เป็นอย่างที่คิด เมื่อหลี่ว์เหมิงกับอิ๋นเซ่อสองคนบินจวนเจียนจะถึงสองสามจั้งเบื้องหน้าแสงดาว บุรุษวัยกลางคนหน้าตาเกลี้ยงเกลาอาภรณ์สีเหลืองร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากในแสงดาวระยับระยับ ยืนลอยอยู่กลางอากาศ
ประมุขหอเป๋ยโต่วนั่นเอง
เขาปรากฏตัวออกมาปุบริมฝีปากก็ขมุบขมิบคล้ายกำลังถามไถ่อันใดกับหลี่ว์เหมิงและอิ๋นเซ่ออยู่
ผลสุดท้ายหลังทั้งสองคนทยอยตอบพักหนึ่ง ประมุขหอเป๋ยโต่วถึงเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา หลังจากนั้นแสงดาวเจิดจ้าสายหนึ่งก็ฉายออกมาอีกครั้ง หอบหลี่ว์เหมิงกับอิ๋นเซ่อสองคนร่อนลงบนที่ว่างจุดหนึ่งบนยอดเขา
ผู้คนบนยอดเขาเห็นเช่นนี้ก็ทยอยละสายตาออก ไม่กล้ามองผู้แข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ผู้นี้ตรงๆ ต่ออีกแม้แต่น้อย
อีกด้านหนึ่งบุรุษชุดเทาจากนิกายยอดบริสุทธิ์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายเทียนเกอเจินเหริน เหนือศีรษะของเขาปรากฏภาพสัญลักษณ์เหมือนหยินหยางขนาดหลายจั้งภาพหนึ่งกำลังหมุนวนเชื่องช้าอยู่กลางอากาศ
เป็นเช่นนี้ไม่ถึงชั่วจิบชาหนึ่งถ้วย หลงเหยียนเฟยกับศิษย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์อีกสี่คนก็พากันมารวมตัวที่เขา
“ท่านประมุข พวกเรากลับมาแล้ว” หลงเหยียนเฟยประสานหมัดเอ่ยกับเทียนเกอเจินเหรินอย่างนอบน้อม
“ครานี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว โคจรปราณดีๆ สักพักก่อน เรื่องอื่นกลับไปค่อยว่ากัน” หลังเทียนเกอเจินเหรินพยักหน้าเบาๆ ก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าจริงจังมองไปหาป้ายยักษ์ค้ำฟ้าแผ่นนั้นนอกแดนลึกลับประตูสวรรค์
แม้งานประตูสวรรค์สิ้นสุดเร็วขึ้น แต่บนป้ายศิลายังคงแสดงลำดับโชคชะตาของทุกคนอย่างชัดเจน เพียงแต่คนที่เข้าไปในแดนมรดกเช่นพวกหลิ่วหมิงไม่ทราบถูกสัตว์ประหลาดสามตัวนั้นใช้เล่ห์กลอันใด แม้ออกมาจากแดนลึกลับแล้ว แต่ชื่อบนป้ายศิลาก็ยังคงหม่นหมองไร้แสง คล้ายตกอยู่ในชั้นจำกัด
อันดับหนึ่งตอนนี้ยังคงเป็นสตรีผมเงินจากหอเป๋ยโต่ว มีโซ่สีทองมากถึงสามเส้น อันดับสองกับอันดับสามกลับเป็นเซียนหงส์ดำกับพี่ชายจากตระกูลมู่หรง ทว่ามีโซ่ทองเพียงครึ่งเส้นเท่านั้น สิบอันดับแรกที่ตามติดมาหลังจากนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคนของสี่ยอดนิกายใหญ่กับแปดตระกูลใหญ่ เพียงแต่นิกายยอดบริสุทธิ์กับนิกายเทียนกงกลับไม่มีสักคน
ถัดไปอีกหลงเหยียนเฟยอยู่ที่ลำดับสิบเจ็ดมีโซ่เงินแปดเส้น ศิษย์คนอื่นที่เหลือส่วนใหญ่ก็อยู่ลำดับที่ยี่สิบกว่า
หากบทสรุปเป็นเช่นนี้จริง ถ้าเช่นนั้นการเดินทางมางานประตูสวรรค์ครั้งนี้ของนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เรียกได้ว่าเสียหน้าหมดสิ้นแล้วจริงๆ
ข้างกายเผิงเยวี่ยกับเยี่ยโจ่งชายหนุ่มรถเงินจากนิกายเทียนกง ยังมีศิษย์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเหลืองของนิกายเทียนกงอีกหลายคนอยู่ด้วย
เบื้องหน้าศิษย์ทั้งหลาย บุรุษวัยกลางคนสวมเสื้อตัวสั้นสีเหลืองสามคนยืนอยู่ สีหน้าไม่ค่อยน่าดูนัก
เห็นชัดว่าอันดับของนิกายในวันนี้ผิดจากที่พวกเขาคาดไว้มาก แต้มโชคชะตาไม่เพียงไม่ถึงสิบอันดับแรก แต่ถึงขั้นต่ำกว่านิกายยอดบริสุทธิ์ที่ไม่เข้าสิบอันดับแรกเหมือนกันอยู่หลายอันดับ จวนเจียนอยู่อันดับที่สิบห้า
“ฮ่าฮ่า! เซวี่ยเยวี่ย เฟิ่งเอ๋อร์ พวกเจ้าสองคนทำได้ดีมาก แม้น้อยกว่าแม่สาวคนนั้นจากหอเป๋ยโต่วอยู่นิดหนึ่ง แต่นับโดยรวมแล้วตระกูลมู่หรงของเราก็ได้ที่หนึ่ง!” อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าชุดดำของตระกูลมู่หรงมองเซียนหงส์ดำกับมู่หรงเซวี่ยเยี่ยพี่ชายของนางเบื้องหน้าแล้วอดไม่ได้ลูบเครายิ้มกว้าง
“ผู้อาวุโสใหญ่ชมเกินไปแล้ว!” มู่หรงเซวี่ยเยวี่ยยิ้มเล็กน้อย
“นี่ต้องขอบคุณที่พี่ใหญ่อยู่ มิเช่นนั้นลำพังข้าตัวคนเดียวคงไร้หนทางเอาโชคชะตามากมายเช่นนี้มา” เซียนหงส์ดำยิ้มน้อยๆ เช่นกัน
เวลานี้เองเสียงครืนครางพักหนึ่งก็พลันดังออกมาจากท้องฟ้า ป้ายศิลาโชคชะตาที่เดิมทีตั้งตระหง่านสูงเทียมเมฆฉับพลันปรากฏอักขระหลากหลายสีสัน ทั้งยังระเบิดดังปังๆ ต่อเนื่องก่อนที่ปราณสีเลือดชั้นหนึ่งจะสลายหายไป
ชื่อของพวกหลิ่วหมิงที่เดิมทีหม่นแสงอย่างผิดปกติอยู่บนป้ายศิลา ทันใดนั้นก็กะพริบระรัว จากนั้นฟื้นคืนสีสันที่หม่นหมองกลับมาอีกครั้ง
“ต่อจากนี้เชิญศิษย์ที่ชื่อถูกผนึกบนป้ายศิลาเดินมาหน้าป้ายศิลานี้ตอนนี้ด้วย” เสวียนอู่ผู้สวมหน้ากากทองแดงฉับพลันลุกขึ้นยืน มองรอบด้านแล้วเอ่ยเสียงดัง
หมู่คนใกล้ๆ วุ่นวายพักหนึ่งในทันใด ทว่าต่อจากนั้นแสงสีม่วงหอบหนึ่งก็ส่องสว่างแล้วปรากฏตัวเบื้องหน้าป้ายศิลา เมื่อแสงสว่างดับลง หลี่ว์เหมิงบุรุษผมม่วงจากหอเป๋ยโต่วก็ปรากฏตัว
“โซ่โชคชะตาบนมือของผู้อื่นตอนออกจากแดนลึกลับประตูสวรรค์ได้หายไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากพวกเจ้าได้รับผลกระทบจากชั้นจำกัด โชคชะตาในโซ่โชคชะตาจึงไม่อาจคำนวณรวมกับบนป้ายศิลาได้ ตอนนี้บีบมันให้แหลกปล่อยโชคชะตาออกมาเป็นใช้ได้” บุรุษหน้ากากทองแดงหมุนตัวมาเอ่ยอธิบายกับบุรุษผมม่วงช้าๆ
หลิ่วหมิงได้ยินก็มองโซ่โชคชะตาในมือทีหนึ่ง จากนั้นเมื่อสบตากับหลัวเทียนเฉิงด้านข้าง ทั้งคู่ก็เผยสีหน้าเข้าใจจางๆ
เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง
นิ้วของบุรุษผมม่วงขยับบีบเบาๆ โซ่น้อยสีเงินบนข้อมือก็พลันแตกกระจาย ไอหมอกสีเทาสายแล้สายเล่าพุ่งออกมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย มุดเข้าไปในป้ายศิลาข้างตัวเขาในคราวเดียว
ชื่อที่เดิมทีหม่นหมองไร้แสงอยู่อันดับที่ยี่สิบกว่าฉับพลันสว่างพรึ่บขึ้นมา โซ่สีเงินที่เดิมทีมีหกเส้นด้านหลังชื่อปรากฏโซ่ทองแดงเส้นแล้วเส้นเล่าออกมาไม่หยุด เมื่อโซ่ทองแดงเต็มสิบเส้นก็พลันเปลี่ยนเป็นโซ่เงินเส้นที่เจ็ด
ไม่นานนัก โซ่เงินสิบเส้นฉับพลันก็หายไปกลายเป็นโซ่ทองเส้นหนึ่งแล้วยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
หลังเจ็ดแปดลมหายใจ จำนวนโซ่ทองด้านหลังชื่อของบุรุษผมม่วงก็หยุดนิ่งอยู่ที่สามเส้น นอกจาอนี้ยังมีโซ่เงินอีกเก้าเส้น ชื่อของเขากะพริบวูบหนึ่งก็กระโดดไปครองอันดับที่หนึ่งทันที!
เห็นภาพเช่นนี้ผู้คนที่นั่นก็ล้วนตกตะลึงในทันใด เรื่องนี้ชักนำให้ผู้คนถกเถียงกันฮือฮาพักหนึ่ง เสียงกระซิบกระซาบดังลอยมาเป็นระลอกๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา