แสงสีเขียวเปล่งประกายบนป้าย แสงสีเขียวลำหนึ่งพุ่งยิงออกไป
ชั้นจำกัดสีเทาสลัวๆ บนกล่องหยกหายไปในพริบตา ขณะเดียวกัน ฝากล่องก็ค่อยๆ เปิดออกมา เผยให้เห็นสิ่งที่วางอยู่ด้านใน
ผลึกหินสีทองอร่ามขนาดเท่ากำปั้นที่มีรูขรุขระอยู่บนพื้นผิวถูกวางอยู่ในนั้น
หลิ่วหมิงหยิบผลึกหินขึ้นมาอย่างระมัดระวัง พอกำไว้ในมือก็รู้สึกเย็นเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
มืออีกข้างก็ใช้ปลายนิ้วดีดปราณกระบี่อันแหลมคมออกไป แต่พอมันปะทะลงบนผลึกหิน ก็จมหายเข้าไปในนั้นราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
ผลึกหินสีทองดูดซับปรานกระบี่สายนี้ไป จากนั้นแสงสีทองบนตัวก็เปล่งประกายมากกว่าก่อนหน้านั้น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้แล้ว ถึงพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็เก็บมันเข้าไปในกล่องหยก และใส่เข้าไปในแหวนย่อส่วนบนมือ
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็ใช้จิตกวาดดูป้ายประจำตัวบนเอวอีกครั้ง พอค้นพบว่าในนั้นเหลือแต้มคุณูปการหนึ่งหมื่นกว่าแต้ม ก็ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าครั้งนี้จะใช้แต้มคุณูปการไปเกือบหมด แต่ได้วัสดุหลอมร่างตัวอ่อนกระบี่จิตวิญญาณมาอย่างราบรื่นเช่นนี้ ในใจเขายังคงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
ต่อมา หลิ่วหมิงออกจากห้องโถงแห่งนี้โดยผ่านค่ายกล และออกจากวิหารไท่เจินไปอย่างรีบร้อน จากนั้นก็เหยียบเมฆดำพุ่งไปยังตลาดในนิกายทันที
ขณะนี้ เขาได้วัสดุหลักในการหลอมกระบี่บินพลังจิตวิญญาณมาแล้ว ที่เหลือก็คือวัสดุเสริมที่ค่อนข้างธรรมดากับสิ่งของที่ใช้ในการวางค่ายกลแสงดาราจำนวนหนึ่ง
สองชั่วยามผ่านไป ขณะที่หลิ่วหมิงเดินออกมาจากตลาดนั้น ในแหวนย่อส่วนของเขาก็มีวัสดุเสริมที่ใช้ในการหลอมตัวอ่อนกระบี่ ซึ่งเตรียมเรียบร้อยไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว
ค่ายกลแสงดาราไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรในนิกายยอดบริสุทธิ์ นอกจากหลอมตัวอ่อนกระบี่แล้ว ภายในนิกายยังมีสำนักที่ฝึกฝนพลังแสงดารา หรือปรุงโอสถแสงดาราอยู่
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้สองแสนกว่าหินจิตวิญญาณซื้อเครื่องมือวางค่ายกลชุดหนึ่งจากร้านค้าที่ขายเครื่องมือประเภทค่ายกลโดยเฉพาะ
ส่วนจะวางอย่างไรนั้น ในใจหลิ่วหมิงกลับไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
เพราะตนเองไม่เชี่ยวชาญสายค่ายกล ทำได้แค่วางค่ายกลชั่วคราวแบบง่ายๆ เท่านั้น
นอกจากค่ายกลแสงดาราจะไม่สามารถวางได้โดยง่ายแล้ว ที่สำคัญคือการเลือกจังหวะเวลาและสถานที่
แม้จะบอกว่าในคัมภีร์ที่หลิ่วหมิงพลิกอ่านในตอนนั้น มีบันทึกวิธีคำนวณตำแหน่งของดวงดาวอย่างละเอียด เพื่อหาสถานที่และเวลาที่ดีที่สุดในการวางค่ายกล จะได้ดึงดูดพลังของแสงดารามาให้ได้มากที่สุด แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเข้าใจได้ง่ายอย่างรวดเร็ว ไม่สู้ใช้หินจิตวิญญาณหรือแต้มคุณูปการจำนวนหนึ่งไปเชิญศิษย์ที่เชี่ยวชาญค่ายกลมาช่วยง่ายกว่ากันเยอะ
หลังจากหลิ่วหมิงตัดสินใจแล้ว ก็ทำท่ามือขี่เมฆไปทางหอลี้ลับทันที
ไม่นาน ภายในหอลี้ลับ หลิ่วหมิงกำลังสนทนาอยู่กับศิษย์ดำเนินการที่ดูสุภาพอ่อนโยนผู้หนึ่ง
“ข้าอยากประกาศภารกิจอย่างหนึ่ง ส่วนทางด้านขบวนการนั้น ต้องขอคำชี้แนะเล็กน้อย” หลิ่วหมิงประสานมือกล่าวกับศิษย์ดำเนินการ
“อ๋อ! ศิษย์พี่เพียงแค่บอกรายละเอียดของภารกิจให้ข้า รวมถึงเวลา สถานที่และเรื่องที่ต้องทำด้วย และมอบรางวัลในการทำภารกิจให้ทางหอเรา พวกเราจะมอบรางวัลให้ผู้ที่ทำภารกิจสำเร็จเอง หากเกินหนึ่งเดือนแล้วยังไม่มีคนมารับภารกิจ พวกเราจะคืนของรางวัลให้กับท่าน แต่ว่าจะไม่คืนค่าธรรมเนียมให้” ศิษย์ดำเนินการค่อยๆ อธิบายออกมา
“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนศิษย์น้องแล้ว ข้าอยากเชิญศิษย์ที่เชี่ยวชาญค่ายกลผู้หนึ่งมาวางค่ายกลที่สามารถดึงดูดพลังของแสงดาราได้ ซึ่งเครื่องมือนั้นข้าได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว ส่วนรางวัล……แต้มคุณูปการหกพันแต้มบวกกับสองหมื่นหินจิตวิญญาณก็แล้วกัน” หลิ่วหมิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา
หากเป็นค่ายกลธรรมดา คาดว่าคงใช้แต้มคุณูปการมากสุดพันแต้ม หรือหนึ่งแสนกว่าหินจิตวิญญาณก็สามารถเชิญคนมาได้แล้ว
แต่ว่าค่ายกลแสงดาราค่อนข้างพิเศษ แม้จะไม่นับว่าลึกซึ้งมากนัก แต่ศิษย์ที่ศึกษาทางด้านนี้ก็มีอยู่ไม่มาก อีกอย่างมีแต่ผู้ที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญการคำนวณดวงดาวเท่านั้น ถึงจะใช้ค่ายกลแสงดาราได้อย่างแม่นยำ หากว่าค่าตอบแทนไม่พอล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีคนยอมรับภารกิจนี้
อีกอย่าง ตอนนี้เขาค่อนข้างเร่งเวลา ดังนั้นย่อมยอมเสียแต้มคุณูปการเป็นค่าตอบแทนจำนวนมากสักครั้ง
ภายใต้การแนะนำของศิษย์ดำเนินการ หลังจากหลิ่วหมิงชำระแต้มคุณูปการกับจิตวิญญาณแล้ว ก็มองป้ายในของหอลี้ลับทีหนึ่ง ค้นพบว่าภารกิจที่ตนเองประกาศอยู่บนแถวที่สาม บรรทัดที่หก
มองกลับไปยังบรรทัดที่ห้าของแถวที่สามส่วนมากเป็นภารกิจร่วมสังหารปีศาจอสูรระดับสูงจำนวนหนึ่ง หรือไม่ก็ค้นหาวัสดุล้ำค่า ซึ่งแต้มคุณูปการกับหินจิตวิญญาณที่เป็นรางวัล ก็น้อยกว่าของหลิ่วหมิงมาก
หลิ่วหมิงเผยสีหน้าพอใจในทันที จากนั้นก็หมุนตัวออกไปจากหอลี้ลับ และขี่เมฆกลับไปยังถ้ำที่พัก
หลังกลับไปถึงถ้ำที่พัก เขาก็ตรงเข้าไปในห้องลับทันที ด้านหนึ่งทำความเข้าใจ และคลำหาวิธีการหลอมร่างตัวอ่อนกระบี่ ด้านหนึ่งก็รอคอยอย่างเงียบๆ
ผ่านไปแค่สองวัน เขาก็ได้รับข่าวจากทางหอลี้ลับว่า มีคนรับภารกิจของเขาแล้ว ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างอดไม่ได้
บ่ายวันนั้นมีลำแสงสีทองพุ่งเข้ามา และมาปรากฏตรงหน้าถ้ำที่พักของเขา จากนั้นก็เผยให้เห็นร่างชายหนุ่มชุดคลุมสีทองผู้หนึ่ง
“ดี! ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่หลิ่วก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้ เรื่องราวไม่อาจชักช้าได้ ตอนนี้พวกเราไปเลือกหาสถานที่เหมาะสมสำหรับวางค่ายกลเลยดีหรือไม่?” จินเทียนชื่อได้ยินก็ตบมือหัวเราะเป็นการใหญ่ และลุกขึ้นมากล่าว
“ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้พอดี!” หลิ่วหมิงตอบรับอย่างไม่ลังเล
ทั้งสองพูดตกลงกันได้ในทันที จากนั้นก็เดินไปนอกถ้ำที่พัก
บนพื้นว่างเปล่านอกถ้ำที่พัก จินเทียนชื่อสะบัดแขนเสื้อนำแผ่นค่ายกลขนาดหนึ่งฉื่อกว่าๆ ออกมา และปล่อยพลังเวทเข้าไปในนั้น ขณะเดียวกัน ก็ทำท่ามือคิดคำนวณไปหนึ่งรอบ จากนั้นแสงสีทองก็ม้วนร่างเขาไว้ และพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่ถามอะไรมาก เขาปล่อยกระบี่เล็กสีเขียวออกมาเช่นกัน จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งตามไป
เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสม ทั้งสองหาในเทือกเขาหมื่นวิญญาณนานถึงสามสี่วัน จนดูเหมือนว่าทั่วทั้งเทือกเขาจะถูกทั้งสองวนไปหนึ่งรอบ
สุดท้าย เที่ยงวันนี้ทั้งสองก็มาถึงเหนือเขาลูกเล็กๆ ภายในเทือกเขาหมื่นวิญญาณที่ดูรกร้างว่างเปล่ามาก ในที่สุดแผ่นค่ายกลบนมือจินเทียนชื่อก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ
“ดี! ในที่สุดข้าก็หาพบ!” จินเทียนชื่อมีสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นแสงสีทองรอบตัวก็ดับลง และร่อนลงไปด้านล่าง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวเช่นกัน จากนั้นแสงสีเขียวก็กะพริบลงไปด้านล่าง ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าการหาสถานที่วางค่ายกลที่เหมาะสมจะยากถึงเพียงนี้ ซึ่งเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
ขณะนี้เป็นเวลาหลังเที่ยงพอดี อาทิตย์ร้อนแรงอยู่ตรงศีรษะ หลังจากจินเทียนชื่อสำรวจดูรอบด้านทีหนึ่งแล้ว ก็พูดกับหลิ่วหมิงอย่าง่ายๆ ไม่กี่ประโยค และบอกว่าต้องวางค่ายกลแสงดาราในเวลากลางคืน
หลิ่วหมิงได้ยินก็นำธงเล็กสีทองสามสิบหกอันที่เป็นเครื่องมือวางค่ายกลหนึ่งชุดให้กับฝ่ายตรงข้าม ส่วนตนเองก็ไปหาพื้นที่ว่างนั่งขัดสมาธิลงไป และหลับตาพักผ่อน
จินเทียนชื่อย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ เขาไปหาพื้นที่ว่างแล้วนั่งขัดสมาธิลงเช่นกัน
หลายชั่วยามผ่านไป เมื่อตะวันตกดิน แสงจันทราสาดส่องเข้ามาบนเขา กลุ่มดวงดาราก็เริ่มปกคลุมเต็มท้องฟ้า จินเทียนชื่อที่อยู่อีกมุมหนึ่งลืมตาทั้งคู่และลุกขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็มีแสงเปล่งประกายในมือ จากนั้นแผ่นค่ายกลก็ปรากฏออกมา ตอนนี้เขาเริ่มเตรียมวางค่ายกลแล้ว
………………………………

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา