เขาหยิบตลับหยกขึ้นมาด้วยความแปลกใจ และเปิดฝามันออก ไอเย็นสีขาวโพลนพุ่งออกมาจากในนั้นทำให้เขารู้สึกเย็นสะท้านจนสะดุ้ง
ไม่คาดคิดว่าในตลับนั้นจะมีมุกสีฟ้าแวววาวอยู่เม็ดหนึ่ง ดูเหมือนจะหนาวเย็นอย่างแปลกประหลาด ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนกัน
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงเข้าใจว่าทำไมขายชุดเทาถึงออกมาจากทะเลเพลิงได้
ของชิ้นนี้ก็เป็นของล้ำค่าอย่างยิ่ง
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ และรีบเก็บตลับหยกกับสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมด แล้วสังเกตดูรอบด้านอีกครั้ง แล้วชูมือปล่อยลูกไฟออกไปชุดหนึ่ง จัดการทำลายร่องรอยการต่อสู้ในบริเวณนั้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ หลังจากทำให้มันคล้ายๆ ทะเลเพลิงนั้นแล้วถึงเก็บแมงป่องกระดูกขาวเข้าไปในถุงหนัง จากนั้นขี่เมฆเหาะตรงไปยังนิกายปีศาจ
……
หลายวันต่อมา ตอนที่หลิ่วหมิงกลับถึงนิกายปีศาจทุกอย่างในนิกายยังคงเหมือนเดิม ราวกับไม่มีข่าวเกี่ยวกับมังกรแดงแพร่กระจายออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ไปที่หอดำเนินการทำเรื่องบันทึกการกลับเข้านิกายแล้วรีบกลับไปยังที่พักตรงเขาเก้าทารก จากนั้นก็เริ่มทานโอสถแล้วกลั่นพลังจากยาทุกวันไม่หยุด
พริบตาเดียวก็ผ่านไปเจ็ดแปดวันแล้ว
แต่ในวันนี้ ศิษย์นิกายสายนอกของสาขาเก้าทารกผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ลานเล็กๆ และตะโกนบอกเขาว่ากุยหรูฉวนเรียกเขาให้ไปหา
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นเล็กน้อย หยุดการฝึกฝนแล้วเดินออกจากที่พักไป
เวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป เขาก็มาปรากฏตัวบนหอใหญ่ตรงยอดเขา
ในหอนั้นนอกจากกุยหรูฉวนแล้ว เขายังเห็น ‘อาจารย์อาจาง’ นักพรตวัยกลางคนผู้นั้น
“ใช่เด็กคนนี้จริงๆ ด้วย!” นักพรตวัยกลางคนเห็นใบหน้าหลิ่วหมิงชัดเจนแล้วก็หัวเราะออกมา
กุยหรูฉวนได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เพียงแค่หันไปถามหลิ่วหมิง
“หลายวันนี้ เจ้าได้ไปตลาดเว่ยโจวไหม? และตอนกลับได้ประสบกับมังกรชั่วร้ายตนนั้นหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว ศิษย์ไปตลาดเว่ยโจวจริงๆ” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างนอบน้อม
“เจ้ารู้ไหม นอกจากเจ้าและศิษย์สองคนที่อาจารย์อาจางช่วยชีวิตไว้แล้ว ศิษย์คนอื่นๆ ล้วนเสียชีวิตกันหมดไหม? ตอนที่อาจารย์อาจางของเจ้าหนีไปแล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แล้วเจ้าหนีรอดมาได้อย่างไร?” กุยหรูฉวนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
นักพรตวัยกลางคนได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็ฉายแววเก้อเขินเล็กน้อย
ตอนนั้นเขาไม่ได้ช่วยหลิ่วหมิงให้หนีไปพร้อมกัน ถึงแม้เรื่องนี้สามารถให้อภัยกันได้แต่ต่อหน้ากุยหรูฉวนผู้ที่เป็นอาจารย์ของหลิ่วหมิงผู้นี้ในตอนนี้ เขาย่อมรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“กราบเรียนอาจารย์กุย นอกจากศิษย์พี่เฉียนและชุ่ยเอ๋อร์แล้ว ศิษย์เกรงว่ามีศิษย์ผู้เดียวที่ยังมีสติอยู่ ดังนั้นพอเรือเหาะถูกมังกรชั่วร้ายตัวนั้นใช้พลังมหาศาลสั่นสะเทือนจนเรือเหาะแตกกระจาย ศิษย์ก็แค่ได้วิธีบางอย่างในเอาตัวรอด…”
หลิ่วหมิงไม่ได้ปิดบังแต่อย่างใด เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังในทันที
แต่เรื่องเกี่ยวกับแมงป่องกระดูกขาวกับเรื่องชายปล้นสดมภ์ และอาวุธจิตวิญญาณอย่างกระบี่สั้นที่ได้มานั้น เขาย่อมไม่ได้เล่าออกมา เพียงแค่บอกว่าตนเองซื้อยันต์คุ้มกันมาหลายผืนถึงได้โชคดีหนีออกมาจากทะเลเพลิงได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ตอนหลังข้ากลับไปยังที่เดิมแต่กลับหาศพศพของศิษย์คนอื่นๆ ไม่เจอ ไม่คาดคิดว่าจะถูกมังกรชั่วร้ายนั้นมันเผาจนหมดสิ้น แต่ศิษย์หลานไป๋กลับโชคดีไม่ใช่น้อยที่ซื้อยันต์คุ้มกันจากตลาดพอดี มิเช่นนั้นเกรงว่าก็คงไม่อาจหนีรอดมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้าไปตรวจดูรายชื่อศิษย์ที่กลับเข้านิกายตรงหอดำเนินการ แล้วเจอรายชื่อของเจ้าเข้า ก็คงไม่รู้ว่ายังมีศิษย์อีกคนที่รอดชีวิตกลับมา”
“ศิษย์น้องจางไม่ต้องกล่าวโทษตนเอง ใครจะไปรู้ว่าเดิมทีแค่คิดที่จะวางกับดักล่อพวกโจรปล้นสดมภ์ที่ชอบออกมาก่อความวุ่นวายให้ออกมา แต่กลับล่อมังกรร้ายตนนี้ให้ออกมาด้วย และในบรรดาอาจารย์จิตวิญญาณทั้งสามก็มีแค่ศิษย์น้องจางคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว” กุยหรูฉวนหันมาปลอบใจ
“ข้าเองก็เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสชื่อหยางจากนิกายวาตอัคคีโผล่มาพอดี จึงทำให้เจ้ามังกรร้ายตนนั้นตกใจจนหนีไป มังกรตัวนี้ร้ายกาจกว่าที่ร่ำลือไว้มาก ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอาจารย์จิตวิญญาณอย่างพวกเราก็ไม่อาจยุแหย่มันได้ น่าเสียดายที่ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสชื่อหยางตามไล่มังกรตัวนี้ได้สองวันก็ตามมันไม่ทันเสียแล้ว” นักพรตวัยกลางคนหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วกล่าวออกมา
“นี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวแล้ว ผ่านไปอีกสักระยะอาจารย์อาเยี่ยนคงจะออกการการเก็บตัวแล้ว พอถึงเวลานั้นนิกายเรายังมีความหวังที่จะได้ประโยชน์จากมังกรร้ายตนนี้” กุยหรูฉวนกลับกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ใช่สิ! ศิษย์หลานไป๋ เจ้ากลับไปได้แล้วล่ะ อีกอย่างห้ามแพร่งพรายเรื่องเกี่ยวกับมังกรชั่วร้ายตนนี้และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดโดยเด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนจะใช้กฎนิกายจัดการ” นักพรตวัยกลางคนพยักหน้าแล้วกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ทราบ ศิษย์เข้าใจแล้ว” หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นยะเยือก เขารีบตอบรับแล้วถอยออกไป
“ศิษย์ผู้นี้ไม่เลว ไม่คาดคิดว่าตอนที่มังกรชั่วร้ายแผดเสียงร้องเขายังสามารถรักษาสติไว้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ศิษย์ทั่วไปสามารถทำได้” พอหลิ่วหมิงไปจากหอใหญ่แล้วนักพรตวัยกลางคนก็เอ่ยปากชมเชยออกมา
“อือ! ศิษย์ผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือสติปัญญาล้วนดีงามเป็นอย่างมาก น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือมีคุณสมบัติแค่สามชีพจรจิตวิญญาณเท่านั้น มิเช่นนั้นข้าคงรับเขาเป็นศิษย์ติดตามนานแล้ว” กุยหรูฉวนพยักหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา