืดลง ราวกับว่ามีภูเขาขนาดใหญ่กดทับเข้ามา จนต้องร่นถอยไปหลายก้าวถึงทรงตัวไว้ได้
แม้แต่ศิษย์ระดับผลึกสิบกว่าคนที่อยู่ด้านหน้าก็เซไปเซมาอยู่ครู่หนึ่ง ถึงรักษาความปลอดภัยของตัวเองไว้ได้ แต่ต่างก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ไม่มีใครสบตาศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้โดยตรง
หลิ่วหมิงกระตุ้นพลังเวทภายในร่าง แต่กลับยังยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ก็เผยสีหน้าตกใจออกมา ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้สามารถปล่อยกลิ่นไออันน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ เกรงว่าพลังที่แท้จริงคงไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เลยแม้แต่น้อย
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ย่อมพากันตามออกไป
ครู่ต่อมา ผู้คนก็มาถึงด้านหลังยอดเขาลั่วโยว ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง มีลานประลองขนาดใหญ่อยู่ด้านใน
ภายใต้การเคลื่อนไหวของมู่ตวนหลงกับหญิงชุดดำ ทั้งสองก็กระโดดเข้าไปในลานประลอง และศิษย์คนอื่นๆ ที่เหลือก็ล้อมอยู่ด้านนอก
“การประลองในครั้งนี้ เพียงแค่ตัดสินหาผู้ชนะไปร่วมประลองกับสำนักเฮ่าหรานเท่านั้น ดังนั้นหากรู้สึกถึงความไม่ปกติ ข้าจะยื่นมือเอง” อินจิ่วหลิงประกาศกลางอากาศ จากนั้นก็โบกมือเปิดชั้นจำกัดบนลานประลองออกมา และม่านแสงสีขาวสลัวๆ ก็ปรากฏออกมาหนึ่งชั้น
มู่ตวนหลงกับหญิงชุดดำย่อมพยักหน้าตอบรับ
พอมีเสียงว่า “เริ่ม!” หญิงชุดดำก็หยิบธงสีดำออกมาหนึ่งผืน พอโบกสะบัด ก็มีไอดำพวยพุ่งออกมาสองสาย ภายใต้การหมุนวนติ้วๆ มันก็กลายเป็นวิญญาณสีเทาสลัวๆ สองดวง ดูเหมือนจะเป็นหญิงสาวสองคนที่มีท่าทีเศร้าสร้อย มีปราณหยินจางๆ แผ่ออกมา
หลังจากมู่ตวนหลงส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว ก็พ่นธงปีศาจขนาดเล็กออกมาผืนหนึ่ง และกำมันไว้แน่น ภายใต้การร่ายคาถาเขาก็ปล่อยพลังใส่มัน ธงปีศาจส่งเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นก็มีปีศาจกระดูกที่มีหัวเป็นวัว ร่างเป็นมนุษย์ สูงจั้งกว่าๆ ปีนขึ้นมา ไอสีเทาพวยพุ่งอยู่รอบตัวไม่หยุด
ร่างของมู่ตวนหลงพร่ามัว และจมหายไปในร่างของปีศาจกระดูกหัววัว
จากนั้นปีศาจตัวนี้ก็แหงนหน้าแผดเสียงออกมา และพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับปราณหยินอันพวยพุ่ง
เสียงระเบิดกับเสียงปีศาจร้องหมาป่าหอนดังอยู่ครู่หนึ่ง วิญญาณปีศาจสองดวงที่หญิงชุดดำเรียกออกมาพ่นไอเย็นสะท้านแปลกประหลาด ร่างของมันเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ แต่หลังจากผ่านไปสองรอบ ก็ถูกปีศาจกระดูกหัววัวที่มู่ตวนหลงสิงอยู่ ใช้เงากรงเล็บจำนวนมากตะกุยจนแตกกระจาย และได้แต่ยอมแพ้
พอนางออกจากลานประลอง ก็มีชายหนุ่มรูปร่างกำยำขึ้นมาท้าสู้
พอชายหนุ่มรูปร่างกำยำขึ้นมา ก็โบกสะบัดพัดยักษ์ที่เต็มไปด้วยปราณหยิน และเรียกปีศาจกระดูกที่มีขนาดจั้งกว่าๆ ออกมาสี่ตัว จากนั้นก็ทำการต่อสู้กับปีศาจกระดูกหัววัวที่มู่ตวนหลงสิงร่างอยู่อย่างดุเดือด
………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา