ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 853

สรุปบท ตอนที่ 853 โอวหยางหมิง: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 853 โอวหยางหมิง – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 853 โอวหยางหมิง ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 853 โอวหยางหมิง
“ผู้มีพลังแข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์?”

โอวหยางเชี่ยนได้ยินคำนี้พลันปิดริมฝีปากงามแผ่วเบา แล้วมองสำรวจซาฉู่เอ๋อร์บนจรดล่างไม่หยุด

โอวหยางฉินก็ตกใจเช่นเดียวกัน แววตาที่มองไปหาซาฉู่เอ๋อร์มีความสงสัยเพิ่มขึ้นมา

ซาฉู่เอ๋อร์ได้ฟังคำพูดของหลิ่วหมิงก็ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

“ผู้น้อยเป็นศิษย์ของผู้มีพลังแข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก ที่จริงข้าเดินทางมายังตระกูลโอวหยางครานี้ก็เพื่อตามหาบิดา บิดาของข้าเป็นคนของตระกูลโอวหยาง”

โอวหยางเชี่ยนกับน้องสาวได้ฟังย่อมตกตะลึงอีกหน คนชุดม่วงกลับสีหน้าถมึงทึง สายตาวูบไหวไม่ทราบกำลังคิดสิ่งใดอยู่

“ใช่แล้ว ข้าจำได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกข้าว่าบิดาเจ้าเป็นชาวจงเทียน คิดไม่ถึงว่าเป็นคนจากตระกูลโอวหยาง” หลิ่วหมิงนึกออกลางๆ

“บิดาข้านามว่าโอวหยางหมิง ยามนั้นท่านบอกมารดาเองกับปากว่าท่านเป็นศิษย์ตระกูลโอวหยาง มิเช่นนั้นครั้งนี้ข้าคงไม่ออกจากหนานฮวงตรงมาตามหาที่นี่” ซาฉู่เอ๋อร์เอ่ยเสียงเบา

“โอวหยางหมิง”

ใบหน้าโอวหยางเชี่ยนกับน้องสาวเผยสีหน้างุนงงเล็กน้อย คล้ายกับว่าไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน

ส่วนบนหน้าชายวัยกลางคนชุดม่วงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ครู่เดียวก็คล้ายนึกบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าฟื้นกลับมาเป็นปกติในพริบตา

ความเปลี่ยนแปลงชั่วพริบตานี้อยู่ในสายตาซาฉู่เอ๋อร์และหลิ่วหมิงทั้งสิ้น

“หวังว่าผู้อาวุโสจะให้ผู้น้อยได้พบหัวหน้าตระกูลท่านสักครั้ง เมื่อผู้เยาว์ทราบข้อมูลที่แท้จริงของบิดาจะจากไปทันที ไม่กวนตระกูลโอวหยางอีกเด็ดขาด” ซาฉู่เอ๋อร์เอ่ยถามด้วยเสียงร้อนรน

“ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าตระกูลโอวหยางไม่มีคนชื่อโอวหยางหมิงผู้นี้ เจ้ามาหาผิดที่แล้ว ไยยังงมงายอีก!” โอวหยางซินรำคาญเล็กน้อยแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ ท่านพ่อเคยบอกท่านแม่เองกับปากว่าเขามาจากตระกูลโอวหยางหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่แห่งแผ่นดินจงเทียน เป็นศิษย์แกนนำรุ่นที่ยี่สิบแปด นามว่าโอวหยางหมิง…” ซาฉู่เอ๋อร์ร้อนใจรีบเอ่ยขึ้น

“ข้าไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเจ้า ตระกูลโอวหยางไม่มีคนผู้นี้อยู่ในบันทึกจริงๆ แผ่นดินจงเทียนมีตระกูลมากมาย แซ่โอวหยางก็ไม่ได้มีแค่ตระกูลเราที่เขาหยกฝัน เจ้ารีบไปเสีย ไปสืบหาข่าวคราวที่อื่นเถิด” ชายวัยกลางคนชุดม่วงเอ่ยอย่างเย็นชา

ซาฉู่เอ๋อร์อ้าปากจะเถียงอีก แต่โอวหยางซินกลับสะบัดแขนเสื้อเอ่ยเสียงเหี้ยม

“ข้าจะพูดเพียงเท่านี้ ตระกูลโอวหยางไม่ยินดีต้อนรับแม่นาง เชิญตามสบายเถิด มิเช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจจริงๆ!”

พูดจบ แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเลือนราง ชักนำให้อากาศรอบด้านเกิดวงกระเพื่อมจางๆ

ไม่ว่าโอวหยางเชี่ยนกับน้องสาวหรือซาฉู่เอ๋อร์ล้วนแค่นเสียงแผ่วเบา ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอีกครั้งอย่างห้ามตนเองไม่ได้ จากนั้นรอบร่างถึงเปล่งแสงสีขาวตั้งร่างมั่นคงได้

มีเพียงหลิ่วหมิงที่ร่างกายโงนเงนเล็กน้อยอยู่กับที่ทนรับได้เหมือนไม่มีปัญหา

นี่ทำให้โอวหยางซินอดไม่ได้มองหลิ่วหมิงอย่างคิดไม่ถึงเพิ่มอีกหน แต่หลังแค่นเสียงหยันทีหนึ่งก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่

ซาฉู๋เอ๋อร์เห็นเช่นนี้ก็กัดริมฝีปากเล็กน้อย ท้ายที่สุดจึงฝืนยิ้มให้หลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าหม่นหมอง

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้ไล่ตามไปทันที

จากสถานการณ์ตรงหน้า ในสิบมีแปดเก้าส่วนที่บิดาของซาฉู่เอ๋อร์น่าจะเป็นศิษย์ของตระกูลโอวหยางจริง นอกจากนี้เป็นไปได้อย่างที่สุดว่าเขาอาจเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่างของตระกูลโอวหยาง มิเช่นนั้นคนนอกผู้หนึ่งบุกตระกูลโอวหยางดื้อๆ ติดกันหลายครั้งเช่นนี้ ไหนเลยจะปล่อยคนไปง่ายดายเช่นนี้

แต่หากเขาจำไม่ผิด ตอนนั้นซาฉู่เอ๋อร์เคยบอกว่าบิดาของนางสิ้นชีวิตอยู่ในทะเลทรายกุ่ยโม่นานแล้ว หากเป็นเช่นนี้สตรีนางนี้จะมาตระกูลโอวหยางทำอันใดอีก

หากเขาไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องราวกระจ่างชัดก็ไม่สะดวกลงมือช่วยเหลือจริงๆ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นอวดฉลาดแสดงความโง่

“พี่หลิ่ว หัวหน้าตระกูลอยู่ในห้องโถงใหญ่ พวกเราเข้าไปเถิด” โอวหยางเชี่ยนมองเงาแผ่นหลังของชายวัยกลางคนชุดม่วงแล้วเอ่ยขึ้น จากนั้นเดินเคียงไหล่โอวหยางฉินเข้าไป

หลิ่วหมิงเอี้ยวศีรษะมองซาฉู่เอ๋อร์ที่จากไปไกลทีหนึ่ง หลังดวงตาฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อยก็ก้าวไปข้างหน้าต่อ

เมื่อเข้ามาในห้องโถงใหญ่ก็พบทางเดินไม่ยาวนักอีกเส้นหนึ่ง สองฟากฝั่งมีเด็กรับใช้สวมชุดม่วงแบบเดียวกันหลายคนยืนกุมมืออยู่ เบื้องหน้ามีประตูทางเข้าห้องโถงสูงใหญ่บานหนึ่ง ไม่เห็นชายวัยกลางคนชุดม่วงผู้นั้น เห็นชัดว่าเขาคงเข้าไปด้านในแล้ว ส่วนสองพี่น้องโอวหยางเวลานี้กำลังยืนรออยู่หน้าประตู

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ร่างกายพลันขยับวูบหนึ่งมาถึงเบื้องหน้าสตรีทั้งสองนางแล้วเอ่ยขึ้น

“ให้ทั้งสองท่านรอนานแล้ว”

โอวหยางเชี่ยนไม่พูดอันใด หมุนตัวยกแขนเสื้อขึ้นทีหนึ่งแล้วเปิดประตูใหญ่ออก ทั้งสองคนเดินนำเข้าไป

หลิ่วหมิงเดินตามเข้าไปอย่างไม่ลังเลสักนิด

“เรียนหัวหน้าตระกูล ฉินเอ๋อร์คิดว่าคำพูดนี้ของผู้อาวุโสซินไม่เหมาะสม จากที่ข้าทราบยามนั้นผู้อาวุโสอิงไม่ได้รับปากข้อแลกเปลี่ยนนี้อย่างไร้สาเหตุ แต่เขาทำเพื่อแลกโอกาสเข้าทางปีศาจร้ายมาให้ศิษย์หลายคนในตระกูลที่ระดับพลังนิ่งค้างมานานปี ในเมื่อสัญญามาตั้งแต่แรก ไหนเลยจะกลับคำได้? มิเช่นนั้นไยไม่ใช่ให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะตระกูลโอวหยางเราว่าไม่รักษาสัจจะ” โอวหยางฉินกลับโต้ชายวัยกลางคนชุดม่วงทันทีอย่างไม่เกรงกลัว

“เจ้า…” โอวหยางซินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที สายตาที่มองโอวหยางฉินฉับพลันฉายแววเหี้ยมเกรียมนิดๆ…

“คำพูดนี้ของฉินเอ๋อร์มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน…” บุรุษผู้สง่างามกลับพยักหน้า

“หัวหน้าตระกูล กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์เป็นของศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเรา ในหมู่ศิษย์ตระกูลโอวหยางหลายพันคนของเรามีคนมากมายรอคอยจะใช้สมบัติชิ้นนี้ทะลวงระดับพลัง ขอหัวหน้าตระกูลโปรดพิจารณาอีกครั้ง! ถึงจะให้คนผู้นี้ยืมใช้…ก็น่าจะให้ไปต่อท้ายแถว” โอวหยางซินเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหลิ่วหมิงอย่างถมึงทึง แต่น้ำเสียงเห็นชัดว่าไม่แข็งกร้าวเช่นนั้นอย่างก่อนหน้านี้แล้ว

“เหอะ! คำนี้ของผู้อาวุโสซินหมายความว่าคิดจะมอบกำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์ให้เจ้าเด็กจากนิกายปีศาจลี้ลับนั่นใช้ก่อนล่ะสิ ไม่รู้จริงๆ ว่านิกายปีศาจลี้ลับมอบผลประโยชน์อันใดให้ผู้อาวุโสซินเป็นการส่วนตัว ทำให้ผู้อาวุโสซินขบคิดเพื่อเขาปานนี้ เรียนหัวหน้าตระกูล นิกายปีศาจลี้ลับไม่ลงรอยกับตระกูลโอวหยางมาตลอด จะเชื่อง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด!” โอวหยางเชี่ยนไม่ลังเลอีกต่อไป สอดปากเอ่ยขึ้นทันที

“เหอะ พวกเจ้าสองคนพูดจาเหลวไหลไร้สาระต่อหน้าหัวหน้าตระกูล! สภาผู้อาวุโสของตระกูลตัดสินใจแล้วว่าจะให้หลงเซวียนผู้นี้ทำงานใหญ่เรื่องนั้นให้ตระกูล ดังนั้นถึงตกลงให้ยืมใช้กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์ครั้งหนึ่งเป็นค่าตอบแทน ในเวลาเดียวกันการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองนิกายก็เป็นการตัดสินใจของสภาผู้อาวุโสของตระกูล ไหนเลยมีที่ให้พวกเจ้าผู้เยาว์สองคนวิพากษ์วิจารณ์” โอวหยางซินกลับฟื้นคืนความสงบ แค่นเสียงหยันเอ่ยขึ้น

“ในเมื่อการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพวกเราพี่น้อง พวกเรายังพูดไม่ได้อีกหรือ การตัดสินใจของสภาผู้อาวุโสที่ว่านั่นอาศัยยามที่ผู้อาวุโสกว่าครึ่งในตระกูลไม่อยู่ เป็นการตัดสินกันเองของผู้อาวุโสส่วนน้อยเท่านั้น ไหนเลยจะ..” โอวหยางเชี่ยนใช้เหตุผลเข้าสู้

เวลานี้บุรุษผู้สง่างามที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานกลับยกถ้วยชาขึ้นดื่มคำหนึ่งอย่างไม่รีบไม่ช้า ประหนึ่งไม่ได้ยินการโต้เถียงเบื้องล่าง

หลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์นี้ก็นับถือความสุขุมของคนผู้นี้

“เรียนหัวหน้าตระกูล หากเพื่อทำงานใหญ่เรื่องนั้นของตระกูลให้บรรลุ ข้าคิดว่าสหายหลิ่วเหมาะสมยิ่งกว่าหลงเซวียน อย่างไรงานประตูสวรรค์เมื่อหลายปีก่อน สหายหลิ่วก็ได้อันดับหนึ่ง พลังแข็งแกร่งเหนือกว่าหลงเซวียนผู้นั้นอยู่มาก” โอวหยางฉินพลันเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“อ้อ ข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน” บุรุษผู้สง่างามได้ฟัง สายตาที่มองไปหาหลิ่วหมิงก็ทอประกายขึ้นเล็กน้อยทันที

“ผู้เยาว์เพียงโชคดีเท่านั้น” หลิ่วหมิงได้ยินโอวหยางฉินดึงตนเองมาเป็นโล่บังธนู แม้ลอบขมวดคิ้ว แต่หลังครุ่นคิดเร็วจี๋ในใจสุดท้ายก็ยังไม่ได้เอ่ยปฏิเสธออกมาตรงๆ

“ความจริงแล้วในงานประตูสวรรค์โชควาสนามีส่วนอยู่มากนัก ไม่อาจพิสูจน์ความสูงต่ำของพลังได้ บางทีศิษย์หลานหลิ่วคนนี้ตอนอยู่ด้านในอาจเพียงโชคดีเท่านั้น” โอวหยางซินหัวเราะหยันเอ่ยขึ้น

“ผู้อาวุโสซินพูดเหมือนรู้จริงเช่นนี้ เคยเข้าไปแดนลึกลับประตูสวรรค์หรือ?” โอวหยางเชี่ยนเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“เจ้า…” ชายวัยกลางคนชุดม่วงได้ยินก็ฮึดฮัดทันที

งานประตูสวรรค์ครั้งนี้เขาย่อมไม่อาจเข้าร่วมได้ ส่วนงานประตูสวรรค์ครั้งก่อนก็ห่างจากวันนี้แปดร้อยปี เกรงว่าเวลานั้นถึงเขาจะเกิดมาแล้วแต่ก็ยังห่างไกลไปไม่ถึงเงื่อนไขที่จะเข้าร่วมได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา