วางใจเถอะ ตอนที่อยู่ในตลาดข้าได้ฝังกลิ่นหอมพันลี้ไว้บนตัวของศิษย์ผู้หนึ่ง ต่อให้ห่างกันพันลี้พี่รองสิงก็สามารถติดตามไปได้อย่างแม่นยำ” หญิงเสื้อชมพูกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ดีมาก ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ด้วยพวกของพี่รองสิงที่ล้วนเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายคงสามารถจัดการกับศิษย์นิกายปีศาจเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา เอาล่ะ! พวกเราก็ไปเถอะ ก่อเรื่องในครั้งนี้ขึ้นแล้วคงไม่อาจอยู่ในแคว้นต้าเสวียนได้ ต้องย้ายไปยังที่อื่นแล้ว” เด็กชายพยักหน้าด้วยความพอใจ
“เฮ่อๆ อยากไป เจ้าก็ต้องดูว่าข้ายินยอมไหม!”
พลันมีเสียงเยือกเย็นดังมาจากบนท้องฟ้า
สร้างความตกใจให้หญิงนางนี้กับเด็กชายเป็นอย่างมาก ทั้งสองแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
บนฟ้ามีผู้อาวุโสลักษณะน่าเกรงขาม สวมชุดผ้าดิ้น รัดเข็มขัดหยกผู้หนึ่งที่ไม่รู้มาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ มือทั้งสองไพล่หลัง มองดูทั้งสองอย่างเยือกเย็น
“แย่แล้ว เขาคือเฒ่าประหลาดมู่ รีบหนีเร็ว!” พอหญิงชุดชมพูเห็นใบหน้าของอาวุโสผู้นั้นชัดเจนแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป และหลุดปากพูดออกมาทันที
เด็กชายด้านข้างโบกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว หมอกสีขาวกลุ่มหนึ่งทะลักออกมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมพื้นที่รอบๆ ภายในระยะสิบกว่าจั้ง จากนั้นก็บิดตัวมุดลงไปใต้ดิน
เสียงดัง “เพล้ง!” เท้าทั้งสองของเด็กชายจมลงไปไม่ถึงครึ่งฉื่อ พื้นดินรอบด้านก็เปลี่ยนเป็นแข็งราวกับเหล็กบริสุทธิ์ ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
โลหิตสาดกระเด็น!
ศีรษะของเด็กชายกลิ้งลงบนพื้น จากนั้นก็เกิดคลื่นสั่นไหวขึ้นด้านข้าง ปรากฏชายชุดสีเลือดสูงผอมอีกผู้หนึ่งปรากฏออกมา ในมือถือดาบเรียวยาวที่มีเลือดกำลังหยดอยู่เล่มหนึ่ง
พอชายผู้นี้ปรากฏร่างออกมาก็ตวัดดาบยาวด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด ร่างไร้ศีรษะถูกฟันเป็นสิบกว่าชิ้นจนเลือดสาดกระเด็น แม้แต่วิญญาณก็ร้องอย่างเวทนาแล้วกลายเป็นควันสีเขียว
“เด็กชายผู้ยอมไม่แก่อะไรกัน มันก็แค่นี้แหละ เป็นแค่ศิษย์ศิษย์วิญญาณขั้นปลายก็กล้าเรียกตนเองเยี่ยงนี้” ชายชุดสีเลือดกล่าวอย่างเยือกเย็น
“เจ้าคือเซวี่ยยาจากหอสายธารโลหิต!”
พอหญิงชุดชมพูเห็นชายชุดสีเลือดสีหน้าก็ขาวซีดยิ่งกว่าเดิม แต่แอบถอยหลังไปสองก้าวและเปล่งประกายแสงสีเขียวออกมาแล้วกลายเป็นกลุ่มแสงพุ่งหนีขึ้นฟ้าไป
ชายชุดสีเลือดเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น และไม่ได้ตามไปแต่อย่างใด
ผู้อาวุโสกลางอากาศสะบัดแขนเสื้อ พลันปรากฏพัดขนนกออกมาด้ามหนึ่งแล้วแค่โบกมันเบาๆ
เสียงดัง “ฟู่!”
หญิงสาวที่หนีไปได้ไกลสิบกว่าจั้งแค่รู้สึกว่าอากาศรอบข้างร้อน แล้วร่างทั้งร่างของนางก็ลุกไหม้กลายเป็นลูกไฟทันที
ครู่ต่อมาหญิงเจ้าเสน่ห์ผู้นี้ก็หายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย
“ฮึ! เฒ่าประหลาดมู่ ไม่คิดว่าวิชาอัคคีมืดของท่านจะฝึกจนบริสุทธิ์ได้ขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถฝังอัคคีมืดไว้ในตัวศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายผู้หนึ่งได้” ชายชุดสีเลือดเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็กล่าวออกมา
“ความสามารถอันน้อยนิดของข้านี้จะเทียบกับดาบโลหิตของสหายได้อย่างไร!” ผู้อาวุโสชุดผ้าดิ้นกล่าว สายตากลับมองไปยังคราบเลือดด้วยสีหน้าที่ดูหวาดกลัว
คราบเลือดนั้นคือเศษซากศพของเด็กชายก่อนหน้านั้น
“แต่รู้สึกแปลกไปหน่อย โลกภายนอกลือกันว่าเด็กชายผู้ไม่ยอมแก่ที่เป็นหัวหน้ากองโจรผู้นี้เป็นถึงอาจารย์จิตวิญญาณ ทำไมถึงเป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายเท่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วจะยอมให้ข้าและเจ้ามาอยู่ที่นี่พร้อมกันได้อย่างไร” ผู้อาวุโสชุดผ้าดิ้นบ่นพึมพำเล็กน้อยแล้วถามขึ้นมาด้วยสีหน้าฉงน
“ในเมื่อเป็นข่าวลือ มันก็ไม่อาจเป็นเรื่องจริงได้เสมอไป ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงและคุยโวโอ้อวดความสามารถของการฝึกฝนนอกรีตเหล่านี้เท่านั้น อีกอย่างการฝึกฝนนอกรีตชองกองโจรกลุ่มนี้ถึงแม้จะมีชื่อเสียงไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยยินว่าเคยต่อกรกับผู้แข็งแกร่งคนไหน ผู้ที่ถูกพวกมันฆ่าล้วนเป็นผู้ฝึกฝนระดับศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น และไม่เคยแส่หาเรื่องอะไรกับอาจารย์จิตวิญญาณ พวกเขามีชื่อเสียงเหล่านี้ก็เป็นเพราะความที่พวกมันเป็นคนเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมอำมหิตเท่านั้น ครั้งนี้พวกเราได้ทราบข่าวก่อนถึงได้วางหลุมพรางนี้ไว้ ทำให้จัดการพวกมันได้ในทีเดียว ตอนนี้สามารถจัดการหัวหน้าสองคนของมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ข้ากลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ” ชายชุดสีเลือดกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“อาจจะจริงเช่นนี้ก็ได้ ตอนนี้เราจัดการกับหัวหน้าสองคนได้แล้ว คิดว่าทางสหายจางก็คงรีบลงมือโดยเร็ว” ชายชุดผ้าดิ้นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้ากล่าว
“เฮ่อๆ เหยื่อในครั้งนี้เป็นศิษย์ในนิกายของสหายจาง แน่นอนว่าต้องไปด้วยตนเองจึงจะวางใจได้ แต่ข้าว่าถ้าหากศิษย์จิตวิญญาณเหล่านี้เหล่านี้แม้แต่โจรปล้นสดมภ์ก็ไม่สามารถรับมือได้ ถึงตายไปก็ไม่น่าเสียดายหรอก” ชายชุดสีเลือดหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวออกมา
“สหายเซวี่ยยาคิดว่านิกายปีศาจเป็นเหมือนหอสายธารโลหิตของพวกเจ้าหรือไร ศิษย์ในหอท่านล้วนฝึกการสังหาร แต่ละคนมีประสบการณ์ในการรบอย่างเต็มที่ สามารถรับมือคนเดียวได้ ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีนี่ศิษย์ที่สมัครเข้าร่วมพิธีเปิดจิตวิญญาณของนิกายปีศาจก็ลดน้อยลง พวกเขาจะยอมละเลยเช่นนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนั้นยังมีหนึ่งในสิบศิษย์แกนนำอยู่ด้วยคนหนึ่ง” ผู้อาวุโสชุดผ้าดิ้นยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา