เห็นเพียงด้านบนอุโมงค์ที่หนึ่งสลักเครื่องหมายดวงตะวันสีเลือดหมูดวงหนึ่งเอาไว้ ด้านในอุโมงค์แสงสีแดงร้อนระอุส่องสว่างไม่หยุด ทั้งยังมีธารลาวาร้อนระอุปุดๆ พ่นออกมาจากขอบอุโมงค์เป็นระยะ มองดูก็รู้ได้ทันทีว่าอันตรายไม่ธรรมดา
เหนืออุโมงค์ที่สองสิ่งที่วาดสลักไว้คือจันทราสว่างดวงหนึ่ง ทางเข้าอุโมงค์แสงจันทร์เย็นตาแผ่กระจายแสงสีเงินยวงแผ่ออกมาเอื่อยๆ แม้เยือกเย็นวังเวงอยู่บ้าง แต่กลิ่นอายที่เล็ดลอดออกมาอ่อนโยนอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็อ่อนโยนกว่าอัคคีแดงฉานกับธารลาวาที่พ่นออกมาจากอุโมงค์พระอาทิตย์สีแดงอันแรกมาก
ส่วนด้านบนอุโมงค์ที่สามกลับประดับดวงดาวดาวพร่างพราวระยิบระยับ ในอุโมงค์ก็มีแสงดาววิบวับ แสงรัศมีสีน้ำนมสว่างวิบวับไม่หยุด แลดูลึกลับเป็นพิเศษ
มองออกไปไกลๆ อุโมงค์ทั้งสามเส้นล้วนคดเคี้ยวเชื่อมต่อไปที่ใดก็ไม่รู้ ทั้งยังไม่รู้ความลึกอีกด้วย
“ปรากฏทางเข้าสามทาง หมายความว่าให้พวกเราเลือกหรือ?” ดวงตาของบุรุษผมม่วงทอประกาย เขาหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น
บนใบหน้าของคนอื่นๆ ก็เผยสีหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้เช่นกัน ชั่วขณะหนึ่งไม่มีผู้ใดเอ่ยตอบ
บุรุษผมม่วงเห็นสถานการณ์ก็ไม่แปลกใจ เขาสนใจแต่ตัวเองมองกลับไปมาระหว่างอุโมงค์ทั้งสามไม่หยุด
สายตาของหลิ่วหมิงก็กวาดมองกลับไปมาระหว่างอุโมงค์ประหลาดทั้งสามบนกำแพงหยกไร้ตำหนิอย่างระมัดระวังเช่นกัน คล้ายต้องการมองให้เห็นเงื่อนงำบางอย่างจากข้างใน
เมื่อครู่เขาปล่อยจิตสัมผัสกวาดไปด้านในอุโมงค์เส้นที่หนึ่ง ผลปรากฏว่าเพิ่งเข้าไปหนึ่งจั้งกว่า แรงต่อต้านรุนแรงสายหนึ่งพลันโถมทะลัก พริบตาเดียวก็ดีดสัมผัสออกมา
สองอุโมงค์ที่เหลือก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“ทั้งสามเส้นทางล้วนไม่อาจใช้จิตสัมผัสสำรวจได้ ไม่รู้ว่าด้านในแท้จริงมีสิ่งใดกันแน่?” เผิงเยวี่ยเดินเข้าไปใกล้หลิ่วหมิงสองสามก้าวแล้วเอ่ยเสียงเบา
แม้เสียงของเขาเบาอย่างที่สุด แต่เมื่อไม่ได้ส่งกระแสจิต คนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดย่อมได้ยิน
บุรุษผมม่วงได้ยินฉับพลันยิ้มอย่างยโส ร่างกายวูบไหวทีหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้ากำแพงหยกไร้ตำหนิทันที
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของบุรุษผมม่วง คนอื่นที่ไม่เข้าใจเจตนาของเขาล้วนมองไป
ทุกคนเห็นเพียงเขาสีหน้าจดจ่อ ตวาดเสียงเข้มคำหนึ่ง บนฝ่ามือขวาปรากฏลวดลายจิตวิญญาณประหลาดสีดำเขียวสายแล้วสายเล่า
ฉับพลันแขนของเขาก็ยกขึ้น ฝ่ามือตบเข้าใส่ความว่างเปล่าเบื้องหน้านิดหนึ่ง ไอหมอกสีดำสลับเขียวสามสายพลันโถมออกมา หลังรวมตัวกันก็กลายเป็นเงาคนตัวน้อยที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีดำเขียวแผ่อยู่เต็มสามร่าง
มนุษย์น้อยสามร่างขนาดเท่ากำปั้น ร่างกายดูแล้วพร่าเลือนอย่างประหลาด คลื่นพลังเวทอ่อนจนผิดปกติ คล้ายจะถูกสายลมเป่ากระจายได้ตลอดเวลา
“ไป!”
บุรุษผมม่วงโพล่งออกมาเบาๆ คำหนึ่ง มนุษย์น้อยสามร่างพลันค้อมกายคำนับ ร่างกายวูบไหวทีหนึ่งก็ทะยานร่างเข้าไปในอุโมงค์ทรงกลมสามเส้นนั่น ชั่วพริบตาหายเข้าไปด้านใน
ภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้คนทั้งหมดเพ่งสมาธิกลั้นลมหายใจ
เพียงสองสามลมหายใจให้หลัง ในอุโมงค์แรกเสียงฟู่แผ่วเบาพักหนึ่งก็ดังออกมา แสงแดงฉานเจิดจ้าไหวระลอกหนึ่ง ชั่วครู่ให้หลังถึงกลับมาเป็นปกติ
อุโมงค์อีกสองเส้นกลับไม่มีเสียงหรือความเปลี่ยนแปลงอันใดสักนิด
หลิ่วหมิงกวาดมองไปบนใบหน้าของบุรุษผมม่วงด้วยความอยากรู้
ผลปรากฏว่าเขากลับหัวเราะลั่น หลังเก็บเคล็ดวิชาที่มือก็ทะยานร่างออกบิน เห็นเพียงลวดลายจิตวิญญาณสีดำเขียวรอบร่างเขากะพริบไม่หยุด บินตรงเข้าไปในอุโมงค์เส้นที่หนึ่ง ชั่วพริบตาก็หายไปไร้ร่องรอย
ทุกคนคิดไม่ถึงอย่างยิ่ง พวกเขาอดไม่ได้มองสบตากันทีหนึ่ง
ดูท่าบุรุษผมม่วงจะตรวจสอบพบความลับบางอย่างของอุโมงค์ทั้งสามแล้วถึงกล้าตัดสินใจเร็วปานนี้
หลังบุรุษผมม่วงเข้าไป ทางเข้าของอุโมงค์เส้นนี้ฉับพลันก็กระเพื่อมเหมือนระลอกคลื่นบนผิวน้ำ จากนั้นหดเล็กลงหนึ่งรอบกว่า
เวลานี้เองร่างกายหลัวเทียนเฉิงก็ขยับ หลังลอยหวือวูบหนึ่งก็พุ่งหายเข้าไปในอุโมงค์เส้นที่หนึ่ง
หลังเขาเข้าไป ทางเข้าอุโมงค์ก็หดเล็กลงอีกรอบหนึ่งในทันใด เหลือขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของแต่เดิม
“ดูท่าจำนวนคนที่เข้าไปในอุโมงค์แต่ละเส้นคงจำกัดเอาไว้ อุโมงค์พระอาทิตย์นั่นอย่างมากที่สุดเข้าไปได้อีกสองคน” เผิงเยวี่ยลอบส่งกระแสจิตสื่อสารกับหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงพยักหน้าเงียบๆ ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นง่ายดายชัดเจนเช่นนี้ เชื่อว่าคนที่อยู่นี่นั่นย่อมมองออก
“ไม่ทราบว่าพี่หลิ่วอยากเลือกทางไหน?” เผิงเยวี่ยส่งกระแสจิตเอ่ยถามต่อ
ในเมื่อจำนวนคนที่เข้าไปในแต่ละอุโมงค์จำกัด ย่อมต้องตัดสินใจให้ดีก่อน
“ตอนนี้ข้าก็มึนงงสับสนเช่นกันแต่ในเมื่อที่นี่เป็นดินแดนแห่งมรดก อุโมงค์สามเส้นนี้ก็น่าจะมีโชควาสนาของแต่ละเส้นทาง…” หลิ่วหมิงเผยสีหน้าครุ่นคิด ส่งกระแสจิตตอบกลับช้าๆ
เวลานี้เองร่างกายของสตรีชุดเขียวของสำนักเฮ่าหรานพลันลอยขึ้นมาแล้วร่อนลงเบื้องหน้าอุโมงค์ทั้งสาม สายตานางกวาดมองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าทันที นางหัวเราะเบาๆ เอี้ยวศีรษะไปถามชายหนุ่มอัปลักษณ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
“สหายท่านนี้ ท่านอยากเข้าอุโมงค์เส้นไหนหรือ?”
ชายหนุ่มอัปลักษณ์ได้ยินคำถามไร้ที่มานี้ของสตรีชุดเขียวก็คิดไม่ถึงอยู่บ้าง แต่ดวงตาประหลาดฉับพลันกลอกทีหนึ่งหัวเราะหยันสองสามหน เห็นชัดว่าไม่ยินดีสนใจสตรีผู้นี้
สตรีชุดเขียวเห็นภาพนี้ก็ไม่โกรธ ตรงกันข้ามหลังแย้มยิ้มหวานก็พลิ้วเข้าไปในทางเข้าใต้ภาพสัญลักษณ์จันทราสว่าง
หลังชายหนุ่มอัปลักษณ์มองแผ่นหลังของสตรีชุดเขียวนิ่งๆ อยู่นาน ปราณดำรอบร่างก็ม้วนหอบหนึ่งบินขึ้นมา แต่บินเข้าไปในอุโมงค์เส้นที่หนึ่ง
อีกด้านหนึ่งหลังบุรุษหน้าเหยี่ยวส่งกระแสจิตคุยกับเซวียผานหลายประโยคก็ยกแขนเสื้อขึ้น แสงเรืองรองสีขาวสายหนึ่งลอยออกมาม้วนหุ้มร่างทั้งสองคนขึ้นมา จากนั้นพุ่งเข้าไปยังอุโมงค์ที่มีภาพสัญลักษณ์จันทราสว่าง
หลังสตรีชุดเขียว บุรุษหน้าเหยี่ยวและเซวียผานเข้าไปในอุโมงค์จันทราสว่าง ทางเข้าอุโมงค์เส้นนี้ก็พลันหดจนเหลือขนาดที่พอให้หนึ่งคนเข้าออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา