ภายใต้การหมุนวนของเงาดาบสีดำ มันฟันลงบนเงากรงเล็บอยู่ตลอดเวลา แสงสีเหลืองกับสีดำประสานกันไปมา จนร่างของหมาไนทรายเกือบจะจมอยู่ในนั้น
ขณะที่ซาฉู่เอ๋อร์ต่อสู้กับหมาไนทรายขนาดใหญ่นั้น หมาไนทรายอีกสามตัวที่เหลือก็เคลื่อนตัวมาล้อมรอบหลิ่วหมิงไว้ ขณะเดียวกันก็มีแสงเปล่งประกายบนหน้าผาก จากนั้นแสงสีเขียวแต่ละลำก็พุ่งออกจากดวงตาดวงที่สาม
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเยือกเย็นเล็กน้อย ไอดำพวยพุ่งรอบตัว แสงลำหนึ่งกะพริบผ่านด้านข้าง ร่างของเขาพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างสามเงาและกระจายกันออกไป สองเงาในนั้นถูกลำแสงโจมตีจนเกินเสียงดัง “ฟู่ๆ!” และแตกสลายไปในพริบตา
เงาร่างที่สามถือโอกาสนี้กระโดดขึ้นกลางอากาศ และกลายเป็นร่างจริงขึ้นมา ภายใต้การควบแน่นของไอดำรอบตัวมันก็กลายเป็นพยัคฆ์หมอกสี่ตัวอยู่ตรงด้านหลัง
พองอแขนทั้งสองแล้วยืดออกไป ก็มีเสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้นจนหูแทบจะหนวก พยัคฆ์หมอกสามตัวกระโจนใส่หมาไนทรายสามตัวในทันที
เกิดฝุ่นควันฟุ้งเต็มฟ้า และคลื่นอากาศพุ่งขึ้นฟ้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“ปัง!” “ปัง!” เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกัน หมาไนทรายทั้งสามไม่ทันได้ระวัง จึงถูกพยัคฆ์หมอกทั้งสามที่พุ่งเข้ามาโจมตีจนกระเด็นขึ้นฟ้า หลังจากกลิ้งไปมาบนอากาศสองสามรอบแล้วถึงทรงตัวไว้ได้
และพอหลิ่วหมิงเห็นหมาไนทรายตกลงพื้น แววตาของเขาก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา และรู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้
หมาไนทรายเหล่านี้ผิวหนังแข็งแกร่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถรับการโจมตีของพลังมังกรพยัคฆ์ทมิฬด้วยพลังทั้งหมดได้
แต่ครู่ต่อมาหลิ่วก็ยืนอยู่กลางอากาศ พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง แสงสีทองก็หมุนวนรอบตัว ทันใดนั้น เงากระบี่สีทองเป็นวงๆ ก็พุ่งออกมาราวกับสายฝนกระหน่ำ และกวาดไปยังหมาไนทรายสามตัวตรงหน้า
เป็นเพราะสหายของหมาไนทรายเหล่านี้เสียชีวิตในก่อนหน้า พวกมันต่างก็หวาดกลัวกระบี่บินว่างเปล่าตั้งแต่แรกแล้ว พอเห็นแสงกระบี่พุ่งเข้ามาถึง ก็พากันพุ่งถอยออกไป
แม้ว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แต่ก็อย่างที่รู้ว่ากระบี่บินกลางอากาศรวดเร็วแค่ไหน หลังจากแสงกระบี่สีทองม้วนตัวผ่านไป มันก็ฟันหมาไนทรายหนึ่งในนั้นออกเป็นเจ็ดแปดส่วน
หลังจากอีกสองตัวที่เหลือหลบแสงกระบี่ไปได้ มันกลับส่งเสียงหอนออกมา และกลายเป็นเงาร่างสีเหลืองพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น พอชี้มือข้างหนึ่งออกไป กระบี่บินว่างเปล่าก็สั่นสะท้านกลายเป็นแสงกระบี่สีทองหลายสิบลำ แสงกระบี่ถักทอประสานกันไปมาจนกลายเป็นตาข่ายกระบี่สีทองผืนหนึ่ง และม้วนตัวกลับไปอีกครั้ง
หลังจากหมาในทรายทั้งสองส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา และถูกฟันเป็นสิบกว่าชิ้นก่อนร่วงลงมาจากอากาศ
ขณะนี้หลิ่วหมิงถึงโบกมือเรียกกระบี่บินกลับมา และปราดตามองดูกลุ่มการต่อสู้อีกด้านอย่างไม่ใส่ใจ
พอร่างของซาฉู่เอ๋อร์เปลี่ยนแปลงอย่างแปลกประหลาด และดาบทรายสีดำในมือโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง หมาไนทรายที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ตัวนั้นก็มีบาดแผลเต็มตัว กลิ่นไอก็ลดลงไปไม่น้อย ไม่ได้มีพลังเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว และเห็นได้ชัดว่ามันมีความคิดที่จะถอยแล้ว
แต่ว่าภายใต้การโจมตีอย่างถี่ยิบของซาฉู่เอ๋อร์ ทำให้มันไม่มีโอกาสหนีออกไปได้
เห็นได้ชัดว่าคนเผ่าทรายมีความสามารถพอที่จะจัดการกับหมาไนทรายเหล่านี้ได้
ยังมีหมาไนทรายขนาดใหญ่อีกสองตัวที่วางท่าจะโจมตี แต่พอเห็นพลังของหลิ่วหมิงเช่นนี้ ก็สบตากับด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้น พวกมันก็หมุนตัววิ่งหนีไปไกลๆ
หลิ่วหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น พอร่างของเขาเคลื่อนไหว ก็ไล่ตามไปจนทัน และชกกำปั้นใส่หมาไนทรายตัวหนึ่งทันที
“ตู๊ม!”
หมาไนทรายตัวนี้ถูกเงากำปั้นยักษ์โจมตีผ่านอากาศจนหงายหลัง แต่ก็พลิกตัวกระโดดขึ้นมา และวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
แต่ครู่ต่อมา มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” แสงกระบี่สีทองพุ่งเข้ามาถึง หลังจากหมุนวนรอบคอของหมาไนทรายตัวนี้ไปหนึ่งรอบแล้ว หัวของมันก็หมุนติ้วๆ ขึ้นด้านบน และร่างไร้หัวก็ยังคงวิ่งต่อไปสิบกว่าจั้ง จากนั้นถึงล้มลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
หมาไนทรายตัวสุดท้ายเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาหวาดกลัวออกมา และมุดลงพื้นทรายอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง แสงสีดำลำหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง!
“ฟิ้ว!”
พอแสงสีดำดับลง จะเห็นว่าหมาไนทรายถูกดาบทรายสีดำเล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจไป และร่างของมันก็จมปลักอยู่บนพื้นโดยไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากซาฉู่เอ๋อร์สังหารหมาไนทรายขนาดค่อนข้างใหญ่ตัวนั้นแล้ว ถึงหันมาโจมตีจากระยะไกล!
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็หยุดชะงักลงในฉับพลัน และเรียกกระบี่บินว่างเปล่ากลับมา
พอเงาร่างสีขาวเคลื่อนไหว ซาฉู่เอ๋อร์ก็มาปรากฏตัวข้างศพปีศาจอสูรทราย พอนางดึงดาบทรายออก เสาโลหิตสีแดงดำก็พุ่งขึ้นมา และสาดกระจายเต็มพื้นทรายสีดำบริเวณนั้น
นางมองดูศพหมาไนทรายอีกสามตัวที่อยู่ไม่ไกลทีหนึ่ง และมองดูหลิ่วหมิงด้วยความแปลกใจ ขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกมานั้น กลับมีเสียงหอนแว่วๆ ดังมาจากส่วนลึกของทะเลทราย คล้ายกับว่ามีหมาไนทรายจำนวนมากกำลังพุ่งมาทางด้านนี้อย่างบ้าคลั่ง
“แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เป็นฝูงหมาไน พวกเราจำต้องรีบกลับเมืองโดยเร็ว!” หลังจากซาฉู่เอ๋อร์ได้ยินเสียงนี้ นางก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา