เวลาผ่านไปอีกสองวันอย่างรวดเร็วยิ่ง
จนตอนนี้หลิ่วหมิงก็ยังไม่ถูกผู้อาวุโสโอวหยางอิงเรียกพบ ขณะที่เขาเดินกลับไปมาอยู่ในห้องอย่างหมดความอดทน ใบหน้าก็บึ้งตึงอย่างยิ่ง
ก๊อกๆ!
เสียงเคาะแผ่วเบาดังมาจากประตู หลิ่วหมิงขยับคิ้วจากนั้นเดินไปเปิดประตูห้อง
สายลมหอมชื่นใจสายหนึ่งโถมเข้าใส่ใบหน้า ดรุณีหน้าตาสะสวยสวมกระโปรงยาวสีม่วงอ่อนสองคนยืนยิ้มแย้มอยู่นอกประตู โอวหยางเชี่ยนกับน้องสาวนั่นเอง
“ที่แท้แม่นางโอวหยางทั้งสองมานี่เอง!” หลังหลิ่วหมิงอึ้งไปเล็กน้อยก็รีบเชิญทั้งสองเข้ามาในห้องอย่างยินดี
“สิบกว่าปีไม่พบหน้า พี่หลิ่วยังสง่างามเช่นเดิม” โอวหยางเชี่ยนเม้มปากยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
โอวหยางฉินยังคงยืนอยู่หลังร่างโอวหยางเชี่ยน ดวงเนตรงามมองสำรวจหลิ่วหมิงพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่ได้เอ่ยวาจา
“เซียนทั้งสองถึงเป็นฝ่ายที่นับวันยิ่งงดงามจับตา” หลิ่วหมิงเอ่ยเช่นนี้ แต่ในใจพึมพำกับตนเอง
เดิมทีเขาคิดจะไปเยี่ยมทั้งสองคนวันนี้ คิดไม่ถึงสตรีทั้งสองจะเป็นฝ่ายมาหาเอง
“ไม่กี่วันก่อนน้องออกไปข้างนอกจึงเพิ่งทราบว่าพี่หลิ่วให้เกียรติมาเยือนตระกูลโอวหยาง มิเช่นนั้นคงมาสนทนาเรื่องเก่ากับพี่หลิ่วตั้งนานแล้ว จะว่าไปพี่หลิ่วใช้เวลาสิบปีฝึกฝนจนมาถึงจุดสูงสุดของระดับผลึกได้ ความเร็วเช่นนี้ทิ้งให้คนมองไม่เห็นฝุ่นจริงๆ” โอวหยางเชี่ยนมองสำรวจหลิ่วหมิงหนสองหน ใบหน้างามก็เผยสีหน้าอิจฉาเล็กน้อยออกมา
“ข้าได้นิกายสนับสนุนจึงฝึกฝนมาถึงขั้นนี้ได้อย่างหวุดหวิด ท่านเซียนชมเกินไปแล้ว” หลิ่วหมิงตอบอย่างถ่อมตัว
โอวหยางเชี่ยนกลอกตาครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยถามเช่นนี้
“ได้ยินว่าพี่หลิ่วมาครั้งนี้ต้องการเยี่ยมเยือนผู้อาวุโสอิง ต้องการยืมใช้กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์หรือ?”
“ดูท่าในตระกูลโหวหยางเป้าหมายการเดินทางครานี้ของข้าคงไม่นับเป็นความลับเท่าใดนัก ผู้แซ่หลิ่วก็กำลังปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่ อินจิ่วหลิงอาจารย์ของข้ากับผู้อาวุโสโอวหยางอิงของตระกูลท่านรู้จักกันมาแต่เก่าก่อน เคยได้คำมั่นจากเขาว่าให้ยืมใช้กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์ได้สามหน ดังนั้นข้าถึงบุ่มบ่ามมาเยือน แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดผู้อาวุโสโอวหยางอิงจึงหลบเลี่ยงไม่ยอมพบข้ามาตลอด” หลิ่วหมิงได้ยินก็หัวเราะฝืดเฝื่อนเอ่ยขึ้นไม่ปิดบัง
พี่น้องโอวหยางสบตากันทีหนึ่ง ในดวงตาฉายประกายประหลาดใจจางๆ
“หากสหายมาเพราะกำแพงหลิงหลง เกรงว่าคงมีเรื่องให้ผิดคาดอยู่บ้างแล้วจริงๆ พี่หลิ่วคงไม่รู้ หาใช่ตระกูลโอวหยางของเรากลับคำ แต่กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์เป็นสิ่งศักดิสิทธิ์ของตระกูลเราจำนวนครั้งที่ใช้ได้มีจำกัด ทุกห้าปีใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้แต่ละครั้งใช้ได้เพียงหนึ่งคน ผู้อาวุโสอิงยามนี้ก็คงกำลังลำบากใจอยู่” ทันใดนั้นโอวหยางฉินก็เอ่ยปากเล่าช้าๆ
“กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์เพิ่งถูกใช้ไปหรือ” หลิ่วหมิงได้ฟังคำนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นี่ก็ไม่ใช่ แต่…” ดวงเนตรงามของโอวหยางฉินวูบไหว จะเอ่ยต่อแต่ก็หยุดไป
“ท่านเซียนฉินมีสิ่งใดชี้แนะก็เชิญบอกมาเถิด” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วแล้วเอ่ยเช่นนี้
แต่โอวหยางฉินกลับยิ้มน้อยๆ แล้วไม่เอ่ยต่อ
“ไม่ปิดบังความจริง ครั้งนี้ที่พวกเราพี่น้องมาพบพี่หลิ่วที่จริงก็เกี่ยวกับเรื่องกำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์” โอวหยางเชี่ยนที่อยู่ด้านข้างจัดเส้นผมดำขลับข้างหูเล็กน้อยแล้วถอนหายใจแผ่วเบาเอ่ยขึ้นต่อ
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่เอ่ยวาจา เพียงมองโอวหยางเชี่ยนนิ่งๆ รอสตรีนางนี้เอ่ยต่อไป
“ไม่ทราบพี่หลิ่วยังจำหลงเซวียนแห่งนิกายปีศาจลี้ลับได้ไหม?” ทันใดนั้นโอวหยางเชี่ยนก็เปลี่ยนเรื่องถามขึ้นมา
หลิ่วหมิงนิ่งไปนิดหนึ่งจากนั้นพยักหน้าตอบ
“ย่อมจำได้ คนผู้นี้คือศิษย์ของนิกายปีศาจลี้ลับ ร้ายกาจอย่างยิ่ง เหตุใดแม่นางโอวหยางเอ่ยถึงคนผู้นี้ขึ้นมากะทันหัน?”
“สิบกว่าวันก่อนหน้านี้หลงเซวียนมาเยือนเขาหยกฝันแห่งนี้ จะว่าไปแล้วก็บังเอิญ เป้าหมายที่เขาเดินทางมาครั้งนี้ก็เหมือนกับพี่หลิ่ว มาขอยืมใช้กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์เช่นกัน ได้ยินว่าหลังจบงานประตูสวรรค์เขาก็กลับนิกายไปตรากตรำฝึกฝนทันที พลังก้าวหน้าอย่างมาก ฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของระดับผลึกแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ยังฝึกฝนวิชาลับที่ร้ายกาจที่สุดวิชาหนึ่งของนิกายปีศาจลี้ลับสำเร็จอีกด้วย ไม่ทราบเขาสืบรู้มาจากไหนว่าช่วงนี้ตระกูลโอวหยางเรามีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งต้องการยืมกำลังคนนอก จึงเสนอขึ้นว่าต้องการยืมใช้กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์แล้วต้องการแต่งงานกับคนหนึ่งในพวกเราพี่น้อง” โอวหยางเชี่ยนพูดถึงตรงนี้ บนใบหน้าก็ปรากฏสีหน้ารังเกียจอย่างที่สุด
โอวหยางฉินอีกด้านหนึ่งเวลานี้ใบหน้าก็เย็นชาประหนึ่งน้ำแข็ง เห็นชัดว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างยิ่งเช่นกัน
หลิ่วหมิงความคิดแล่นเร็วจี๋ นึกย้อนไปถึงท่าทีที่พี่น้องโอวหยางมีต่อหลงเซวียนในแดนลึกลับประตูสวรรค์ ในใจเดาเหตุผลที่โอวหยางเชี่ยนและน้องสาวมาหาได้เกินครึ่ง
ครู่หนึ่งให้หลังเขาถึงเอ่ยปากขึ้นช้าๆ
“หากข้าจำไม่ผิด ตระกูลโอวหยางกับนิกายปีศาจลี้ลับมีความสัมพันธ์เป็นอริกันมิใช่หรือ คุณหนูทั้งสองล้วนเป็นศิษย์ผู้โดดเด่นแห่งตระกูลโวหยาง หัวหน้าตระกูลของพวกท่านถึงกับไม่เสียดายยอมสละทั้งสองท่านเพื่อผูกสัมพันธ์กับหลงเซวียนเชียวหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา