หลิ่วหมิงมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางเหรียญทองแดงลงไป และหยิบแผ่นหยกส่งสารมาแปะไว้บนหน้าผาก หลังจากปล่อยจิตเข้าไปอยู่พักหนึ่ง ก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาทันที
แผ่นหยกนี้เป็นข่าวที่ผู้อาวุโสร่างอ้วนได้รับมาจากกลุ่มพันธมิตรหมาป่า ในนั้นบอกว่ามีสมาชิกพันธมิตรหมาป่าค้นพบร่องรอยรังผึ้งห้าแสงในส่วนลึกของเทือกเขาจูหลง และคนผู้นี้กำลังเรียกสมาชิกพันธมิตรหมาป่าในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเตรียมโจมตีผึ้งห้าแสงที่อยู่ในนั้น และเก็บน้ำผึ้งของราชินีผึ้งมา
ในแผ่นหยกยังบันทึกแผนที่ไว้แห่งหนึ่ง และทำเครื่องหมายไว้บนจุดนัดพบ เพียงแค่ในมือถือสิ่งของยืนยันของพันธมิตรหมาป่า ก็สามารถเข้าร่วมขบวนการนี้ได้แล้ว
หลิ่วหมิงค่อยๆ นำจิตออกจากแผ่นหยกด้วยใจที่เต้นแรง
พูดถึงเขตเทือกเขาจูหลงแล้ว มักจะมีคนจับกลุ่มเข้าไปเก็บน้ำผึ้งห้าแสงอยู่บ่อยๆ แต่เนื่องด้วยสาเหตุต่างๆ โดยทั่วไปสามารถเก็บน้ำผึ้งคุณภาพสูงมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
แต่ในแผ่นหยกกลับพูดถึงรังผึ้งห้าแสงในครั้งนี้เป็นพิเศษ ซึ่งอยู่ในสถานที่ห่างไกลมาก ไม่มีผู้ใดหาพบเห็นมาก่อน และปีศาจผึ้งในนั้นก็มีพลังแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้น้ำผึ้งของราชินีที่ผลิตโดยราชินีจะต้องมีคุณภาพสูงมาก ซึ่งสามารถปรับแต่งของเหลวห้าแสงได้ไม่น้อย
ในเมื่อเขาไม่คิดจะอยู่ที่นี่นาน ก็จะได้ถือโอกาสตักตวงให้มากๆ อย่างไรซะพันธมิตรหมาป่าก็ยอมรับแต่สิ่งของไม่ยอมรับคน ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหา!
หลังจากคิดไตร่ตรองไปรอบหนึ่งแล้ว หลิ่วหมิงก็นำคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์ออกมา ขณะที่จิตรับรู้กำลังจะแผ่ออกไปนั้น สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
พอจิตรับรู้ของเขาสัมผัสโดนคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์ แสงสีขาวจางๆ ก็เปล่งประกายบนพื้นผิว จากนั้นจิตรับรู้ก็ถูกดีดกระเด็นกลับมาโดยที่ไม่อาจเข้าไปในนั้นได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการอ่านเนื้อหาด้านในเลย
หลิ่วหมิงเผยสีหน้าดีใจออกมา ในเมื่อคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์นี้ได้เพิ่มชั้นจำกัดไว้ มันจะต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน
เขาใช้ฝ่ามือทั้งสองคีบคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์ไว้ พอกระตุ้นพลังเวท ไอดำก็ห่อหุ้มมันไว้ตรงกลาง แสงจางๆ เปล่งประกายบนคัมภีร์ ดูเหมือนว่ากำลังต้านทานการบุกรุกของไอดำอยู่
“เอ๊ะ! ดูเหมือนว่านี่จะเป็นอาวุธเวทชิ้นหนึ่ง…”
หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็หยุดทำท่ามือ และอุทานเบาๆ อย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็นำคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์มาตรวจสอบดูอย่างละเอียด จะเห็นว่าบนพื้นผิวของมันมีลวดลายจิตวิญญาณเล็กๆ สลักอยู่จางๆ จนแทบจะทองไม่เห็น
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บีบเลือดออกจากปลายนิ้วหยดลงบนนั้น ขณะเดียวกัน นิ้วมือทั้งสิบก็เคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุด พลังแต่ละสายพุ่งลงออกมา และกะพริบหายเข้าไปในคัมภีร์ จากนั้นก็เริ่มร่ายคาถา
ผ่านไปสักพัก มีแสงสีขาวชั้นหนึ่งเปล่งประกายบนคัมภีร์อย่างบ้าคลั่ง และดับลงด้วยเสียงดัง “ฟู่!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รีบปล่อยจิตรับรู้เข้าไปในคัมภีร์ด้วยความดีใจ
ครั้งนี้จิตรับรู้ของเขาไม่ถูกต้านทานเลยแม้แต่น้อย สามารถเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย
หลิ่วหมิงถอนใจเบาๆ จากนั้นก็อ่านเนื้อหาในนั้นอย่างละเอียด
อักขระที่ใช้ในคัมภีร์เป็นอักขระบรรพกาลชนิดหนึ่ง โชคดีที่ก่อนหน้านั้นเขาอ่านบันทึกเกี่ยวกับอักขระโบราณมาไม่น้อย ดังนั้นจึงพอที่จะเข้าใจความหมายในนั้นอยู่บ้าง
หลังจากใช้เวลาไปหนึ่งมื้อข้าว หลิ่วหมิงถึงอ่านเนื้อหาในนั้นไปเกือบหมด และเขาต้องเผยสีหน้าประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
สิ่งที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์คือเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์พิเศษของดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้ แต่กลับไม่ได้ระบุชื่อใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชานี้ แต่ดูจากอักขระที่บันทึกเกี่ยวกับวิชานี้แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างโบราณมาก
และในคัมภีร์ทองสัมฤทธิ์ยังวาดภาพอสูรดุร้ายในสมัยบรรพกาลที่มีชื่อว่า ‘เชอฮ่วน’ ไว้ด้วย มันเป็นอสูรประหลาดที่ดูเหมือนโคแต่ก็ไม่ใช่โค มีเกล็ดมังกรปกคลุมบนตัวหนาแน่น ใบหน้าอัปลักษณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ พอดูก็รู้ว่ามันดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ตามบันทึกในคัมภีร์ เพียงแค่วาดเชอฮ่วนไว้บนตัว และทำการปรับแต่งด้วยวิชาพิเศษบางอย่าง ก็สามารถดูดซับวิญญาณอสูรชนิดต่างๆ ในใต้หล้าได้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถแสดงความสามารถที่เหลือเชื่อบางอย่างออกมาได้
แม้กระทั่งเมื่อทำการปรับแต่งภาพสัญลักษณ์นี้จนถึงขั้นสุดท้าย ยังอาจจะเรียกร่างอวตารที่มีพลังไม่ด้อยไปกว่าร่างจริงออกมาได้ด้วย
นอกจากนี้แล้ว เคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ไร้นามนี้ยังบันทึกว่าไม่จำเป็นต้องดูดซับวิญญาณอสูรมาสังเวย เพียงแค่วาดภาพสัญลักษณ์ ก็สามารถปกปิดกลิ่นไอของวิชาตนเองได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ตามที่บรรยายไว้ในคัมภีร์ การปิดบังกลิ่นไอเช่นนี้ เป็นวิธีการที่ล้ำลึกมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ก็ใช่ว่าจะสามารถมองเห็นการปกปิดนี้ได้
จะว่าไปแล้ว หลิ่วหมิงอยู่ในดินแดนป่าเถื่อนทางตอนใต้มานานสิบกว่าปีแล้ว ย่อมมีความเข้าใจเกี่ยวกับเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ในสถานที่แห่งนี้อยู่บ้าง ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อลอกเลียนแบบความสามารถของเผ่าปีศาจ
อานุภาพของเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์มีมากน้อยแค่ไหนนั้น สำคัญคือต้องดูระดับความลี้ลับมหัศจรรย์ของตัวภาพสัญลักษณ์ รองลงมาคือต้องดูโลหิตจิตวิญญาณของปีศาจอสูรที่ใช้ในขณะวาดด้วย
เคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ระดับต่ำทั่วไป ใช้โลหิตอสูรธรรมดาก็พอแล้ว แต่ภาพสัญลักษณ์ที่วาดออกมา อย่างมากก็แค่ทำให้พลังของคนแข็งแกร่งขึ้นมาหลายร้อยชั่ง ร่างกายเบาขึ้นมาหน่อย หรือระดับการป้องกันทางกายเนื้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็เท่านั้น
ตามที่บรรยายไว้ในเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ไร้นามนี้ อย่างน้อยต้องใช้โลหิตของปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ขึ้นไปถึงจะได้ ทั้งยังใช้ได้แต่โลหิตของปีศาจอสูรประเภทโคในการวาด เงื่อนไขโหดร้ายเช่นนี้ ดูท่าระดับของเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่พันธมิตรหมาป่าล้อมปราบปรามราชินีผึ้ง
ตามที่กล่าวไว้ในแผ่นหยกส่งสาร ราชินีของผึ้งห้าแสงฝูงนี้มีพลังอย่างน้อยระดับแก่นแท้ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้ผู้ที่เข้าร่วมขบวนการนี้จะต้องมีการฝึกฝนระดับแก่นแท้ขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา