ศิษย์ผอมสูงเหาะอยู่ด้านหน้าสุด ทันใดนั้นเขาก็ตวาดเสียงดัง สองมือตบประกบกันจนเกิดเสียง จากนั้นง้างออกอย่างแรงประดุจง้างคันศร แสงสีน้ำเงินเข้มผุดออกมาบนร่างของเขา เบื้องหน้าศรแสงใหญ่หนาดอกหนึ่งก่อตัวขึ้น หลังจากนั้นมือข้างหนึ่งก็ปล่อย ศรแสงพาเสียงแหวกอากาศดังกึกก้องพุ่งเร็วรี่ออกไปเบื้องหน้า
ศรแสงเร็วอย่างที่สุด เพียงพริบตาเดียวก็ไล่ตามตะขาบสีเงินทัน โจมตีลงบนหลังสีเงินแวววาวของมันอย่างแม่นยำ
เสียงระเบิดดังเปรี้ยงขึ้นหนึ่งหนพาก้อนแสงสว่างแสบตากระจายออกมาจากแผ่นหลังของตะขาบ หลังแสงรัศมีดับหายไป บริเวณที่มันถูกโจมตีก็หลงเหลือเอาไว้เพียงรอยแผลจางๆ เส้นหนึ่งเท่านั้น
“เปลือกแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ชายหนุ่มผอมสูงเห็นภาพนี้พลันกัดลิ้น
ตะขาบกลับส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดออกมาทีหนึ่ง แสงสีเงินรอบร่างสว่างวูบแล้วพลันเปลี่ยนทิศทาง ความเร็วที่วิ่งหนีเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน
“พวกเราแยกกันไล่ล่า ปล่อยปีศาจอสูรระดับผลึกขั้นปลายตัวนี้หนีไปไม่ได้เด็ดขาด!” หลัวเทียนเฉิงดวงตาสว่างวาบ ตะขาบสีเงินตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้ หลังสังหารแล้วจะต้องได้โชคชะตาไม่น้อยแน่นอน
ชายหนุ่มผอมสูงกับชายหนุ่มผู้สะพายกระบี่ขานรับคำหนึ่งก็เหาะแยกย้ายไปหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาอย่างเข้าขา โอบล้อมเข้าไปหาตะขาบสีเงินทันที โดยมีหลัวเทียนเฉิงไล่ตามด้านหลังไปติดๆ
วิธีการนี้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ตะขาบสีเงินไม่อาจเปลี่ยนทิศทางตามใจได้อีกต่อไป หลังเวลาชั่วมื้ออาหารมันก็ค่อยๆ ถูกทั้งสามคนล้อมเป็นวงบีบเข้ามาตรงกลาง
ตะขาบสีเงินค้นพบเช่นกันว่าสถานการณ์ของตนย่ำแย่ หลังส่งเสียงกรีดร้องร้อนรนทีหนึ่ง ขายาวนับไม่ถ้วนสองข้างพลันวาดเร็วรี่จนเป็นระลอกคลื่น ดิ้นรนหนีไปด้านหน้าสุดกำลัง
มันลนลานไม่เลือกทาง หนีออกจากหุบเขาชันโผล่มาบนเนินทรายสุดลูกหูลูกตาผืนหนึ่งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เวลานี้ศิษย์ชุดสีน้ำเงินที่สะพายกระบี่ผู้นั้นไล่ตามอยู่ใกล้ที่สุด เขาชิงก่อนก้าวหนึ่งเหาะออกจากหุบเขาชัน เมื่อไม่มีภูมิประเทศคับแคบขัดขวาง ความเร็วของเขาฉับพลันก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย
คนผู้นี้เหล่มองพวกหลัวเทียนเฉิงสองคนข้างหลังทีหนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาก็ฉายแววประหลาดวูบหนึ่งแล้วทำท่ามือของเคล็ดวิชา จี้ไปยังอากาศเบื้องหน้าโดยไม่ลังเลสักนิด กระบี่ยาวบนหลังของเขาส่งเสียงใสกังวานแล้วดีดพุ่งออกไป ชั่วพริบตากลายเป็นรุ้งกระบี่สีแดงเข้มยาวสิบจั้งเส้นหนึ่ง พุ่งเร็วรี่ไปหาตะขาบสีเงิน ความเร็วรวดเร็วน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!
เขาถึงกับชิงลงมือก่อน!
ในตอนนี้เองเสียงแหวกอากาศดังฟึบๆ ก็ดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง หลัวเทียนเฉิงกับบุรุษผอมสูงอีกคนหนึ่งเหาะออกจากหุบเขาชันมาแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นการกระทำของบุรุษผู้สะพายกระบี่ บุรุษผอมสูงพลันสีหน้าร้อนรน กระตุ้นเคล็ดวิชาในมือ ชั่วพริบตาเร่งความเร็วขึ้นหลายส่วน
นาทีต่อมาเห็นเพียงแสงสีน้ำเงินสว่างวาบ ในมือบุรุษผอมสูงฉับพลันมีคันศรยาวสีเขียวหยกเพิ่มขึ้นมาอีกคันหนึ่ง สองมือง้าง คันศรโค้งกลายเป็นจันทร์เต็มดวง
เสียงฟึบดังขึ้นทีหนึ่ง ศรแสงหนาเท่าข้อมือดอกหนึ่งพลันแล่นเร็วรี่ออกไป แม้ยิงออกไปทีหลังแต่กลับถึงตะขาบสีเงินก่อน ความเร็วแทบจะใกล้เคียงกับการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา
แสงกระบี่สีแดงฉานกับศรแสงแทบจะตกลงบนส่วนหัวของตะขาบในเวลาเดียวกัน เห็นชัดว่าทั้งสองคนล้วนมีความคิดอย่างเดียวกันคือต้องการสังหารตะขาบในการโจมตีเดียวเพื่อแย่งชิงโชคชะตามา
หลัวเทียนเฉิงเห็นสถานการณ์นี้ ในดวงตาทอประกายกร้าว เพียงไหวหัวไหล่ทีหนึ่ง รอบร่างพลันเปล่งแสงสีเงินเจิดจ้า หนึ่งฝ่ามือตบเข้าใส่อากาศเบื้องหน้า หมอกสีเงินผืนใหญ่ซัดออกไปพร้อมกับเสียงสายลมหวีดหวิว
แม้เป็นศิษย์ร่วมนิกาย โชคชะตาที่ได้มาล้วนเป็นของนิกายยอดบริสุทธิ์ แต่คนที่ได้โชคชะตามาเห็นชัดว่าท้ายที่สุดย่อมได้ผลประโยชน์มากกว่า รางวัลที่ได้รับจากนิกายในตอนท้ายสุดก็แตกต่างกันอย่างมากด้วย
ตะขาบสีเงินเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันสัมผัสได้ถึงเสียงแหวกอากาศข้างหลังร่าง พยายามบิดร่างสุดกำลัง คิดจะหลบการโจมตี
เสียงบึ๊มดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง
แม้อสูรตัวนี้จะเลี่ยงจุดสำคัญพ้นในห้วงวิกฤต แต่ขายาวสีเงินฝั่งซ้ายหลายข้างก็ยังถูกแสงกระบี่กับศรแสงยิงเข้าอย่างจัง ถูกตัดขาดไปทั้งหมด
บุรุษผอมสูงกับบุรุษผู้สะพายกระบี่เห็นภาพนี้ ดวงตาพลันเปล่งประกาย เร่งเคล็ดวิชาในมือให้เร็วขึ้นอีกหนึ่งส่วน หมายจะลงมือสังหารอีกครั้ง
ทว่าในเวลานี้เองเงาพยัคฆ์หมอกสีเงินขนาดหลายจั้งตัวหนึ่งพลันคำรามเสียงดังดิ่งลงมาจากท้องฟ้า ขย้ำคอของตะขาบเกราะเงินคำเดียวประหนึ่งอสนีบาต
แม้ตะขาบตัวนี้จะเป็นปีศาจอสูรระดับผลึกขั้นปลาย แต่ผ่านการวิ่งกวดระยะทางไกลเช่นนี้มา ไม่ว่าพลังกายหรือพลังเวทล้วนสูญเสียไปมาก ตอนนี้ถูกโจมตีจนขาบาดเจ็บอีกจึงไม่อาจหลบพ้นการกระโจนเข้าใส่ครั้งนี้ของพยัคฆ์เงิน ฉับพลันได้แต่ขดร่างม้วนสวนกลับรัดร่างกายของพยัคฆ์เงินไว้ประหนึ่งงูเท่านั้น
จะว่าไปแล้ว แม้พยัคฆ์เงินยักษ์จะก่อเกิดมาจากพลังเวทที่รวมตัวกัน แต่ก็ไม่แตกต่างจากของจริงนัก ฝั่งหลังฉับพลันพลิกตัวกลางอากาศ กระแสลมคลั่งสายแล้วสายเล่าโหมซัดออกไปรอบด้าน
บุรุษผู้สะพายกระบี่รวมถึงศิษย์ผอมสูงทั้งสองคนถูกคลื่นลมกระแทก ร่างกายไม่อาจควบคุมถอยหลังไปหลายจั้งถึงยืนได้อย่างมั่นคง
ในเวลานี้เองเงาร่างของหลัวเทียนเฉิงก็มาถึงประหนึ่งสายฟ้า รอบร่างถูกไอหมอกสีเงินพลุ่งพล่านหุ้มอยู่ เขากระโจนออกมาตรงระหว่างคนทั้งสอง ปากตวาดเบาๆ คำหนึ่งก็พาปราณทะลักทลายสายหนึ่งพุ่งเข้าไปกลางวงต่อสู้
ศิษย์ที่สะพายกระบี่กับศิษย์ผอมสูงเห็นภาพนี้ก็ตกตะลึง ขณะที่กำลังจะพุ่งเข้าไปนั้น ฉับพลันตะขาบยักษ์ก็ส่งเสียงร้องโหยหวน เสียงหัวเราะลั่นของหลัวเทียนเฉิงดังขึ้น
เสียงฟึบดังขึ้นทีหนึ่ง เงาดำร่างหนึ่งเหาะพุ่งออกมาจากกระแสลมคลั่งตรงวงต่อสู้ สายตาของทั้งสองคนเพ่งมองทีหนึ่งฉับพลันใบหน้าถอดสี
เงาดำไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหัวใหญ่ยักษ์ของตะขาบสีเงินนั่นเอง ในปากของมันเขี้ยวโค้งคมกริบคู่หนึ่งอ้าหุบไม่หยุด ทว่าประกายดุร้ายในดวงตาทั้งคู่กลับหม่นแสงไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา