ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 759

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 759 สู่ขอ
ตอนที่ 759 สู่ขอ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป บนยอดเขาทางด้านตะวันออกของยอดเขาลั่วโยวที่ดูไม่เตะตาลูกหนึ่ง เมฆสีดำกับสีขาวกำลังตามกันมาติดๆ

“ศิษย์พี่หลิ่ว พวกเรามาถึงแล้ว ท่านเข้าไปเองเถอะ! ข้ายังต้องไปเรียนปรุงโอสถกับศิษย์พี่ท่านอื่นๆ น่ะ เถียนจิงชี้ไปยังถ้ำที่ไม่ได้ใหญ่โตบนยอดเขาลูกหนึ่ง จากนั้นก็หันเมฆพุ่งไปทางยอดเขาเตาหลอมจิตวิญญาณทันที

คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานขนาดนี้ ความสนใจในการปรุงโอสถของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลย ดูท่าคงไม่ได้เป็นแค่ความสนใจในชั่วขณะ แต่ค่อนข้างหลงใหลในเส้นทางการปรุงโอสถมาก

หลิ่วหมิงมองดูหลังของนางทีหนึ่ง หลังจากส่ายหน้าแล้วก็กระโดดลงจากเมฆดำทันที

เขายังไม่ทันได้เคาะประตู ประตูใหญ่ของถ้ำก็เปล่งแสงสีเขียว และค่อยๆ เปิดออกมา

“หลิ่วหมิง เข้ามาเถอะ!” น้ำเสียงแหบแห้งดังออกจากประตู

แม้ว่าหลิ่วหมิงจะกราบตัวเป็นศิษย์ยอดเขาลั่วโยวมาหลายปีแล้ว ผู้อาวุโสในยอดเขาก็พบเจออยู่บ่อยๆ แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่เขามาพบผู้อาวุโสเถียนผู้นี้โดยลำพัง

เขาตอบรับอย่างนอบน้อมในทันที หลังจากเดินเข้าไปในถ้ำแล้ว ประตูใหญ่ด้านหลังก็ปิดตัวลงเอง

หลังจากเดินผ่านทางเดินสั้นๆ ที่เงียบสงบสายหนึ่ง ก็จะเป็นห้องกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ชายชุดดำที่มีไอดำรายล้อมรอบตัว กำลังนั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้ตัวหนึ่ง มือข้างหนึ่งถือถ้วยชา และทำการจิบชาจิตวิญญาณอยู่คนเดียว พอเห็นหลิ่วหมิงเข้ามา ก็เงยหน้ามองเล็กน้อย

จะเห็นว่าคนผู้นี้มีอายุราวๆ ห้าสิบปี จอนผมทั้งสองข้างเป็นสีขาว ใต้คางมีหนวดยาวสามปอยที่มีสีขาวกับดำผสมกัน ดวงตาทั้งคู่กำลังจ้องมองหลิ่วหมิงอยู่

หลิ่วหมิงเพียงแค่สบตาเล็กน้อย ก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกทิ่มแทง เขารีบกระตุ้นพลังจิตด้วยความตกใจ ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นสะบายก็ทะลักไปยังดวงตาทั้งสอง ขณะนี้เขาถึงไม่เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอีก

ชายชุดคลุมสีเทาเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาชื่นชมออกมา

“คารวะอาจารย์อาเถียน” ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงเดินไปหน้าโต๊ะ และหยุดฝีเท้าลงก่อนโค้งคารวะ

“ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถอะ! ที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้ เป็นเพราะว่าศิษย์ของข้าบังเอิญไปเห็นภารกิจตามหาปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่าบนป้ายประกาศลี้ลับพอดี และข้าเองก็รู้เบาะแสของปีศาจอสูรชนิดนี้ตัวหนึ่งพอดี” ผู้อาวุโสเถียนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“อาจารย์อารู้เบาะแสของปีศาจอสูรที่มีคุณสมบัติว่างเปล่าหรือ?” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกอึ้งไปทันที หลังจากนั่งลงไปแล้ว ก็สอบถามด้วยสีหน้าดีใจ

“ไหนเลยข้าจะโกหกผู้น้อยอย่างพวกเจ้า แต่ว่าข้าไม่ได้สนใจหินจิตวิญญาณที่เป็นรางวัลเหล่านั้น แต่กลับต้องการสิ่งของจิตวิญญาณบางอย่างมาแลกกับเบาะแสนี้” ผู้อาวุโสเถียนเห็นท่าทีเช่นนี้ของหลิ่วหมิง เขาก็หัวเราะแล้วกล่าวออกมา

“อาจารย์ต้องการสิ่งของจิตวิญญาณอันใดหรือ ผู้น้อยเป็นแค่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะมีสิ่งของที่อาจารย์อาต้องการหรือไม่?” หลิ่วหมิงได้ยินก็ถามด้วยความลังเล

“ได้ยินว่าศิษย์หลานมีชื่อในบัญชีรายชื่อเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ และสิ่งของจิตวิญญาณที่ข้าต้องการ ก็บังเอิญหาได้แค่ในแดนลึกลับที่งานประตูสวรรค์เท่านั้น พอถึงเวลาเจ้าแค่ระมัดระวังสักหน่อย คงจะนำของสิ่งนี้มาได้ไม่ยากนัก สำหรับข้อมูลของสิ่งของจิตวิญญาณชิ้นนี้ ได้บันทึกไว้ในแผ่นหยกแล้ว เจ้าอ่านดูก่อนเถอะ!” ผู้อาวุโสเถียนกล่าวโดยไม่ต้องครุ่นคิด พอยกมือข้างหนึ่ง แผ่นหยกที่เปล่งแสงสีเขียวสลัวๆ ก็พุ่งออกมา และร่วงลงบนมือของหลิ่วหมิงอย่างมั่นคง

หลิ่วหมิงนำแผ่นหยกมาแปะไว้บนหน้าผากทันที และใช้จิตกวาดดูอย่างรีบร้อน

ตามที่บรรยายไว้ในแผ่นหยก ของสิ่งนี้เป็นสิ่งของจิตวิญญาณที่มีเฉพาะแดนลึกลับในงานประตูสวรรค์ แม้จะบอกว่าไม่ได้ได้มาโดยง่ายอย่างที่ผู้อาวุโสเถียนพูด แต่ก็มีโอกาสได้มาสูง

“ได้ ศิษย์จะช่วยอาจารย์อาหาของสิ่งนี้อย่างสุดความสามารถ” หลังจากหลิ่งหมิงคิดไตร่ตรองดูแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่มีปัญหาไรมากนัก จึงตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ

“เช่นนี้ก็ดี เจ้านำของสิ่งนี้มาเมื่อไหร่ ข้าก็จะบอกเบาะแสของอสูรว่างเปล่าเมื่อนั้น ตอนนี้เจ้าไปยุ่งเรื่องของเจ้าเถอะ!” ผู้อาวุโสเถียนพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็ออกคำสั่งไล่แขกทันที

หลิ่วหมิงหมุนตัวเดินออกไปจากถ้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และไม่คิดที่จะออกไปนอกนิกายอีก เท้าของเขาเหยียบเมฆดำก้อนหนึ่ง และพุ่งกลับไปยังที่พักของตนเองทันที

ในเมื่อมีเบาะแสของอสูรว่างเปล่าแล้ว ย่อมไม่ต้องบุ่มบ่ามไปที่หอเป๋ยโต่วอีก เพราะการไปกลับไม่เพียงแต่จะใช้เวลาจำนวนหนึ่งเท่านั้น เรื่องที่หอเป๋ยโต่วเปิดเผยข้อมูลของตนเองให้กับผู้ฝึกฝนชั่วร้ายนั้น ยังคงทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมาโดยตลอด

……

การฝึกฝนไร้ซึ่งเวลา พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว

ความวุ่นวายในนิกายยอดบริสุทธิ์ที่เกิดจากสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานประตูสวรรค์ ก็ค่อยๆ สงบลง ในเมื่อรายชื่อผู้เข้าร่วมทั้งสิบคนได้รับการยืนยันแล้ว คนจำนวนมากก็เริ่มแอบคาดเดาผลลัพธ์ของงานประตูสวรรค์ แม้กระทั่งคนน่าเบื่อจำนวนหนึ่ง ก็ได้จัดอันดับของทั้งสิบคนนี้ไว้แล้ว

ทั้งหมดนี้หลิ่วหมิงย่อมไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด เขายังคงทำการฝึกฝนอยู่ภายในถ้ำที่พักอย่างตั้งใจ

……

วันนี้ บนวิหารใหญ่ของยอดเขาเลื่อนลอย เทียนอินซ่างเหรินที่เป็นผู้ควบคุมยอดเขา กำลังต้อนรับแขกพิเศษสองคนอยู่

ภายในวิหารใหญ่ของยอดเขา หญิงสาวสวยวัยกลางคนที่สง่างามกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลัก ชุดสีขาวจันทราที่สวมอยู่บนตัวไม่มีรอยเปื้อนฝุ่นเลยแม้แต่น้อย ดวงตางดงามทั้งคู่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม นางก็คือเทียนอินซ่างเหรินที่เป็นผู้ควบคุมยอดเขาเลื่อนลอยนั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา