ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 611

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 611 เขาถานกวง
ตอนที่ 611 เขาถานกวง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในขณะที่ชายหนุ่มรูปร่างกำยำควบคุมปีศาจกระดูกนั้น มันก็จัดวางเป็นค่ายกลรบหลังหนึ่ง และอาศัยพลังของค่ายกลบางอย่างกักขังฝ่ายตรงข้ามไว้

ปีศาจหัววัวที่มู่ตวนหลงสิงร่างอยู่กลับขยายร่างใหญ่ขึ้น ภายใต้การดิ้นของเส้นสีดำขนาดใหญ่บนผิวหนัง แขนขนาดใหญ่ทั้งสองก็โบกสะบัดอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โจมตีปีศาจกระดูกทั้งสี่จนกระเด็นออกไป ราวกับว่าถูกลมฤดูใบไม้ร่วงพัด หนึ่งในนั้นยังกระแทกลงบนตัวชายหนุ่มรูปร่างกำยำอย่างรุนแรง จนชายหนุ่มต้องกระอักเลือดออกมา และล้มลงพื้นทันที

“ราชาปีศาจ!” มีคนหลุดปากออกมา

หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา

สำหรับเขาแล้วย่อมไม่รู้สึกแปลกหน้ากับคำว่า ‘ราชาปีศาจ’ แต่อย่างใด ตอนอยู่ในนิกายปีศาจ เขาเคยควบคุมราชาปีศาจไร้หัวที่ปรมาจารย์ลิ่วยินทิ้งไว้ ซึ่งพลังของมันพอที่จะเทียบเท่ากับระดับผลึกได้ จุดนี้เขาย่อมรู้ดี และกลิ่นไอที่ราชาปีศาจแผ่ออกมาหลังจากกลายร่าง ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าราชาปีศาจไร้หัวในก่อนหน้าหลายส่วน

ศิษย์ระดับของเหลวคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ เผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา และไม่มีใครขึ้นไปท้าทายอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

อินจิ่วหลิ่งเห็นเช่นนี้ ก็รอจนมีคนนำร่างของชายหนุ่มร่างกำยำลงไปแล้ว เขาจึงเลิกคิ้วเตรียมประกาศผลการท้าสู้ และผู้คนในบริเวณนั้นก็เงียบลงทันที

“ข้าแซ่หลิ่วด้อยความสามารถ หวังว่าศิษย์พี่จะช่วยชี้แนะให้เล็กน้อย”

พอน้ำเสียงสิ้นสุด ก็มีคนผู้หนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมาท่ามกลางสายตาประหลาดใจของฝูงชน และหายวับไปปรากฏตัวในลานประลอง

อินจิ่วหลิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาประหลาดใจออกมาเช่นกัน แต่ก็แค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

ผู้อาวุโสระดับแก่นแท้ทั้งสองต่างก็สบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็ดูมีท่าทีสนใจเป็นอย่างมาก

“อ๋อ! ก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นศิษย์น้องหลิ่วนั่นเอง ได้ยินว่าศิษย์น้องหลิ่วเข้าเป็นศิษย์สายในโดยการบุกเจดีย์ซวีหลิงชั้นที่สามสิบหก คิดว่าคงมีฝีมือไม่เบา ข้าเองก็อยากขอคำชี้แนะมานานแล้ว” พอมู่ตวนหลงเห็นหลิ่วหมิง เขาก็ไม่มีสีหน้าสะทกสะท้านแต่อย่างใด แต่ใจกลับเต้นโครมคราม

หากเขาเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว ย่อมไม่รู้สึกหวาดกลัวกับผู้ที่มีแค่สามชีพจรจิตวิญญาณอย่างใด แต่ภายใต้สถานการณ์ที่เผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนระดับเดียวกัน ทั้งยังผ่านด่านเจดีย์ซวีหลิงชั้นที่สามสิบหกมาด้วย ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

“ก่อนหน้านั้นศิษย์พี่ต่อสู้อย่างดุเดือดมาหลายรอบ ไม่ทราบว่าต้องการพักผ่อนสักหน่อยหรือไม่” หลิ่วหมิงถามออกไปหนึ่งประโยค

“ไม่ต้องแล้ว พวกเราเริ่มกันเถอะ!” มู่ตวนหลงกล่าวออกมาอย่างเฉียบขาด จากนั้นก็พร่ามัวหายไปในร่างของราชาปีศาจอีกครั้ง

พอเขากระตุ้นพลังเวท แสงสีม่วงก็เปล่งประกายในดวงตาทั้งสองของราชาปีศาจหัววัว ไอหมอกสีเทาพวยพุ่งออกจากตัว เท้าทั้งคู่กระทืบลงพื้นอย่างรุนแรง และร่างของมันก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงราวกับก้อนหินยักษ์

หลิ่วหมิงกลับยืนรออยู่ที่เดิมอย่างไม่รีบร้อน พอทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง ไอหมอกสีดำก็พวยพุ่งออกมา มือเท้าทั้งสี่สั่นไหวกลายเป็นเงาร่างสองเงา และหลบการโจมตีของราชาปีศาจได้อย่างง่ายดาย

ราชาปีศาจที่พุ่งเข้าใส่ความว่างเปล่าส่งเสียงคำรามออกมา แขนขนาดใหญ่ทั้งสองโบกสะบัดใส่เงาร่างทั้งสองของหลิ่วหมิงอีกครั้ง

“ฟู่!”

เงาร่างสลายไปทันที

มีเสียงคำรามดังขึ้นบนแท่นประลอง และเกิดเสียงดังติดต่อกันไม่หยุด ปราณหยินพวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้น มีเงาร่างก่อตัวขึ้นด้านหลังราชาปีศาจ และร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมา พอเขาส่งเสียงตะโกน เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามก็ดังไปทั่วขอบฟ้า จากนั้นมังกรหมอกดำสามตัวที่ยาวเจ็ดแปดจั้งก็พุ่งออกจากหลัง และม้วนตัวไปทางด้านหลังของราชาปีศาจยักษ์

มู่ตวนหลงรีบเปลี่ยนท่ามือด้วยความตกใจ หลังจากราชาปีศาจหันหน้ากลับมา ไอหมอกสีเทาบนตัวก็พวยพุ่ง และก่อตัวเป็นหัววัวขนาดใหญ่ต้านทานอยู่ตรงหน้า

หลังจากมังกรทั้งสามกระโจนเข้ามา ก็มีเสียงระเบิดดังจนหูแทบหนวก!

ไอหมอกสีเทากับสีดำม้วนตัวออกไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยให้เห็นราชาปีศาจที่ร่นถอยอยู่ไม่หยุด แขนสีขาวโพลนทั้งสองถูกระเบิดจนแตกละเอียด นอกจากนี้ยังมีรูขนาดใหญ่ตรงหน้าอก ร่างของมันโซซัดโซจนดูเหมือนว่าใกล้จะล้มลงพื้นแล้ว

“หยุด……ข้ายอมแพ้!” มีเสียงร้องด้วยความตกใจของมู่ตวนหลงดังออกจากปากราชาปีศาจ จากนั้นก็มีเงาร่างคนเคลื่อนไหวบนหัววัว และร่างของเขาก็ปรากฏออกมา

ราชาปีศาจตัวนี้ติดตามเขาตั้งแต่ระดับศิษย์จิตวิญญาณ และยังได้พบกับความโชคดีไม่น้อย จนกระโดดเข้าสู่ระดับราชาปีศาจ และยังรวมร่างกับเขาได้ชั่วคราวโดยผ่านเคล็ดวิชาบางอย่างที่ฝึกฝน

เขาไม่อยากทำลายราชาปีศาจ เพียงเพราะว่าต้องการออกไปประลองข้างนอก

หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

เขาย่อมไม่คิดว่าราชาปีศาจจะมีฝีมือแค่นี้ แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้แล้ว เขาก็ประสานมือกล่าวอย่างถ่อมตัวสองสามประโยค โดยไม่พูดอะไรมาก

“คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่มู่จะพ่ายแพ้แล้ว……”

“วิชาที่หลิ่วหมิงผู้นี้ฝึกฝนคือเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ดูท่าจะฝึกฝนขั้นที่สามจนสมบูรณ์แบบแล้ว และพลังเวทก็ดูเหมือนจะเหนือกว่าหนึ่งขั้น”

“แค่ศิษย์น้องมู่มีราชาปีศาจอยู่ในมือ คิดไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้รวดเร็วเช่นนี้ ดูท่าศิษย์น้องหลิ่วที่มาใหม่ผู้นี้คงมีความสามารถสมคำร่ำลือ”

ศิษย์ที่ชมการประลองอยู่บริเวณนั้น ต่างก็รู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง และทำการกระซิบกระซาบกันเบาๆ โดยเฉพาะศิษย์ระดับผลึกจำนวนหนึ่ง ต่างก็มองหลิ่วหมิงอย่างระมัดระวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา