และกระบี่บินที่มีถุงกระบี่ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เพียงแค่บ่มเพาะช่วงเวลาหนึ่ง ก็สามารถอาศัยถุงกระบี่ช่วยเพิ่มทวีผลลัพธ์ได้ ทำให้พริบตาที่กระบี่ออกจากถุงมีอานุภาพเพิ่มขึ้นทวี และเผด็จศึกกำชัยชนะได้อย่างง่ายดาย
ว่ากันว่าเคยมีผู้ฝึกกระบี่ที่มีชื่อเสียงสะเทือนไปทั่วแผ่นดินจงเทียนผู้หนึ่ง ลำพังแค่พลังของถุงกระบี่ ก็ทำให้อานุภาพของกระบี่บินพลังจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าภายในพริบตาในขณะที่ต่อสู้กับศัตรูได้ แม้แต่ผู้ฝึกฝนที่มีระดับสูงกว่าหนึ่งขั้น ก็ไม่อาจรับกระบี่ของเขาได้
แต่หากกระบี่บินพลังจิตวิญญาณโชคดีบรรลุถึงแก่นกระบี่แล้ว พริบตาที่มันกลายเป็นแก่นกระบี่นั้น ก็จะต้องใส่เข้าไปผนึกไว้ในถุงกระบี่ และต้องบ่มเพาะอย่างน้อยหลายสิบปี อย่างมากก็นับร้อยปี ถึงจะเปิดถุงกระบี่ปล่อยมันออกมาได้
มิเช่นนั้นกระบี่บินพลังจิตวิญญาณที่เพิ่งบรรลุระดับเป็นแก่นกระบี่ ก็อาจจะแตกร้าวเพราะปลายกระบี่คมเกินไป
แต่ว่าแก่นกระบี่นี้ ต้องมีการฝึกฝนอย่างน้อยระดับแก่นแท้ถึงจะควบคุมได้ และตัวหลิ่วหมิงเองยังมีโอสถประลองกระบี่อยู่กับตัวหนึ่งเม็ด จึงไม่ค่อยกังวลปัญหาเรื่องการปรับแต่งมากนัก
แต่กลับเป็นเพราะคุณสมบัติของกระบี่บินว่างเปล่า หากจะสร้างถุงกระบี่ที่มีคุณสมบัติเดียวกัน และโอสถจิตวิญญาณชนิดต่างๆ ที่นำมาเสริมในถุงกระบี่ กลับทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เพราะไม่ว่าจะเป็นวัสดุแบบใดก็ตาม พอได้ชื่อว่าว่างเปล่า ราคาก็จะเพิ่มทวีขึ้นมา ซึ่งหาในตลาดไม่ได้เลย!
ตามที่บันทึกในคัมภีร์ วัสดุหลักของถุงกระบี่ที่ทำจากหนังปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติเดียวกันจะดีที่สุด และปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่าก็พบเห็นได้น้อยมาก จะหาสักหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็จำเป็นต้องให้ความสนใจเรื่องนี้เร็วขึ้น
หลิ่วหมิงเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
เช้าวันที่สอง เขาก็ออกไปจากถ้ำที่พัก และกลายเป็นแสงสีทองพุ่งไปยังหอลี้ลับ
สองชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงที่สวมชุดสีเขียวก็เดินออกมาจากด้านในหอลี้ลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ภายใต้รางวัลใหญ่จำเป็นต้องมีผู้กล้าหาญ หวังว่าด้วยความยิ่งใหญ่ของนิกายยอดบริสุทธิ์ จะต้องมีคนรู้เกี่ยวกับตำแหน่งของปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่า หากได้ศพของปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่ามาจากมือผู้อื่นโดยตรง ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก” หลิ่วหมิงพูดพึมพำกับตัวเองสองสามประโยค จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีทองพุ่งไปยังถ้ำที่พัก
ตรงหน้าป้ายประกาศลี้ลับในหอลี้ลับส่วนใน มีคนไม่น้อยกว่าสิบคนกระจุกอยู่อย่างหนาแน่น ขณะนี้ พวกเขากำลังแหงนหน้ามองภารกิจที่สามที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ครู่หนึ่ง
“รีบดูภารกิจใหม่นี้เร็ว!”
“…เสนอให้บอกเบาะแสของปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่า ก็จะได้รับสองล้านหินจิตวิญญาณ แต้มคุณูปการอีกหนึ่งหมื่นแต้ม…ไม่รู้ว่าผู้ที่ประกาศภารกิจเป็นใครกัน คิดไม่ถึงว่าจะใจกว้างเช่นนี้” ชายชุดคลุมสีเขียวที่มีรูปร่างค่อนข้างกำยำกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ผู้ที่สามารถบอกเบาะแส อีกทั้งนำทางไปด้วยกันได้ จะได้รับค่าตอบแทนห้าล้านหินจิตวิญญาณ แต้มคุณูปการสามหมื่นแต้ม หากมีศพของปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่า ก็สามารถขายได้โดยตรง เพื่อแลกกับสิบล้านหินจิตวิญญาณ แต้มคุณูปการห้าหมื่นแต้ม ศิษย์พี่หลิน ภารกิจนี้เป็นงานใหญ่จริงๆ ไม่สู้พวกเราทั้งสองรับภารกิจนี้ไว้” หญิงสาวรูปร่างอรชรที่อยู่ข้างชายชุดเขียวกล่าวออกมา
ชายชุดเขียวได้ยินก็รู้สึกใจเต้นเป็นอย่างมาก
แต่ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดเทาที่อยู่บริเวณนั้นกลับหัวเราะออกมา
“ท่านทั้งสองอย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องง่าย ปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่านี้มีอยู่น้อยมาก หาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง และปีศาจอสูรว่างเปล่าที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ อย่างน้อยก็อยู่ที่ระดับผลึกไปจนถึงระดับแก่นแท้ขึ้นไป ทั้งยังเชี่ยวชาญวิชาเคลื่อนย้ายภายในพริบตา ต่อให้พวกเราจะหาร่องรอยของปีศาจอสูรนี้เจอ ก็ไม่อาจยุแหย่มันได้ พอถูกมันค้นพบก็จะต้องมอบชีวิตน้อยๆ ให้กับมัน ดังนั้นแต้มคุณูปการเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าจะได้มาโดยง่าย”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ชายขุดเขียวได้ยินก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน และไม่พูดอะไรออกมาอีก
หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเข้าใจขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินคำว่าระดับแก่นแท้ ศิษย์ที่ห้อมล้อมอยู่ใต้ป้ายประกาศลี้ลับก็แยกย้ายกันออกไป หรือไม่ก็ละสายตาไปดูภารกิจอื่น มีแค่ชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งที่ยังคงไม่ละสายตาไปจากภารกิจนี้ สีหน้าของเขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
ไม่นานหลิ่วหมิงก็กลับถึงห้องลับถายในถ้ำที่พัก พอตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณบนเอวไอหมอกสีดำกับหมอกควันสีเขียวก็ม้วนตัวออกมาพร้อมกัน หลังจากหมุนตัวติ้วๆ รวมตัวกันตรงหน้าเขาแล้ว ก็กลายเป็นหญิงสาวชุดดำรูปร่างอรชรกับเด็กชายชุดเขียวที่มีผิวพรรณขาวสะอาดผู้หนึ่ง ซึ่งก็คือเซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ที่กลายร่างมานั่นเอง
“นายท่าน!” พอหญิงสาวชุดดำปรากฏตัวออกมา ก็เข้ามาอยู่ด้านข้างหลิ่วหมิงอย่างสนิทสนม แขนของนางกอดแขนของเขาไว้เบาๆ
“ได้ออกมาสักที ดูเหมือนว่าตอนนี้ถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณจะมีพื้นที่ไม่เพียงพอแล้ว อยู่ในนี้นานๆ ก็รู้สึกทรมาณมาก” เด็กชายเสื้อเขียวหาวออกมา และส่ายหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงของเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
“ข้ารู้แล้ว รอมีโอกาสจะเปลี่ยนถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณที่มีคุณสมบัติดีกว่าให้พวกเจ้า” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นก็พลิกฝ่ามือหยิบขวดเล็กสีเขียวหยกสองใบให้กับทั้งสอง
พอเด็กชายรับขวดเล็กมา ก็เปิดจุกออกทันที ทันใดนั้นปราณจิตวิญญาณก็ลอยขึ้นมาจากขวด สิ่งที่อยู่ในขวดคือโอสถจิตวิญญาณสองสามเม็ดที่สามารถเพิ่มทวีพลังเวทได้ ซึ่งก็คือโอสถแฝงจิตวิญญาณนั่นเอง
“หูววว…….หอมจัง!” เด็กชายชุดเขียวเทออกมาหนึ่งเม็ดทันที และนำใส่ปากเคี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอบคุณนายท่าน!” หญิงสาวชุดดำจ้องมองเด็กชายทีหนึ่ง ดูเหมือนจะตำหนิที่เขาไม่รู้จักมารยาท จากนั้นก็หันไปขอบคุณหลิ่วหมิง
“แจ๊บๆ!…ขอบคุณนายท่าน!” เด็กชายชุดเขียวกลืนโอสถลงไปสองสามครั้ง จากนั้นก็หันไปแลบลิ้นให้กับหญิงสาวชุดดำทีหนึ่ง และหันมากล่าวกับหลิ่วหมิง
“เอาล่ะ! สำหรับระดับผลึกแล้ว โอสถแฝงจิตวิญญาณเหล่านี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก พวกเจ้าเพิ่งเข้าสู่ระดับผลึกขั้นต้นได้ไม่นาน จะได้ถือโอกาสนี้ทำระดับการฝึกฝนให้มั่นคงพอดี” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา