เวลานี้หลิ่วหมิงอยู่ห่างจากโต๊ะบูชาราวห้าสิบกว่าจั้ง ชายหนุ่มรถเงินช้าอยู่เล็กน้อย ส่วนบุรุษผมม่วงไม่ทราบมีวิชาลับอันใดเสริมส่ง เทียบกับทั้งสองคนเร็วกว่าไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด ห่างจากโต๊ะบูชาเพียงยี่สิบกว่าจั้งเท่านั้น
หลิ่วหมิงในเวลานี้ก้าวช้ากว่าก่อนหน้านี้มาก แต่ละก้าวที่ยกขึ้นนั้นยากลำบาก
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ายิ่งใกล้โต๊ะบูชา แรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้นมายิ่งทบเท่าทวี นี่ก็เพราะกายเนื้อของเขาแข็งแกร่งพอจึงยังคงก้าวต่อไปได้ทีละก้าวๆ เช่นนี้
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายระดับเดียวกันทั่วไปสักคน เกรงว่าคงทนรับน้ำหนักไม่ไหวทรุดลงไปกับพื้นนานแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลิ่วหมิงคาดไม่ถึงอยู่บ้าง นอกจากกายเนื้อของบุรุษผมม่วงที่แข็งแกร่งจนน่าตะลึง ก็คือชายหนุ่มรถเงินใต้การปกป้องของชุดเกราะจักรกลสีทองชุดนั้นทนได้มาถึงตอนนี้ทั้งยังมีแรงเหลืออีก
บุรุษผมม่วงเป็นเพียงคนเดียวในระดับเดียวกันเท่าที่หลิ่วหมิงเคยเห็นมาซึ่งกายเนื้อแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่หลายส่วนอย่างเห็นได้ชัด
นี่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกหวั่นเกรงอย่างยิ่ง
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก็หยุดอยู่กับที่ พลิกมือเรียกโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่งออกมาแล้วกำหินจิตวิญญาณระดับสุดยอดสองลูกไว้ในมือ สูดลมหายใจลึกอีกเฮือกหนึ่งแล้วก้าวยาวไปต่อ
เวลานี้เองเสียง “ฟึบๆ” ก็ดังขึ้นหลายหน ยันต์แวววาวห้าหกแผ่นบินทแยงต่อกันผ่านข้างกายเขาไปตรงที่ชายหนุ่มผมม่วงอยู่
“ระเบิด”
ชายหนุ่มรถเงินในเส้นทางด้านข้างโพล่งเบาๆ ออกจากปากคำหนึ่ง เสียงระเบิดรัวก็ดังขึ้น ยันต์แวววาวห้าหกแผ่นระเบิดข้างตัวชายหนุ่มผมม่วงกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเต็มท้องฟ้าในทันใด ไอเย็นเยียบทิ่มแทงกระดูกสายหนึ่งโถมเข้าใส่หน้า
ยันต์หลายแผ่นนี้เป็นยันต์แช่แข็งที่หาได้ยาก ส่วนสองฝั่งของเส้นทางซึ่งดูเหมือนไอหมอกสีทองอันลี้ลับกลับไม่ขัดขวางไม่ให้ยันต์เหล่านี้ทะลุผ่านไปสักนิด
ชายหนุ่มผมม่วงไม่ทันระวังจึงถูกน้ำแข็งหนาหนึ่งชุ่นกว่าปกคลุมแทบจะในพริบตา กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งมนุษย์ ยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมนิ่งไม่กระดุกกระดิก
หลิ่วหมิงเห็นเรื่องนี้ก็ยินดี ไม่พูดพร่ำก็ยกแขนเสื้อขึ้น ยันต์สีทองตั้งหนึ่งบินพุ่งออกมา
เสียง “เปรี๊ยะ” ดังขึ้น แสงอสนีบาตสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าฉายวาบกลายเป็นอสรพิษสายฟ้าสีทองยาวสองสามจั้งตัวแล้วตัวเล่ากักชายหนุ่มผมม่วงที่กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งไว้แน่นหนา
หลิ่วหมิงกับชายหนุ่มรถเงินลงมือจัดการบุรุษผมม่วงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ข้ายังไม่ทันสร้างความลำบากให้พวกเจ้า พวกเจ้าก็กล้าลงมือ ไม่รู้จักกลัวตายจริงๆ!”
แต่ยังไม่ทันที่พวกหลิ่วหมิงสองคนจะฉวยโอกาสไล่ตามไปสักหลายจั้ง สองสามลมหายใจให้หลัง เสียงตวาดโกรธเกรี้ยวก็ดังออกมาจากในรูปสลักน้ำแข็ง รอยแตกเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏขึ้นบนรูปสลักน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
เสียง “ปัง!” ดังกังวาน
น้ำแข็งสีขาวแตกกระจาย อสนีบาตสีทองแหลกกระจุย บุรุษชุดม่วงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นปรากฏตัวออกมา
คนผู้นี้กระทั่งศีรษะก็ไม่หันกลับ แขนพร่าเลือนวูบหนึ่ง แสงรัศมีสีม่วงยาวหนึ่งจั้งกว่าหลายสายก็ก่อตัวบนมือ พวกมันสั่นวูบหนึ่งก็พุ่งเร็วรี่เข้าใส่จุดที่หลิ่วหมิงกับชายหนุ่มรถเงินอยู่พร้อมเสียงระเบิด
สายตาหลิ่วหมิงเย็นเยียบ แขนเสื้อยกขึ้นเล็กน้อย โล่แผ่นน้อยสีเหลืองแผ่นหนึ่งบินพุ่งออกมา กลายเป็นโล่ยักษ์สีเหลืองขมุกขมัวแผ่นหนึ่งเบื้องหน้าเขา
หลังโล่ยักษ์หมุนติ้วรอบหนึ่ง บนผิวก็ปรากฏเงาภูเขาลูกย่อมๆ ลูกหนึ่งออกมา
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น
แสงรัศมีสีม่วงสัมผัสถูกเงาภูเขาขนาดย่อมก็หม่นแสงลงไปบางส่วนอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นแสงสีม่วงเรียวเล็กเส้นแล้วเส้นเล่าดีดพุ่งกลับไปรอบด้าน
ชายหนุ่มรถเงินเองก็เคลื่อนไหวเร็วอย่างที่สุด แขนเสื้อสะบัดไหวปล่อยกระบี่บินจักรกลที่ส่องแสงสีน้ำเงินขมุกขมัวหลายเล่มออกมาต่อเนื่อง พริบตาเดียวกลายเป็นแสงรัศมียาวหนึ่งจั้งกว่าเส้นแล้วเส้นเล่าประจันเข้าหารัศมีสีม่วงที่เหลืออยู่
ทันใดนั้นเสียงเปรี๊ยะดังลั่นก็ดังขึ้นในตำหนักใหญ่ แสงรัศมีสีน้ำเงินดวงแล้วดวงเล่าระเบิดกลางอากาศ แสงสีม่วงส่วนใหญ่ที่ถูกโล่ดินหนาดีดออกมาแล่นจมลงไปยังกำแพงที่ทาสีทองรอบด้านของตำหนักใหญ่
ทว่าไม่ว่ากระบี่บินจักรกลหรือโล่ดินหนา หลังปล่อยออกมาชั่วครู่หลิ่วหมิงกับชายหนุ่มรถเงินก็หน้าถอดสีเก็บกลับไปอีกหนอย่างรวดเร็ว
ในเส้นทางประหลาดนี้อาวุธจิตวิญญาณก็ได้รับผลจากแรงโน้มถ่วงด้วย พลังเวทผลาญไปมากจนพวกเขารู้สึกรับไม่ไหว
พร้อมกับที่รับมือการโจมตีของพวกหลิ่วหมิง บุรุษผมม่วงก็พลิกมือเรียกยันต์ซึ่งส่องแสงสีดำขมุกขมัวแผ่นหนึ่งออกมา ปากท่องมนตร์งึมงำรวดเร็ว จากนั้นตบยันต์ลงบนร่างในทันใด
ทันใดนั้นแสงสีดำเต็มฟ้าก็ล้อมรอบตัวเขากลายเป็นดอกบัวสีดำดอกหนึ่งโฉบทีเดียวเข้าใกล้โต๊ะบูชาไปอีกสิบจั้ง ก่อนจะกลายเป็นเพลิงปราณสีดำสายแล้วสายเล่าสลายไปในตำหนักใหญ่
หลิ่วหมิงเพิ่งเก็บโล่ดินหนาไป เมื่อเห็นชายหนุ่มผมม่วงใช้วิชาลับเช่นนี้ ในใจก็เคร่งเครียดเล็กน้อย
เดิมเขาคิดว่าจะรักษาระยะห่างจากเขาประมาณหนึ่งไปตลอด ช่วงสุดท้ายค่อยกระตุ้นวิชาลับเร่งไล่ตาม แต่ตอนนี้ดูท่าไม่ลงมืออีกคงสายไปแล้ว
หลิ่วหมิงคิดอย่างรวดเร็ว ปากตวาดเบาๆ คำหนึ่ง ปราณดำทั่วร่างก็พลุ่งพล่านออกมา หลังสองแขนสะบัด เสียงมังกรคำรามสายหนึ่งก็ดังขึ้น มังกรหมอกสีดำยาวสิบกว่าจั้งห้าตัวหลุดออกมาจากแผ่นหลังของเขาพุ่งเข้าไปยังจุดที่ชายหนุ่มผมม่วงอยู่
“คุกมืด!”
พร้อมกับที่เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยน มังกรหมอกสีดำก็ระเบิดบนอากาศเหนือชายหนุ่มผมม่วงในพริบตา กลายเป็นแสงสีดำผืนใหญ่สว่างวูบ ขังบุรุษผมม่วงผู้ไม่อาจหลบหลีกได้สักนิดไว้ด้านใน
หลิ่วหมิงรู้ดีว่าคุกมืดนี้ได้ผลกับบุรุษผมม่วงน้อยมากคงถ่วงเวลาได้ไม่นานเท่าไร เขาจึงกัดฟันฝืนกระตุ้นเคล็ดวิชาเกราะอสูร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา