“ฉับ!”
ราชาโลหิตเก็บมือไม่ทัน ดาบโลหิตที่มือขวาถืออยู่ จึงฟันใส่แขนซ้ายของตนเอง
ขณะเดียวกัน แขนข้างหนึ่งของหลิ่วหมิงก็กระชากลงด้านล่าง ทำให้แขนซ้ายของราชาโลหิตขาดออกมา
ท่ามกลางเสียงร้องอย่าน่าเวทนา ราชาโลหิตพุ่งถอยออกไปสิบกว่าจั้งทันที มือขวาของเขารีบเก็บดาบโลหิต และสร้างตราประทับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จมหายไปในบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายที่มีโลหิตไหลออกมา
ขณะเดียวกัน ปราณโลหิตรอบตัวก็ถูกแยกออกมาหลายสิบสาย และหมุนวนรอบไหล่ซ้ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เกาะตัวเป็นแขนใหม่อีกครั้ง
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จอย่างรวดเร็ว ราชาโลหิตก็จ้องมองหลิ่วหมิงที่ถือแขนข้างหนึ่งของเขาอยู่ด้วยความโมโหกว่าเดิม
ดวงตาของเขาเผยแววโหดร้ายออกมา พอแขนทั้งสองประกบกันแล้วแยกออกมาอีกครั้ง แสงโลหิตก็เปล่งประกาย แขนทั้งสองต่างก็ควบแน่นดาบโลหิตที่มีปราณโลหิตพวยพุ่งขึ้นมาหนึ่งเล่ม
จากนั้นเขาก็ส่งเสียงคำรามออกมา และกระตุ้นปราณโลหิตให้พวยพุ่งออกจากตัว ทำให้พื้นที่ในระยะหลายจั้งกลายเป็นทะเลโลหิตไปทั้งแถบ
หลิ่วหมิงที่กลายร่างเป็นปีศาจเห็นเช่นนี้ ก็แค่โยนแขนของราชาโลหิตทิ้งไป จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปในทะเลโลหิต
‘หลิ่วหมิง’ ที่มีไอปีศาจปกคลุมเต็มตัวแหวกทะเลโลหิตตรงหน้าจนกลายเป็นทางเดินสายหนึ่ง ปราณโลหิตอันพวยพุ่งไม่อาจสัมผัสโดนร่างเขาได้เลยแม้แต่น้อย ตัวเขาเคลื่อนไหวไปในทะเลโลหิตตามอำเภอใจราวกับไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้น หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าราชาโลหิต
ราชาโลหิตได้เตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ขณะที่หลิ่วหมิงมาปรากฏตัวนั้น แววตาของเขาก็ดูเฉียบขาดขึ้นมา แขนทั้งสองพร่ามัวฟันออกไปตรงหน้า จากนั้นเงาดาบโลหิตจำนวนมากก็ม้วนตัวตัดสลับกันออกมา ราวกับจะฟันหลิ่วหมิงออกเป็นชิ้นๆ
……
ด้านนอกห้องโถงอันเงียบสงัดที่หลิ่วหมิงกับราชาโลหิตอยู่ มีเงาร่างจำนวนไม่น้อยที่อยู่บริเวณนี้ และต่างก็จ้องมองทางเข้าห้องโถงด้วยแววตากระหาย
แต่ว่ามีเสียงต่อสู้ดังมาจากด้านในห้องโถงอยู่ตลอดเวลา และยังมีคลื่นพลังเวทรุนแรงที่ทำให้คนเหล่านี้เกิดความลังเลขึ้นมา
“พี่ใหญ่ เอาไงดี พวกเราต้องเข้าไปหรือไม่?” มีชายชุดแดงสามคนซ่อนอยู่ด้านหลังเสาหินที่อยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มที่รูปร่างเตี้ยเล็กถามด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ทั้งสามต่างก็สวมชุดแบบเดียวกัน ประจักษ์ชัดว่าเป็นคนนิกายเดียวกัน
พี่ใหญ่ที่ชายร่างเตี้ยพูดถึง เป็นชายหนุ่มผอมสูงที่ค่อนข้างรูปงามผู้หนึ่ง ขณะนี้เขากำลังจ้องไปยังห้องโถงตรงหน้า และไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ดูเหมือนว่ายังลังเลอยู่
“ความร่ำรวยอยู่ท่ามกลางอันตราย พี่ใหญ่ท่านลองคิดดู เพื่อการสืบเรื่องซากโบราณแห่งนี้ พวกเราสูญเสียไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่ใช่เพื่อรวบรวมไอปีศาจแท้ในการทะลวงคอขวดระดับของเหลวหรอกหรือ แต่ตลอดทางที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ไอปีศาจแท้เลย แม้แต่ไอปีศาจที่บริสุทธิ์จำนวนหนึ่ง ก็รวบรวมมาได้ไม่เท่าไหร่ หรือว่าพวกเราจะกลับไปตัวเปล่าเช่นนี้?” ชายชุดแดงอีกคนกล่าวออกมา
ดูเหมือนชายหนุ่มรูปงามจะรู้สึกใจเต้นขึ้นมา ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากออกมานั้น
พลันมีเสียงดังมาจากด้านในห้องโถง “ตู๊ม!” แม้แต่พื้นที่อยู่ไกลๆ ก็สั่นสะเทือนตามไปด้วย!
“แรงกดดันจิตวิญญาณรุนแรงเช่นนี้ เป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึก!” ชายหนุ่มรูปงามหลุดปากออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
อีกสองคนที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
“ไป! ชายหนุ่มรูปงามหมุนตัวกลับไปอย่างไม่ลังเล ผู้ฝึกฝนระดับผลึกไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถงัดมือได้ ไม่ว่าตรงหน้าจะมีไอปีศาจบริสุทธิ์หรือไอปีศาจแท้หรือไม่ จะต้องมีชีวิตรอดก่อนถึงจะได้มา
และผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ที่วนเวียนอยู่ในบริเวณนั้น ก็พากันจากไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
ไม่มีใครเป็นคนโง่ ภายในทุ่งหญ้าอาชาสวรรค์ ไม่อนุญาตให้ผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหยียบเข้ามา ไม่ว่าผู้ที่ต่อสู้อยู่ตรงหน้า จะเป็นผู้ฝึกฝนแข็งแกร่งที่บุกรุกเข้ามา หรือเป็นผู้ฝึกฝนของนิกายขวานทองคำหรือสระหมื่นปี ล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถยุแหย่ได้
หากผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้ายที่มีใจคอโหดเหี้ยมล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แล้ว
ถ้าจะเสียเวลากับที่นี่ ไม่สู้ไปหาที่อื่นจะดีกว่า บางทีอาจจะโชคดีได้ผลประโยชน์อะไรมาบ้าง
ขณะเดียวกัน ด้านหลังสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากห้องโถงไปไม่ไกล ชายหนุ่มชุดคลุมสีเทาที่มีใบหน้าธรรมดา ก็ดวงตาเป็นประกาย เขาพลิกฝ่ามือหยิบป้ายสีเงินออกมา และร่ายคาถาสองสามบท หลังจากแสงสีเงินเปล่งประกาย เขาก็เงียบลงอีกครั้ง
ขณะนี้ ชายหนุ่มชุดคลุมสีเทาถึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งขึ้นฟ้าท่ามกลางไอสีเทา และหมุนตัวพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง
……
ท่ามกลางห้องโถงอันเงียบสงัด ทะเลโลหิตขนาดใหญ่พวยพุ่งอย่างรุนแรง
ท่ามกลางทะเลโลหิต ร่างของราชาโลหิตเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด บริเวณหน้าท้องเปียกโชคไปด้วยเลือด มีรูขนาดเท่ากำปั้นปรากฏออกมา แต่แขนทั้งสองยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังส่งเสียงคำรามออกมา แต่ใบหน้าซีดขาวกลับดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
แขนทั้งสองของเขาฟันเงาดาบโลหิตใส่เงาร่างสีม่วงจางๆ ที่เคลื่อนไหวไปมาในทะเลโลหิตอยู่ไม่หยุด แต่ราวว่ากับฟันใส่ความว่างเปล่า
ประจักษ์ชัดว่าความเร็วของหลิ่วหมิงที่กลายร่างเป็นปีศาจ ได้เข้าสู่ระดับที่ไม่อาจคาดเดาได้แล้ว เงาดาบแน่นขนัดเหล่านี้ แตะต้องตัวเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!
พอเงาสีม่วงเปล่งประกาย หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวตรงหน้าราชาโลหิต หลังจากแขนทั้งสองพร่ามัว ก็เกิดเสียงดัง “เต๊ง!” “เต๊ง!” มือทั้งสองของเขาจับปลายดาบโลหิตทั้งสองไว้ และออกแรงที่นิ้วทั้งสิบพร้อมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา