“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าต้องเข้าใจนะว่าที่พวกเราช่วยศิษย์น้องเกาก็เพราะว่าเมื่อเขากลายเป็นอาจารย์จิตวิญญาณแล้วจะได้ช่วยพวกเราอีกแรง เรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะเข้าไปยุ่งได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเตาหลอมพลัง ข้าไม่เชื่อว่ามู่อวิ๋นเซียนจะไม่เคยพูดเรื่องนี้กับหลานสาวของตน แต่มู่หมิงจูไม่เชื่อเองคงไม่อาจโทษผู้อื่นได้ ชะตาชีวิตของนางคงจะต้องเป็นเช่นนี้ เอาล่ะ! ต่อไปอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก พวกเรากลับไปปรึกษาเรื่องที่เราคุยกันเมื่อสักครู่กับศิษย์พี่อู๋ก่อน” ชายหน้าดำกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คลี่คลายลง
ลวี่อวิ๋นพยักหน้าตอบรับ
ดังนั้นทั้งสองจึงขี่เมฆทะยานขึ้นฟ้าแล้วเหาะตรงไปยังที่ตั้งของสาขาพลังโลหิต
ในขณะเดียวกันหลิ่วหมิงก็มาถึงหน้าประตูหอเก็บคัมภีร์อีกครั้ง เขายืนอยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าสับสนปนเปครู่หนึ่ง แล้วถึงก้าวยาวๆ เข้าไป
พอเข้าประตูใหญ่ไป ยังคงเป็นห้องเล็กๆ นั้น แต่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งกลับมีผู้อาวุโสชุดแดงนั่งอยู่ เขากำลังก้มหน้าดูคัมภีร์โบราณหนาๆ เล่มหนึ่ง พอเห็นมีคนเข้ามาถึงได้เงยหน้าขึ้นมาถาม
“แลกวิชาฝึกฝนพลัง เคล็ดวิชาหรือว่าวิชา?”
ผู้อาวุโสชุดแดงผู้นี้มีดวงตาที่ถมึงทึง หนวดที่งอโง้ง ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกเกรงขามเป็นพิเศษ
“เอ๋! ทำไมไม่ใช่อาจารย์อาหร่วนที่เฝ้าหอเก็บคัมภีร์ ผู้อาวุโสคือ…” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รีบก้าวไปคารวะ และถามด้วยความตกตะลึง
“ข้าคือเลี่ยวเฟิงจากสาขาพิษจิตวิญญาณ เจ้าเรียกอาว่าอาจารย์อาเลี่ยวก็พอ หนึ่งปีก่อนหน้านี้เจ้าอ้วนหร่วนปลดออกจากตำแหน่งคนเฝ้าดูแลหอเก็บคัมภีร์กลับไปเก็บตัวฝึกฝนแล้ว เอาล่ะ! ตอนนี้บอกจุดประสงค์ที่เจ้ามาที่นี่ได้แล้ว” ผู้อาวุโสชุดแดงกลับแสดงออกอย่างอ่อนโยน
“ที่แท้ก็คืออาจารย์อาเลี่ยว ข้าน้อยมาที่เพื่อเลือกวิชาป้องกันตัว!” หลิ่วหมิงโค้งตัวคำนับแล้วกล่าวออกมา
เขาได้ยินว่า ‘อาจารย์อาหร่วน’ ผู้นั้นไม่อยู่แล้วในใจก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็มีหน้าผิดหวังอยู่ลางๆ
“เขาเก้าทารก ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของศิษย์พี่กุย ดูเจ้าอายุยังน้อยอย่าเพิ่งทะเยอทะยานลมๆ แล้งๆ โดยทั่วไปวิชาป้องกันนั้นจะต้องฝึกฝนให้ถึงระดับที่แน่นอนแล้วถึงสำแดงออกมาได้ ข้าจะดูสักหน่อยว่าเจ้าฝึกฝนถึงระดับไหนแล้ว?” เพิ่งสิ้นสุดเสียงของผู้อาวุโสชุดแดง แขนข้างหนึ่งก็ตบเบาๆ ลงบนไหล่ของหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวความร้อนก็พุ่งเข้าไปในร่างหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงตกใจ พลังเวทย์ภายในร่างถูกกระตุ้นด้วยความร้อนเหล่านี้ พริบตาเดียวก็พุ่งไปบนไหล่อย่างเต็มกำลัง
“เอ๋! ศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลาย?” เลี่ยวเฟิงค่อยๆ เก็บฝ่ามือกลับมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“อาจารย์อาเลี่ยว ที่ท่านทำคือ…” หลิ่วหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปมา
“ไม่ต้องกังวล ข้าแค่ทดสอบการฝึกฝนของเจ้าเท่านั้น ถ้าเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายล่ะก็ย่อมมีสิทธิ์เรียนวิชาป้องกันแล้ว เจ้าชื่อไป๋ชงเทียนใช่ไหม ดูท่าสาขาของศิษย์พี่กุยจะได้ศิษย์ที่ไม่เลว ตามข้ามาเถอะ!” เลี่ยวเฟิงยิ้มกล่าวชมเชยไปหนึ่งประโยค เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วแสงสีขาวก็ม้วนตัวออกมา
พริบตาเดียวร่างของคนทั้งสองก็กระพริบหายเข้าไปในแสงสีขาว
ครู่ต่อมา ผู้อาวุโสชุดแดงและหลิ่วหมิงปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถงที่มีผนังแสงกั้นไว้
“ไปเถอะ ทางนั้นเป็นอาณาเขตบันทึกเคล็ดวิชาที่ใช้ฝึกฝน แค่วางมือไว้บนโต๊ะแท่นหินที่อยู่ด้านล่าง ก็จะรู้เนื้อหาของวิชากับจำนวนแต้มคุณูปการที่ต้องใช้ จากนั้นใช้ป้ายชื่อของตัวเองประทับลงไปก็จะหยิบสิ่งของออกมาได้” เลี่ยวเฟิงชี้มือผ่านอากาศไปยังทิศทางบางแห่ง ผนังแสงทางนั้นก็กลายเป็นจุดๆ แล้วหายไป
หลิ่วหมิงตอบรับแล้วเดินเข้าไป เขาวางฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะแท่นหินที่ใกล้ที่สุด บนม่านแสงสีทองมีม้วนไผ่สีเขียววางอยู่
เสียงดัง “ตู้ม!”
พลังบางอย่างพุ่งออกมาจากบนโต๊ะแท่นหิน แล้วเข้าไปหมุนวนอยู่ในศีรษะของเขา พริบตาเดียวก็เปลี่ยนแปลงเป็นอักขระสีขาวอย่างน่าอัศจรรย์
‘วิชาคมมหาธาตุ’ เป็นวิชาธาตุโลหะ ใช้ธาตุโลหะเสริมพลัง สามารถเพิ่มพลังโจมตีจากธาตุโลหะ และมือเท้าทั้งสี่ ทำให้ร่างกายแหลมคมเป็นอย่างมาก สามารถทำลายโลหะต่างๆ หรือหยกได้ แต้มคุณูปการสี่ร้อยแต้ม
หลิ่วหมิงส่ายศีรษะเดินออกไปจากโต๊ะแท่นหินนี้แล้วเดินตรงไปยังโต๊ะแท่นหินตัวอื่น
‘วิชาม่านหมอกวารี’ เป็นวิชาธาตุน้ำใช้ในการหลบซ่อนตัว สามารถสร้างไอหมอกบริเวณกว้างๆ ใช้อำพรางกาย แต้มคุณูปการสามร้อยแต้ม
‘วิชาไฟอสรพิษ’ เป็นวิชาธาตุไฟ ควบคุมการโจมตีด้วยไฟ ขอบเขตการโจมตีระดับกลาง พลังการทำลายล้างสูง แต้มคุณูปการหนึ่งพันแต้ม
‘วิชาแหอัสนี’ เป็นวิชาธาตุอัสนี ขอบเขตการโจมตีกว้างมาก พลังการทำลายล้างสูงมาก ผู้ที่ไม่มีชีพจรจิตวิญญาณอัสนีไม่สามารถฝึกฝนได้ แต้มคุณูปการหนึ่งพันสี่ร้อยแต้ม
……
หลิ่วหมิงดูโต๊ะแท่นหินแต่ละตัวไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าที่สงบ แต่แอบทอดถอนใจอยู่ไม่หยุด
วิชาในนี้ต้องใช้แต้มคุณูปการมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แต้มคุณูปการสามร้อยแต้มที่เหลืออยู่ในมือคงแลกได้แค่วิชาระดับต่ำแค่วิชาเดียวเท่านั้น
ผ่านไปไม่นานเขาก็ดูวิชาบนโต๊ะแท่นหินไปเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ดูจากคิ้วที่ขมวดกันบนหน้าเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่ายังไม่เจอวิชาตามที่ต้องการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา