เวลาชั่วจิบชาหนึ่งถ้วยให้หลัง แรงสั่นสะเทือนดังครืดคราดถึงสงบลง
ตำหนักใหญ่สีทองสูงถึงเจ็ดแปดสิบจั้งกินพื้นที่ราวหลายหมู่ ตำหนักใหญ่ทั้งหลังไม่ว่ายอดเสาปลายหลังคาหรือราวล้วนสลักด้วยสีทอง ด้านบนมีอักขระที่ไม่รู้จักเคลื่อนจากบนลงล่างไม่หยุดอยู่เลือนราง ทำให้คนรู้สึกพรั่นพรึงอย่างไม่อาจเข้าใจได้
หลายลมหายใจให้หลัง แสงสีทองบนประตูตำหนักก็สลายไปเล็กน้อย ประตูใหญ่ซึ่งทาสีทองส่องแสงเรืองรองสามบานปรากฏขึ้น
ประตูแต่ละบานสูงห้าหกจั้ง กว้างสองสามฉือ ตรงใจกลางประตูมียันต์สีเลือดขนาดเท่าฝ่ามือดวงหนึ่งกำลังกะพริบไม่หยุด
สิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนยิ่งสนใจก็คือตำแหน่งของประตูทั้งสามบานแม้อยู่ไกลแต่พอดีตรงกับทั้งสามคน
“ฮ่าฮ่า ดูท่านี่ถึงจะเป็นการทดสอบของมรดกชิ้นสุดท้ายนั่น” หลังบุรุษผมม่วงหัวเราะฮ่าฮ่าครั้งหนึ่งก็ไม่สนใจสองคนที่เหลืออีก รอบร่างเปล่งแสงสีม่วงกลายเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งเข้าไปทันที
ความเร็วของเขาเร็วอย่างที่สุด กะพริบวูบวาบสองสามครั้งก็ปรากฏตัวตรงหน้าประตูใหญ่ เขายกมือขึ้นกลางอากาศ เงาฝ่ามือยักษ์สีม่วงขนาดหนึ่งจั้งกว่าข้างหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางอากาศพัดหวีดหวิวไปหาประตูตำหนัก
เสียง “ปึง” ดังขึ้นทีหนึ่ง
เงาฝ่ามือยักษ์สีม่วงแตะถูกประตูใหญ่ปุบก็ส่องแสงเล็กน้อยแล้วระเบิดกระจาย กลายเป็นปราณสีม่วงถูกยันต์สีเลือดดูดซับไปหมดสิ้นประหนึ่งวาฬยักษ์สูดน้ำ
ยันต์สีเลือดที่เดิมทีขนาดกำปั้นบนประตูพริบตาขยายใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่งแล้วเริ่มกะพริบวูบวาบอย่างบ้าคลั่ง
บุรุษผมม่วงเห็นเช่นนี้สีหน้าก็เคร่งขรึม แววตาครุ่นคิดแล่นผ่านในดวงตาแล้วหายไป โจมตีออกมาอีกสองฝ่ามือติด
เสียงตุบตับแผ่วเบาสองครั้งดังออกมา เงาฝ่ามือยักษ์สองข้างกลายเป็นไอหมอกสีม่วงระเบิดแตกกระจายแล้วถูกยันต์สีเลือดดูดเข้าไปอีกหนเช่นเดิม
หลังยันต์นี้ดูดกลืนไอหมอกเหล่านี้ไปก็ประหนึ่งกินโอสถบำรุงขยายพรวดขึ้นอีกหนึ่งเท่าจนมีขนาดหนึ่งฉื่อกว่า
บุรุษผมม่วงแค่นเสียงเหอะคำหนึ่ง สองมือยังคงต่อยใส่ประตูยักษ์สีทองอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด
ชายหนุ่มรถเงินกับหลิ่วหมิงเห็นสภาพเช่นนี้ หลังมองตากันทีหนึ่ง หัวใจก็หวั่นไหว ร่างกายขยับไม่กี่ครั้งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงด้านหน้าของประตูใหญ่ที่ใกล้ตัวเองที่สุดเช่นกัน
ชายหนุ่มรถเงินยกมือขึ้น ยันต์สีเทาขมุกขมัวบินพุ่งออกมา
เสียงบึ๊มดังสนั่นลอยมา!
ยันต์กลางอากาศค่อยๆ กลายเป็นแสงรัศมีสีเทาดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออก พุ่งโจมตีอย่างรุนแรงจนอากาศใกล้ๆ บิดเบี้ยวไปพักหนึ่ง ประตูใหญ่สีทองทั้งบานสั่นสะเทือนจนส่งเสียงดังฮึมขึ้นมาด้วย
หลังยันต์สีเลือดบนประตูส่องแสง เส้นไหมสีเลือดนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากข้างในอย่างเงียบเฉียบโอบรัดรัศมีสีเทาลากเข้าไป แสงรัศมียันต์สีเลือดสว่างเพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน
ส่วนหลิ่วหมิงรอบร่างปราณสีดำพลุ่งพล่านออกมา สองแขนพร่าเลือนไปวูบหนึ่งก็สร้างเงาหมัดสีดำเหมือนกันเปี๊ยบเจ็ดแปดหมัดออกมา
เสียง “ฟึบๆ” ดังขึ้น เงาหมัดแต่ละหมัดโจมตีลงบนยันต์สีเลือดบนบานประตูอย่างแม่นยำไม่มีพลาด ทำให้มันสั่นคลอนเล็กน้อยแล้วใหญ่ขึ้นในทันใดเช่นกัน
ทั้งสามคนล้วนโจมตีประตูใหญ่เบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้
ครู่หนึ่งให้หลังบนประตูใหญ่เบื้องหน้าบุรุษผมม่วง ยันต์สีเลือดก็มีขนาดถึงสองจั้ง แทบจะอัดเต็มครึ่งค่อนประตูใหญ่ นอกจากนี้พร้อมกับที่เงาฝ่ามือยักษ์โจมตีออกมาไม่หยุด แสงรัศมีก็ยิ่งกะพริบเร็วขึ้น ท่าทางคล้ายจะระเบิดอยู่เลือนราง
หลังยันต์สีเลือดขยายใหญ่ขึ้นอีกเท่าหนึ่ง ในที่สุดมันก็ลอยหลุดออกมาจากประตูพร้อมกับเสียงแผ่วเบา จากนั้นมันก็หมุนติ้วรอบหนึ่งกลายเป็นแสงสีเลือดจุดแล้วจุดเล่าระเบิดออก
ประตูใหญ่ตรงหน้าบุรุษผมม่วงเปิดออกดังปัง
“ฮ่าฮ่า! ทั้งสองท่านไม่ต้องรีบร้อน ข้าไปรับสมบัติก่อนล่ะ” บุรุษผมม่วงโจมตีเต็มแรงต่อเนื่อง ผลาญพลังเวทไปไม่น้อย สีหน้าจึงซีดขาวอยู่บ้าง แต่เห็นสถานการณ์เช่นนี้เขาก็หัวเราะบ้าคลั่งทีหนึ่ง ร่างกายโฉบวูบหายไปจากสายตาของทั้งสองคน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ทำหน้าเสียดาย หลังตวาดเบาๆ คำหนึ่ง สองแขนพลันหนาขึ้นต่อยหลายสิบหมัดต่อเนื่องเข้าใส่ยันต์สีเลือดบนประตู
เสียงมังกรกรีดร้องพยัคฆ์คำรามดังขึ้นพักหนึ่ง เงาหมัดมากมายถี่รัวโจมตีลงบนยันต์ ยันต์สีเลือดบนประตูที่ตรงกันดูดกลืนปราณดำสายแล้วสายเล่าจากสายลมหมัดของเขาแล้วขยายขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ชายหนุ่มรถเงินหน้าประตูใหญ่อีกบานหนึ่งเห็นชายหนุ่มผมม่วงชิงนำไปก่อน สีหน้าก็เคร่งขรึมเช่นกัน เขาล้วงลูกแก้วกลมใสที่ส่องแสงสีเขียวเรืองรองหลายลูกออกมาจากในกำไลเก็บของแล้วโยนลงไปบนพื้นอีกครั้ง
พร้อมกับที่ปากเขาท่องมนตร์ ผิวหน้าของลูกแก้วกลมก็ส่องแสงสีเขียวจากนั้นกลายร่างเป็นหุ่นวิหคยักษ์ซึ่งดูราวกับมีชีวิตสูงหนึ่งจั้งกว่าหลายตัวยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่หลังร่างเขา
ชายหนุ่มรถเงินสิบนิ้วขยับรัวใช้เคล็ดวิชาท่าแล้วท่าเล่า สองตาของหุ่นวิหคสีเขียวก็ส่องประกาย ปากใหญ่อ้ากว้างพ่นลำแสงสีเขียวสายแล้วสายเล่าพุ่งดังหวีดหวิดตรงไปยังประตูใหญ่
เสียงบึ๊มดังสนั่น!
เวลานี้หลังหลิ่วหมิงโถมโจมตีมาได้พักหนึ่ง ยันต์สีเลือดบนประตูใหญ่ก็ขยายพรวดไม่หยุด แต่ขาดอีกนิดหน่อยจึงยังไม่อาจบินหลุดออกมาจากประตูได้ เขาสีหน้าเคร่งขรึมในทันใด มือข้างหนึ่งทำท่าเคล็ดกระบี่ กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งก็บินออกมาจากหว่างคิ้วกลายเป็นแสงสีทองฟันออกไปในพริบตา
หลังเสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง แสงกระบี่ก็ฟันลงบนยันต์สีเลือด ปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าพุ่งกรอกเข้าไปด้านใน
ครู่ต่อมายันต์บนประตูพลันกะพริบแล้วลอยออกมา จากนั้นส่งเสียงดังเปรี้ยงกลายเป็นแสงสีเลือดดวงแล้วดวงเล่าระเบิดกระจาย
แสงรัศมีบนกระบี่บินสีทองหม่นแสงลงไปประมาณหนึ่งเนื่องจากเสียปราณกระบี่ไปจำนวนมากในชั่วพริบตาหลังถูกหลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่งเรียกมันก็กลายเป็นกระบี่น้อยสีทองเล่มหนึ่งบินพุ่งกลับไปในร่างเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา