ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 685

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 685 สืบเสาะแดนลึกลับในระยะแรก
ตอนที่ 685 สืบเสาะแดนลึกลับในระยะแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชั่วเวลาหนึ่งเค่อผ่านไป แท่นบูชาบนเขาเหลยฉือ

เลี่ยเจิ้นเทียนชายฉกรรจ์ชุดม่วงกับจงเหยียนชายฉกรรจ์หน้าดำ กำลังยืนเคียงไหล่อยู่หน้าแท่นบูชา ด้านล่างของทั้งสองคือผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจสิบกว่าคนที่แบ่งเป็นสองแถว แถวหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีม่วงซึ่งเป็นคนของปีศาจสายฟ้า อีกแถวล้วนสวมชุดสีดำ พอมองก็รู้ว่าเป็นศิษย์รุ่นหลังของชายฉกรรจ์หน้าดำ

ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจเหล่านี้ต่างก็มีการฝึกฝนระดับแก่นแท้ขึ้นไป ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นในบรรดาคนรุ่นหลังของทั้งสองเผ่า

“เรื่องเกี่ยวกับการทดสอบปีศาจสวรรค์ ข้าจะไม่พูดอะไรมากแล้ว พวกเจ้าล้วนเป็นศิษย์ที่มีคุณสมบัติสูงสุดที่ถูกคัดเลือกจากคนในเผ่านับหมื่นนับพันคน ลำดับถัดไปจะเป็นการเริ่มทดสอบอย่างเป็นทางการ อีกประเดี๋ยวข้ากับสหายจงจะร่วมมือกันเปิดทางเข้าแดนลึกลับ และภายในแดนลึกลับก็ได้เตรียมเครื่องสังเวยต่างเผ่าไว้เพียงพอแล้ว ใช้วิชาเฉพาะที่พวกเราถ่ายทอดมาดูดพลังวิญญาณของพวกเขาสร้างพลังให้กับตัวเอง เพื่อเตรียมการให้พร้อมสำหรับสืบสานปีศาจสวรรค์ แต่ว่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าสู่แท่นบูชาใจกลางแดนลึกลับได้ นี่หมายความว่าอย่างไร ข้าไม่ต้องบอกพวกเจ้าก็คงเข้าใจ ในเผ่าปีศาจของข้าผู้ที่แข็งแกร่งจะเป็นผู้อาวุโส มีเพียงผู้ชนะคนสุดท้ายที่ได้ป้ายอาญาสิทธิ์ของศิษย์ที่ได้รับคัดเลือกทั้งหมดเท่านั้น ถึงมีสิทธิ์ได้รับสืบสานปีศาจสวรรค์!” ชายฉกรรจ์ชุดม่วงประกาศด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ศิษย์เผ่าปีศาจที่อยู่ด้านล่างได้ยินคำพูดนี้ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา

ในเผ่าปีศาจ แม้ว่าผู้อ่อนแอกว่าตกจะเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่าจนเห็นเป็นเรื่องที่ชาชินแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างกัน ผู้เแข็งแกร่งในตอนท้ายไม่เพียงแต่จะมีพลังเพิ่มทวี ทั้งยังสามารถสืบสานปีศาจสวรรค์ในตำนานได้ ไม่เพียงแต่จะบรรลุสู่ระดับดาราพยากรณ์ได้โดยง่าย แม้แต่การเข้าสู่ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

เพื่อโอกาสนี้ ต่อให้จะรู้ว่ามีโอกาสเสียชีวิตในการทดสอบครั้งนี้สูง ศิษย์ที่โดนคัดเลือกก็ยังไม่มีใครยอมถอนตัว

ผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้นี้กลุ่มนี้ ต่างก็สังเกตดูพลังของฝ่ายตรงข้ามไม่หยุด และแอบชั่งน้ำหนักพลังที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นอย่างไรแล้ว

“หลังจากเปิดแดนลึกลับแล้ว พวกเจ้าทยอยเข้าไปตามลำดับในทุกห้าอึดใจ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับโชคของพวกเจ้าแล้ว” ชายฉกรรจ์หน้าดำกวาดสายตามองดูด้านล่างทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็หยุดสายตาอยู่ที่ชายฉกรรจ์หัวล้านรูปร่างล่ำสันทางฝั่งของตัวเองที่ยืนอยู่ตรงหน้าสุด

และในขณะเดียวกัน สายตาของชายฉกรรจ์ชุดม่วงก็ตกอยู่ที่ชายหนุ่มร่างผอมที่ยืนอยู่หน้าสุดของฝั่งตนเอง

ศิษย์ที่สมัครรับคัดเลือกล้วนมีการฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นต้นขึ้นไป และกลิ่นไอบนตัวของทั้งสองคนนี้ ก็ราวกับเป็นนกกระสาในฝูงไก่ เห็นได้ชัดว่ามีการฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นกลาง และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นศิษย์ที่อยู่จนถึงคนสุดท้าย

เลี่ยเจิ้นเทียนกับจงเหยียนต่างก็สบตากันอย่างรู้ใจ ทันใดนั้นร่างสองก็เคลื่อนไหวไปอยู่บนแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นทั้งสองก็ร่ายคาถาออกมา และทำท่ามือแปลกประหลาด

ไม่นาน แท่นบูชาด้านล่างก็เปล่งประกาย ทั้งสองยกมือขึ้นพร้อมกัน และต่างก็ควบแน่นมือยักษ์ขึ้นกลางอากาศคนละข้าง จากนั้นก็ดึงออกไปด้านนอกพร้อมกัน

เสียงสายฟ้าระเบิดดังอยู่พักหนึ่ง!

อากาศเหนือแท่นบูชาถูกแหวกออกมาจนกลายเป็นบานประตูเล็กๆ ในทันที

ครู่ต่อมา ชายฉกรรจ์หัวล้านในบรรดาศิษย์ที่สวมชุดคลุมยาวสีม่วง ก็พุ่งเข้าไปทันทีราวกับเตรียมตัวไว้นานแล้ว และเปิดประตูแดนลึกลับก่อนเหาะเข้าไปด้านในอย่างไร้ร่องรอย

ห้าอึดใจต่อมา ชายร่างผอมที่อยู่ตรงหน้าของศิษย์ชุดดำ ก็พร่ามัวมาปรากฏตัวตรงทางเข้าแดนลึกลับอย่างน่าประหลาดใจ และกะพริบหายเข้าในนั้น

……

ตีนเขาลูกหนึ่งในแดนลึกลับ ท้องฟ้าเป็นสีครามเข้ม เมฆสีขาวหิมะหลายก้อนกำลังลอยไปมาอย่างไม่ใส่ใจ พอทอดสายตามองออกไป จะเห็นว่ามีภูเขาห้อมล้อมอยู่ไกลๆ หญ้าสีเขียวเปรียบเสมือนร่มเงา เห็นได้ชัดว่าเป็นโลกภายนอกอีกแห่งหนึ่ง

ขณะนี้ หลิ่วหมิงที่สวมชุดคลุมสีเทากำลังยืนอยู่ใต้ร่มเงาไม้แห่งหนึ่งอย่างเงียบกริบ

ตั้งแต่ถูกเลี่ยเจิ้นเทียนโยนเข้ามาในแดนลึกลับ เขาก็รู้สึกหน้ามืดตาลายอยู่ครู่หนึ่งหลังจากทรงตัวได้อย่างยากลำบาก กลับค้นพบว่าตนเองถูกส่งมาในสถานที่แห่งนี้แล้ว และรอบด้านก็ไม่ใครเลยแม้แต่คนเดียว ประจักษ์ชัดว่าอู๋ขุย ฮวาชิงอิ่ง และคนอื่นๆ ต่างก็ถูกส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ของแดนลึกลับ

แม้จะไม่รู้ว่าปีศาจสายฟ้าโยนพวกเขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อันใด แต่ประจักษ์ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน เขาต้องหาทางออกทางอย่างเร่งด่วน เพื่อหลบหนีออกไปจากแดนลึกลับแห่งนี้

พอคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็ทำท่ามือกระตุ้นเมฆดำด้วยมือเดียวให้พาเขาเหาะออกไปไกลๆ

เขาเหาะไม่ค่อยเร็วมากนัก แม้ภายนอกสถานที่แห่งนี้จะดูสงบ แต่อาจจะแฝงไปด้วยอันตรายที่ไม่ทราบก็เป็นไปได้

ขณะเดียวกัน บนพื้นหินที่มีทรายสีเหลืองในแดนลึกลับ ฮวาชิงอิ่งกับหญิงสวมหมวกคลุมกำลังถูกผู้ฝึกฝนใส่ชุดหลากสี รูปร่างสูงใหญ่ห้าคนล้อมอยู่

ผิวหนังของคนเหล่านี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย และบนเสื้อผ้าก็ถูกปักด้วยแมงป่อง ตะขาบ และแมลงมีพิษอื่นๆ

“ท่านทั้งหลายคงเป็นสหายนิกายเบญจพิษในดินแดนทางตอนใต้สินะ ไม่ทราบว่าเหตุใดต้องขัดขวางพวกข้าทั้งสองด้วย?” ฮวาชิงอิ่งถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หญิงสวมหมวกคลุมที่อยู่ข้างนางก็มีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย มือทั้งคู่หดอยู่ในแขนเสื้อ

แม้ว่าพวกนางจะสังกัดพันธมิตรหมาป่าเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกันอย่างใด แต่ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ กลับต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาชีวิตแล้ว

“เฮ่อๆ! ที่แท้ก็เป็นคนใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร คงเพิ่งถูกปีศาจสายฟ้าโยนมาเมื่อครู่สินะ? ในเมื่อเข้ามาที่นี่แล้วก็อย่าคิดออกไปอีกเลย จะบอกอะไรให้ พวกเราอยู่มาเกือบสิบปีแล้ว…” ชายวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างอวบกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ

“จะพูดจาไร้สาระกับพวกนางทำไม ฆ่าพวกนางซะแล้วค่อยว่ากัน ได้หินจิตวิญญาณกับของล้ำค่าบนตัวพวกนางมาแล้ว พวกเราถึงจะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกหน่อย!” ชายหน้าเหลืองที่มีรูปร่างสูงใหญ่ตัดบทสนทนาของชายร่างอวบ และปัดมือตะโกนออกมา

คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ก็สะบัดแขนเสื้อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทันใดนั้นดาบบิน กระบี่บิน และแสงหลากสีต่างๆ ก็โจมตีเข้าใส่ทั้งสอง

ฮวาชิงอิ่งมีสีหน้าซีดขาวขึ้นมาทันที ผู้อาวุโสของนิกายเบญจพิษเหล่านี้ล้วนมีการฝึกฝนระดับแก่นแท้ขึ้นไป ดูเหมือนว่าชายหน้าเหลืองที่เป็นหัวหน้าใกล้จะบรรลุถึงระดับแก่นแท้ขั้นกลางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคนหรือพลังล้วนได้เปรียบกว่ามาก

แต่เรื่องมาถึงตัวแล้ว พวกนางทั้งสองย่อมไม่ยอมรับความตายแต่โดยดีอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา