ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 631

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 631 ศพแห้ง
ตอนที่ 631 ศพแห้ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิ่วหมิงลุกขึ้นมา พอคว้ามือข้างหนึ่งไปบนอากาศ เนื้อเหลวที่เปลี่ยนแปลงมาจากศีรษะของราชาโลหิตก็พุ่งขึ้นมา

พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ยันต์เก็บของที่กลายเป็นแสงสีขาว ก็ม้วนตัวออกมาเก็บเนื้อเหลวเหล่านี้เข้าไป และคืนร่างเป็นยันต์เก็บของอีกครั้งก่อนร่วงลงบนมือของเขา

ด้วยวิธีการของผู้ดำเนินการในหอความเป็นความตายเหล่านั้น อย่าว่าแต่กลายเป็นเนื้อเหลวเลย ต่อให้กลายเป็นขี้เถ้าก็คงมีวิธีคืนรูปศีรษะเดิม และตัดสินได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม

หลิ่วหมิงเก็บอาวุธจิตวิญญาณของราชาโลหิตที่มีลักษณะคล้ายกำไลข้อมือเข้าไป จากนั้นก็หันมามองค่ายกลผนึกที่แตกร้าวออกมา

“ฟู่!”

หลิ่วหมิงทุบกำปั้นใส่รอยร้าวบนค่ายกลอย่างรุนแรง

หลังจากมีเสียงดังขึ้น เศษหินนับไม่ถ้วนก็กระเด็นไปทั่วทิศ บนพื้นแตกร้าวเป็นรูขนาดครึ่งจั้ง ด้านล่างมืดสนิท มองไม่เป็นสิ่งใด ดูเหมือนจะเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดลงไป ขณะเดียวกันก็กระตุ้นไอดำที่พวยพุ่งบนตัวให้ม้วนตัวปกคลุมร่างไว้ พอคว้ามือข้างหนึ่งไปบนอากาศ โล่เก้ากะโหลกก็ถูกถืออยู่ในมือเขา

ถ้ำไม่ค่อยลึกมาก ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ หลิ่วหมิงก็ร่วงไปถึงพื้นด้านล่างแล้ว

ถ้ำมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่ไม่ถึงสิบกว่าจั้ง พื้นด้านล่างเต็มไปด้วยทรายละเอียดสีขาว และมีไอดำจางๆ ปกคลุมอยู่ ทั้งยังมีกลิ่นเน่าผุจางๆ

“เอ๊! นี่คือ…”

พอหลิ่วหมิงกลอกลูกตาไปมา ก็มองทะลุไอดำจางๆ ไปเห็นมุมหนึ่งของถ้ำ มีศพแห้งเหี่ยวนอนอยู่บนพื้น ข้อมือทั้งสองต่างก็สวมกำไลสีดำอยู่ข้างละวง

ขณะที่หลิ่วหมิงเพิ่งจะเดินหน้าไปหนึ่งก้าวนั้น กำไลบนข้อมือก็ดูเหมือนจะเปล่งประกายพร้อมกัน

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียงเบาๆ ในหู จากนั้นก็เกิดเสียงดัง “หวึ่ง!” ในทะเลจิตรับรู้ และดวงตาทั้งคู่ก็มืดลงก่อนล้มลงพื้น

โล่เก้ากะโหลกในมือก็หล่นลงพื้นเสียงดัง “เต๊ง!”

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด หลิ่วหมิงถึงค่อยๆ ได้สติขึ้นมา พอนึกถึงเรื่องในก่อนหน้านั้น เขาก็ลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น ข้าหมดสติไปได้อย่างไร หรือว่ามีใครลอบโจมตีข้า?” หลิ่วหมิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผาก

แต่พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เขาก็ต้องละทิ้งไปทันที หากมีคนคิดไม่ดีกับเขาจริงๆ ไหนเลยจะยอมให้เขาฟื้นขึ้นมาได้

พอกวาดสายตามองดูรอบด้าน ก็ค้นพบว่าก้นถ้ำยังคงเป็นเหมือนเดิม และศพแห้งเหี่ยวก็ยังนอนอยู่ที่เดิม กำไลบนข้อมือก็ยังอยู่ แม้แต่โล่เก้ากะโหลกที่เขาทำร่วงลงพื้น ก็ถูกวางอยู่อย่างเงียบๆ

หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้ ทันใดนั้น เขาก็คว้ามือข้างหนึ่งเก็บโล่เก้ากะโหลกขึ้นมา และเดินไปด้านหน้าศพแห้งเหี่ยวด้วยตาที่เป็นประกาย

ไม่รู้ว่าศพนี้นอนอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว เลือดเนื้อแห้งเหี่ยวไปหมด เหลือแค่สีที่เหลืองซีด จนมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงแล้ว

ทันใดนั้นเขาก็ขยับคิ้ว หากไม่สังเกตดูอย่างละเอียดก็คงมองไม่ออก เมื่อครู่เขารับรู้ถึงกลิ่นไอปีศาจแท้อ่อนๆ บนตัวศพได้อย่างลางๆ แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น

“ไอปีศาจแท้ในผนึกออกมาจากถ้ำแห่งนี้ หรือว่าจะมาจากศพแห้งศพนี้…” ในใจหลิ่วหมิงเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากศพแห้งเหี่ยวที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ภายในถ้ำแห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้น่าสงสัยอีก

จากนั้นสายตาของเขาก็ตกอยู่บนกำไลสีดำคู่นั้น พอหรี่ตาทั้งคู่ลง ก็นึกถึงฉากก่อนที่ตัวเองหมดสติไป สีหน้าของเขาเคร่งครึมขึ้นมาทันที

เขาพลิกฝ่ามือหยิบดาบสั้นสีดำที่เก็บมาได้ในก่อนหน้านั้น และค่อยๆ เขี่ยกำไลวงหนึ่งออกมาไว้ในมือ

กำไลมีเนื้อแข็งแต่กลับเบาเหมือนขนนก มีสัมผัสเย็นผิดปกติในมือ แต่พอใช้จิตกวาดดูกลับไม่รู้สึกถึงคลื่นพลังจิตวิญญาณใดๆ ดูไม่เหมือนอาวุธจิตวิญญาณเลย

“ช่างเถอะ! การต่อสู้กับราชาโลหิตเมื่อครู่ ดึงดูดความสนใจคนจำนวนไม่น้อย รีบไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเช่นนี้ และถอดกำไลอีกวงออกมา จากนั้นก็เก็บศพไว้ในยันต์เก็บของก่อนใส่ลงไปในแหวนย่อส่วน

สุดท้ายก็กวาดสายตามองดูรอบๆ ทีหนึ่ง หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรตกหล่นแล้ว ถึงกระโดดขึ้นไปจากถ้ำ

ไม่นาน แสงสีดำลำหนึ่งก็ห่อหุ้มร่างของเขา และกระพริบหายไปจากห้องโถง และพุ่งไปทางเข้าซากโบราณอย่างรวดเร็ว หลังจากเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลิ่วหมิงจากไปไม่นาน ก็มีเงาร่างปรากฏตรงปากทางเข้า จากนั้นเงาร่างของชายชุดคลุมสีเทาก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา หลังจากเขาสังเกตดูร่องรอยการต่อสู้ภายในห้องโถงแล้ว ก็เผยแววตากระสับกระส่าย แต่กลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน

ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป แสงสีทองก็พุ่งมาจากที่ไกลๆ และร่วงลงด้านข้างชายชุดคลุมสีเทาที่อยู่ไม่ไกล

พอแสงหลบหลีกดับลง ก็เผยให้เห็นเงาร่างของผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่สวมชุดคลุมสีทอง

“อาจารย์ ท่านมาแล้ว!” พอชายชุดคลุมสีเทาเห็นว่ามีคนมา ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที

“ซุนถู เจ้าส่งข่าวบอกข้าว่ามีผู้ฝึกฝนระดับผลึกของนิกายอื่นอยู่ที่นี่ ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด?” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีทองสังเกตดูรอบด้านทีหนึ่งแล้วขมวดคิ้วกล่าวออกมา

“คนผู้นั้นไปแล้ว ก่อนหน้านั้นเขากับคนผู้หนึ่งต่อสู้กันตรงหน้านี้ ดูเหมือนว่าเป็นเพราะไอปีศาจแท้จำนวนหนึ่ง” ชายชุดคลุมสีเทากล่าวด้วยท่าทีหน้าม่อยคอตก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา