พอหลิ่วหมิงได้ยินก็แสดงสีหน้าครุ่นคิด
ขณะนี้มีเสียงหอน “บรู๊ววว!” ดังเข้ามาอีกครั้ง และฝุ่นทรายปกคลุมเต็มฟ้าที่เกิดจากการระเบิดตัวของหอกทรายก็ค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นร่างของหมาไนทรายแต่ละตัว
กว่าครึ่งหนึ่งของหมาไนทรายเหล่านี้ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ มีส่วนน้อยที่มีบาดแผลจากระเบิดปรากฏอยู่บนตัว แต่หลังจากดินทรายม้วนตัวผ่านไป มันก็กลับมาสมานกันดังเดิม
พอหลิ่วหมิงกวาดจิตออกไป ก็ค้นพบว่านอกจากหมาไนทรายระดับศิษย์จิตวิญญาณหลายสิบตัวถูกหอกทรายโจมตีโดนจุดสำคัญจนกลิ่นไอหายไปจนหมดสิ้นแล้ว ที่เหลือล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
ขณะนี้หมาไนจำนวนแน่นขนัดได้เคลื่อนตัวมาอยู่ห่างจากกำแพงเมืองไม่กี่จั้งแล้ว แต่ละตัวที่อยู่ตรงหน้าสุดต่างก็มีทรายม้วนตัวขึ้นใต้เท้า กรงเล็บคู่หน้ากลายเป็นกรงเล็บแหลมคมที่ยาวฉื่อกว่าๆ และเสียบลงบนผนังกำแพงเมืองอย่างง่ายดาย จากนั้นก็พุ่งตรงไปบนกำแพงเมือง
“ต้านทานเข้าไว้ รักษากำแพงให้ดี อย่าให้พวกมันบุกขึ้นมาได้” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะทรายสีดำ และถือดาบทรายสีดำอยู่ในมือตะโกนบอกคนร่วมเผ่าที่อยู่ด้านหลัง
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า ……ฆ่า!” คนเผ่าทรายแต่ละคนต่างก็มีสีหน้าตึงเครียด แต่พอเห็นฉากเช่นนี้ก็พากันคำรามออกมาด้วยความโมโห
ภายใต้การร่ายคาถาของพวกเขา ทรายสีดำก็ก่อตัวขึ้นมา ครู่เดียว มือข้างหนึ่งก็จับดาบคมกริบที่ก่อตัวจากทรายไว้ ส่วนอีกข้างก็ยกโล่ทรายสีดำที่สูงครึ่งตัวขึ้นมา และพากันออกไปรับมือ
เกิดความวุ่นวายบนกำแพงเมืองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง คนเผ่าทรายปะทะกับหมาไนทรายเหล่านี้
สำหรับหมาไนทรายเหล่านี้แล้ว มีเพียงแค่การเข้าต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้น ถึงจะสร้างความเสียหายสูงสุดให้กับพวกมันได้ ด้วยเหตุนี้พอหมาไนทรายปีนขึ้นบนกำแพง ชาวเผ่าทรายย่อมละทิ้งการโจมตีในระยะไกลทันที
และคนเผ่าทรายอีกส่วนหนึ่ง ยังคงก่อตัวหอกทรายขึ้นมา และเขวี้ยงออกไปด้านล่างอยู่ไม่หยุด เพื่อต้านทานไม่ให้พวกมันปีนกำแพงขึ้นมามากเกินไป
“พี่หลิ่ว ท่านระมัดระวังให้มากสักหน่อย” หลังจากซาฉู่เอ๋อร์พูดกับหลิ่วหมิงไปหนึ่งประโยคแล้ว นางก็เข้าไปต่อสู้กับหมาไนทรายที่กระโดดขึ้นมาบนกำแพงทันที
พริบตาเดียวเสียงคำรามและเสียงปะทะกันก็ดังไปทั่วทิศ คนเผ่าทรายกับหมาไนทรายเกิดการตะลุมบอนกันขึ้นมา
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และไม่รีบร้อนลงมือแต่อย่างใด แต่กลับกวาดสายตามองดูกลุ่มการต่อสู้ต่างๆ ที่อยู่บริเวณนั้น
จะเห็นว่าบนกำแพงที่อยู่ห่างออกไปสามสี่จั้ง ชาวเผ่าทรายที่ถือกระบี่ทรายสีดำผู้หนึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับหมาไนทรายระดับของเหลวสามตัวอยู่
ชายผู้นี้มีสีหน้าเคร่งขรึม มือทั้งสองเปลี่ยนท่ามืออยู่ไม่หยุด ทันใดนั้น ร่างของเขาก็กลายเป็นเม็ดทรายปลิวว่อนในทันที และมุดเข้าไปในกำแพงเมืองที่เกิดจากทรายที่กองรวมกัน พอเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ห่างจากหมาไนทรายตัวหนึ่งในระยะห่างหนึ่งจั้งกว่าๆ ภายใต้การสะบัดกระบี่ทรายในมือเบาๆ มันก็กลายเป็นเงากระบี่จำนวนมากพุ่งเข้าหาหมาไนทราย
แม้ว่าหมาไนทรายตัวหนึ่งจะหลบไปได้หลายกระบี่ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันได้ระวัง ยังคงถูกแทงทะลุหัวใจไปหนึ่งกระบี่ หลังจากกระตุกอยู่บนพื้นสองสามทีแล้ว ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
ขณะนี้ หมาไนทรายสองตัวต่างก็ขนาบหน้าหลังของชายผู้นี้ตั้งแต่แรกแล้ว พอมันส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกัน แสงแวววาวก็เปล่งประกายออกจากกรงเล็บคู่หนึ่ง ขณะเดียวกันก็กระโจนเข้าหาชายเผ่าทรายผู้นี้
หลังจากผ่านการโจมตีในเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าชายเผ่าทรายผู้นั้นจะสูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย และมีสภาพหายใจเหนื่อยหอบแล้ว พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ได้แต่เอียงตัวไปด้านหน้า และยกโล่ทรายสีดำบนมือซ้ายมาต้านทานไว้
“ฟิ้วๆ!”
ภายใต้การต้านทานกรงเล็บของหมาไนทราย ทำให้เกิดรอยกรงเล็บสี่รอยที่ลึกชุ่นกว่าๆ บนผิวของโล่ทราย จากนั้นมันก็แตกสลายไป
ขณะที่หมาไนทรายตัวที่อยู่ด้านหลังกระโจนเข้ามาถึงนั้น แสงดาบสีดำที่อยู่ไม่ไกลก็เปล่งประกายผ่านไป ทำให้หมาไนทรายตัวนี้ถูกฟันเป็นสองส่วน และกลายเป็นกรวดทรายก่อนสลายไปตามลม
ขณะเดียวกัน เงาร่างที่หลิ่วหมิงคุ้นเคยเล็กน้อย ก็กะพริบขึ้นไปรับมือกับหมาไนทรายที่อยู่ตรงหน้าชายเผ่าทรายผู้นั้น
ผู้ที่ลงมือก็คือถูลาที่พาหลิ่วหมิงเข้าเมืองในตอนนั้นนั่นเอง
“ถูสือ เจ้าถอยไปพักผ่อนก่อน ที่นี่มอบให้ข้าจัดการเถอะ” ถูลากำหมัดทั้งสองต่อสู้กับหมาไนทรายตรงหน้า ขณะเดียวกันก็กล่าวกับชายผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ชายเผ่าทรายได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นก็กระโดดลงจากกำแพงอย่างไม่ลังเล และถอยกลับไปยังฝูงชนก่อนนั่งขัดสมาธิลงไป
จะเห็นว่ามีพลังปราณสีดำที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าคละเคล้าด้วยดินทรายค่อยๆ พุ่งขึ้นจากใต้เท้า และจมหายไปในร่างของเขา
ขณะนั้นเอง มีหมาไนทรายอีกตัวพุ่งขึ้นบนกำแพง และกระโจนเข้าหาถูลาอย่างรวดเร็ว
ถูลาโยนโล่ในมือออกไป และถอยหลังไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว
“เพล้ง!” โล่สีดำต้านทานได้เพียงครู่เดียวก็ถูกกรงเล็บอันแหลมคมคู่หนึ่งตะกุยจนแตกกระจาย
หลังจากถูลาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ก็ย่อเข่าลง ขาขวาของเขากระทืบลงพื้นอย่างรุนแรง พื้นทรายใต้เท้าสั่นสะเทือนเบาๆ ภายใต้การม้วนตัวของดินทราย มันก็กลายเป็นดาบทรายสีดำที่ยาวสองถึงสามจั้ง
และถูลาก็สะบัดดาบนี้ออกไปรับมือ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เข้าใจในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา