ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 713

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 713 ซาฉู่เอ๋อร์
ตอนที่ 713 ซาฉู่เอ๋อร์
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ที่ถืออยู่ในมือท่านคือสิ่งใด?” หญิงสาวเผ่าทรายไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหมิง แต่กลับมองดูขลุ่ยยาวสีขาวเงินในมือหลิ่วหมิงด้วยความสนใจ

เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหมิงได้ยินนางเอ่ยปาก น้ำเสียงแจ่มชัดไพเราะนุ่มนวลราวกับอัญมณี

“ขลุ่ยยาว เป็นเครื่องดนตรีธรรมดาชนิดหนึ่ง” หลิ่วหมิงตอบกลับอย่างราบเรียบ คนเผ่าทรายถูกขังอยู่ในทะเลทรายกุ่ยโม่จนเกือบจะตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่รู้จักขลุ่ยยาว

“เครื่องตนตรีที่นี่ก็มี ขลุ่ยยาวนี้ข้ากลับพบเห็นเป็นครั้งแรก แต่ว่าเสียงของมันไพเราะยิ่งนัก ข้าชอบมาก!” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดวงตาอันงดงามเปล่งประกายราวกับดวงดาราบนท้องฟ้า ทำให้ทุกอย่างที่อยู่รอบด้านดูหมดสีสันไปในทันที

“แม่นางชมเกินไปแล้ว” หลิ่วหมิงพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าสงบ แต่ในใจกลับรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

หลังจากสังเกตอย่างรอบคอบในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาก็ค้นพบตั้งนานแล้วว่าแม่นางผู้นี้ดูเหมือนจะมีตำแหน่งค่อนข้างสูงในเผ่าทราย และก็ไม่มีการคลุกคลีใดๆ กับเขา เหตุใดถึงเป็นฝ่ายมาสนทนาพาทีกับเขาก่อน

“ได้ยินคนอื่นบอกว่า เจ้าเดินทางไปหลายที่ในโลกภายนอก นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?” หญิงสาวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที

“ไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ประการใด ผู้แซ่หลิ่วเคยไปสถานที่ต่างๆ มาแล้วไม่น้อยจริงๆ” หลิ่วหมิงพยักหน้าตอบรับ แต่ก็ยังไม่ทราบจุดประสงค์การมาของฝ่ายตรงข้าม

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สามารถพูดเรื่องราวภายนอกกับข้าได้หรือไม่ ไม่ต้องพูดเรื่องที่เคยพูดกับคนอื่นๆ แล้ว เล่าเรื่องที่เจ้าไม่เคยเล่าให้ข้าฟังหน่อย” หญิงสาวเผ่าทรายโปรยยิ้มออกมา จากนั้นก็รวบกระโปรงแล้วนั่งลงข้างๆ หลิ่วหมิง ขณะเดียวกัน ดวงตางดงามก็มองมาด้วยความรอคอยเล็กน้อย

หลิ่วหมิงได้กลิ่นหอมเย็นๆ ของสาวพรหมจารีลอยมาจางๆ ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่นางทีหนึ่ง แต่พอเห็นดวงตาใสแจ๋ว ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

“เฮ่อๆ! แม่นางอยากรู้อะไร เรื่องที่ข้ารู้ ข้าจะตอบให้หมด” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าหญิงสาวเผ่าทรายผู้นี้จะมีการฝึกฝนระดับผลึกขั้นต้น แต่ทว่าบุคลิกค่อนข้างไร้เดียงสา พอได้ยินเช่นนี้นางก็เผยสีหน้าดีใจออกมา และสอบถามเรื่องราวมากมายภายนอกอย่างไม่เกรงใจ นางสอบถามสับสนปนเปไปหมด แต่เมื่อเทียบกับคนเผ่าทรายคนอื่นๆ แล้ว นางถามละเอียดกว่ามาก

นอกจากเรื่องเกี่ยวข้องกับตัวเองที่ไม่สะดวกพูดแล้ว หลิ่วหมิงก็ค่อยๆ บอกนางทีละเรื่อง

หลังจากทั้งสองถามตอบกันอยู่เช่นนี้ ก็ใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว

“นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้ต้องขอบคุณพี่หลิ่วมาก ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ ต้องขอตัวกลับไปก่อนแล้ว” แม้ว่าหญิงสาวจะยังมีสีหน้าสนใจอยู่ แต่หลังจากมองไปทางขอบฟ้าแล้ว ก็ลุกขึ้นมากล่าวคำลา

“ที่ไหนกัน ได้พูดคุยกับแม่นาง ข้าเองก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อย” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ตอนที่พูดคุยกันในเมื่อครู่ เขาเองก็ถือโอกาสสอบถามเรื่องราวจำนวนหนึ่งเกี่ยวกับทะเลทรายกุ่ยโม่ และก็ได้รู้เรื่องที่อยากรู้มาบ้าง

หญิงสาวเผ่าทรายยิ้มให้เล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา พอแสงจิตวิญญาณเปล่งประกายบนตัว นางก็กลายเป็นพายุทรายม้วนตัวไปทางพื้นที่สีเขียว

หลิ่วหมิงมองไปยังทิศทางที่หญิงสาวจากไปด้วยตาที่เป็นประกาย ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดเรื่องอะไรอยู่

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด มีเสียงดังซ่าๆ ของเม็ดทรายดังขึ้นไม่ไกล

ห่างจากเนินทรายที่เขานั่งไปหลายสิบลี้ ม่านทรายสีดำกว้างไพศาลกำลังม้วนตัวมาทางด้านนี้ และปกคลุมท้องฟ้าเกือบครึ่งหนึ่งไว้

“เกิดพายุทรายอีกแล้ว…” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็พูดพึมพำอย่างช่วยไม่ได้

ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ต้องเผชิญหน้ากับทรายสีดำที่โจมตีเข้ามาตลอดเวลา ยังคงเป็นเรื่องที่ไม่อาจแบกรับได้

จากนั้นเขาก็ก้าวยาวๆ เดินเข้าไปในพื้นที่สีเขียว

เวลาในสองเดือนต่อมา ความถี่ของพายุทรายนอกเมืองซาม่านไม่เพียงแต่จะไม่ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย แต่ยังคงค่อยๆ เพิ่มความถี่ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่จำนวนครั้งที่คนเผ่าทรายออกไปล่าสัตว์ในวันปกติ ก็ลดน้อยลงด้วย

แต่ว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้มีผลกระทบกับหลิ่วหมิงเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเดินเตร่ไปตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่สีเขียวทุกๆ วัน ยามเย็นก็จะมาเป่าขลุ่ยยาวบนเนินทรายนอกเมืองเพื่อปลดปล่อยอารมณ์

ทุกครั้งหญิงสาวงดงามผู้นั้นก็จะมาปรากฏตัวตรงเวลา และยืนฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา

หลิ่วหมิงบรรเลงเพลงคนเดียว ก็รู้สึกน่าเบื่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ มีคนฟังเพิ่มมาหนึ่งคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก

หลังจากไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ ทั้งสองก็ค่อยๆ เริ่มสนิทสนมกันขึ้นมา

หลังจากหญิงสาวเผ่าทรายฟังจบ ก็จะสอบถามเรื่องราวของโลกผู้ฝึกฝนในภายนอก แต่ที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจก็คือ นางไม่ค่อยสนใจเรื่องราวในดินแดนทางตอนใต้สักเท่าไหร่ แต่มักจะถามเรื่องราวแปดตระกูลใหญ่ในแผ่นดินจงเทียนอยู่บ่อยๆ

แม้ว่าหลิ่วหมิงจะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ย่อมไม่สืบราวราวเรื่องแต่อย่างใด

วันนี้ เสียงขลุ่ยที่บางครั้งก็แผ่วโผย บางครั้งก็กระชั้นถี่ ค่อยๆ ล่องลอยไปในทะเลทรายไร้ขอบเขต หลังจากจบไปหนึ่งเพลง หลิ่วหมิงก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา และเก็บขลุ่ยยาวในมือเข้าไป

หญิงสาวเผ่าทรายยืนมองเขาจากด้านหลังอย่างเงียบๆ ดวงตาใสแจ๋วเปล่งประกายแวววาว ทันใดนั้นนางก็พูดออกมาเบาๆ

“ข้าชื่อซาฉู่เอ๋อร์”

หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปตอบด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา