จิตของเขากวาดดูบริเวณนี้อย่างละเอียด หลังจากรับรู้ว่าบริเวณนี้ไม่มีคนอื่นๆ แล้ว ก็เอานิ้วแตะระหว่างคิ้วกระตุ้นกระบี่บินว่างเปล่าในทันที พริบตาเดียวก็ขุดภูเขาตรงหน้าจนกลายเป็นถ้ำแห่งหนึ่ง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็เดินเข้าไปด้านใน และวางชั้นจำกัดป้องกันการมองเห็นและได้ยินจากบุคคลอื่นอย่างง่ายๆ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงไป
หลังจากเดินทางและต่อสู้มาหลายวัน พลังเวทในร่างเขาก็สูญเสียไปกว่าครึ่งหนึ่ง อยู่ในสถานที่ที่ไม่รับรู้ถึงอันตรายเช่นนี้ เขาย่อมต้องรีบฟื้นฟูให้เร็วที่สุด การดูแลตัวเองให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดถึงเป็นเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องทำ
หลังจากเขาหยิบโอสถจินหยวนมาทานไปหนึ่งเม็ดแล้ว พลังโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วร่าง และเขาก็นั่งหลับตาเข้าฌาน
เวลาค่อยๆ ผ่านไป พลังเวทในร่างก็ค่อยๆ ถูกเติมเต็ม
ผ่านไปหลายชั่วยาม ขณะที่หลิ่วหมิงรู้สึกว่าพลังเวทฟื้นฟูมาพอประมาณแล้วนั้น เขาก็ลืมตาทั้งคู่ในทันที และกำลังจะลุกออกไปเดินทางต่อ
ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดังก้องมาจากด้านนอก ตามด้วยเสียงดังโครมคราม ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างปะทะกับพื้นอย่างรุนแรง แม้แต่ถ้ำที่หลิ่วหมิงอยู่ก็สั่นสะเทือนอย่างเห็นได้ชัด เศษส่วนหินร่วงลงมาจำนวนมาก
ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีดำบนตัวหลิ่วหมิง ทำให้เศษหินเหล่านี้กระเด็นออกไป แต่เขาย่อมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็รีบเก็บกลิ่นไอบนตัว และเดินออกไปหน้าปากถ้ำ
เขาหายวับมาปรากฏตัวด้านหลังก้อนหินยักษ์ที่อยู่บริเวณปากถ้ำ ท่ามกลางฝุ่นที่ปกคลุมเต็มฟ้า จะเห็นว่ามีเงาร่างคนผู้หนึ่งล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาจากเศษหินจำนวนมาก ตำแหน่งที่หลิ่วหมิงอยู่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้พอดี
เขาก็คือชายชุดเขียว หนึ่งในสมาชิกพันธมิตรหมาป่าที่ถูกจับมาพร้อมกับเขา!
ชายชุดเขียวในขณะนี้ดูน่าสังเวชเป็นอย่างมาก มีบาดแผลเต็มตัว โลหิตซึมทะลุออกจากชุดสีเขียว เดินทีชุดคลุมสีเขียวของเขาก็เป็นอาวุธป้องกันที่ไม่เลว ตอนนี้กลับถูกกรีดจนเป็นรอยจำนวนมาก และดูเหมือนจะไร้ประโยชน์แล้ว
พอคนผู้นี้เพิ่งจะลุกขึ้นมาทรงตัวได้ ดาบบินสีม่วงสองเล่มก็ปรากฏกตรงด้านหลังของเขา มันวางไขว้กันและตัดออกไป ศีรษะของชายชุดเขียวหมุนขึ้นฟ้าในทันที ใบหน้ายังคงดูหวาดกลัวอย่างสุดขีด หลังจากร่างของโอนเอนสองสามที ก็ล้มลงไปท่ามกลางกองเลือด
ครู่ต่อมา ฝ่ามือสีม่วงที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยก็ยื่นออกมาท่ามกลางฝุ่นที่คละคลุ้ง พอกำนิ้วทั้งห้า ศีรษะของชายชุดเขียวที่กำลังจะตกลงพื้นก็ถูกคว้าเอาไว้
แต่พอมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ศีรษะก็ระเบิดออกมาเป็นฝนโลหิต แสงสีเขียวที่อยู่ในนั้นยังไม่ทันได้พุ่งออกมา ก็ถูกฝ่ามืออีกข้างคว้าไว้แน่น
หลังจากฝุ่นควันม้วนตัวออกไปทั้งสองด้าน ชายเผ่าปีศาจสีหน้าดุร้ายที่มีใบหน้ายาวแปลกประหลาดก็ค่อยๆ เดินออกมา เขามองดูแสงสีเขียวในมือที่ดิ้นรนไม่หยุดด้วยสีหน้าละโมบ
ความโหดร้ายเปล่งประกายในดวงตา จากนั้นก็อ้าปากพ่นแสงสีเหลืองออกมาห่อหุ้มวิญญาณของชายชุดเขียวไว้ และอ้าปากกลืนลงไปด้วยสีหน้าพอใจ
การเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้า โดยที่หลิ่วหมิงไม่มีโอกาสได้ขัดขวางเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าหลิ่วหมิงค่อยๆ เปลี่ยนไปในทันที
ไม่อย่างไรชายชุดเขียวก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้ ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวผู้นี้ ก็ดูเหมือนจะมีการฝึกฝนแค่ระดับแก่นแท้ขั้นต้น แต่เหตุใดถึงได้มีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้
พอเขากวาดสายตาไปเห็นเสื้อคลุมยาวสีม่วงบนตัวคนผู้นี้ ก็ต้องรู้สึกตกใจอีกครั้ง
ก่อนเขาถูกปีศาจสายฟ้าโยนเข้ามาในแดนลึกลับ เคยมองเห็นผู้ฝึกฝนปีศาจในเขาเหลยฉือจากที่ไกลๆ หากจำไม่ผิดล่ะก็ เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมอยู่ก็เป็นเสื้อคลุมยาวสีม่วงแบบนี้
หรือว่าปีศาจสายฟ้าจะลงมือกับบรรดาผู้ฝึกฝนในแดนลึกลับแล้ว?
หลิ่วหมิงเกิดความประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์อยู่ครู่หนึ่ง
ขณะนั้นเอง ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวที่อยู่ไกลๆ ก็ส่งเสียงเรอออกมา ทันใดนั้นประกายอันเยือกเย็นก็ปรากฏในแววตาของเขา พอโบกมืออย่างรวด แสงแหลมคมสีเหลืองก็พุ่งออกจากปลายนิ้วแล้วพุ่งไปยังปากถ้ำ มันกะพริบแค่ทีเดียวก็เจาะทะลุหินยักษ์ และมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง มันคือมุกสีเหลืองกลมดิกเม็ดหนึ่ง
หลิ่วหมิงพุ่งถอยออกไปด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน พอสะบัดแขนเสื้อ โล่กระดูกสีดำที่มีไอดำพวยพุ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“เต๊ง!”
แสงสีเหลืองโจมตีพื้นผิวโล่สีดำจนเกิดเป็นรอยร้าว ร่างหลิ่วหมิงสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นถึงพอจะทรงตัวไว้ได้
การโจมตีที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจนี้ ทำให้โล่เก้ากะโหลกราวกับถูกค้อนโจมตีอย่างรุนแรง และแสงแวววาวบนนั้นก็สลายไปบางส่วน
หลิ่วหมิงสูดหายใจลึกๆ ไปหนึ่งที พอทำท่ามือด้วยมือเดียว พลังเวทในร่างก็พวยพุ่งเข้าใส่โล่กระดูกในมืออย่างบ้าคลั่ง
แสงสีดำอันเข้มข้นพุ่งออกจากโล่เก้ากะโหลกในพริบตา หลังจากหัวกะโหลกทั้งเก้ากะพริบผ่านไป เมฆดำก็พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ครู่เดียวก็ปกคลุมร่างเขาไว้จนมิด
ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวร้อง “เอ๊ะ!” เบาๆ และเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา พอโบกมือข้างหนึ่ง แสงสีเหลืองก็พุ่งกลับมา และหมุนติ้วๆ ก่อนร่วงลงตรงหน้าเขา
มันคือมุกที่โจมตีโล่เก้ากะโหลกในก่อนหน้านั้น แม้ว่าจะมีขนาดเท่าไข่ไก่ แต่มีอักขระปกคลุมบนพื้นผิวอย่างหนาแน่น และแผ่ปรานจิตวิญญาณอันน่าตกใจออกมา
พอไอหมอกสีดำด้านล่างพวยพุ่ง หลิ่วหมิงที่สวมหน้ากากวานรยักษ์ก็ค่อยๆ ลอยอยู่กลางอากาศ และจ้องมองผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวด้วยแววตาเยือกเย็น ส่วนโล่เก้ากะโหลกก็หมุนวนรอบตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
“ต้นแบบอาวุธเวทที่ใช้ในการป้องกัน มิน่าถึงสามารถรับการโจมตีของมุกอู้ชวีได้…” ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวจ้องมองโล่เก้ากะโหลกด้วยแววตาละโมบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา