โอวหยางเชี่ยนที่อยู่นอกเวทีหลุดปากออกมา ขณะที่ใบหน้างามซีดเผือด!
แรงกดดันจิตวิญญาณที่ยักษ์ร่างเขียวแผ่ออกมาเห็นชัดว่าแข็งแกร่งถึงระดับแก่นแท้ ถึงขนาดเหนือกว่าปราณที่โอวหยางซินระเบิดออกมาเมื่อวานขั้นหนึ่ง
ใบหน้างามอันเย็นชาของโอวหยางฉินก็ซีดเผือดไปหลายส่วนเช่นกัน
หลงเซวียนแข็งแกร่งกว่าที่พวกนางคิด ในใจทั้งสองรู้สึกไม่ดีอย่างที่สุดขึ้นพร้อมกัน
“ร่างมารหกแขนนี่มีไอปีศาจหนักหน่วงสายหนึ่ง ไม่ผิดแน่ นี่คือวิชาลับพิทักษ์สำนักของนิกายปีศาจลี้ลับ มหาวิชาวิญญาณมารชิงหยาง!” โอวหยางซินมองสำรวจเงามารด้านหลังหลงเซวียนอย่างละเอียดแล้วเอ่ยพึมพำ ในถ้อยคำแฝงความยินดีที่ปิดไม่มิดไว้
“ไม่ผิด นี่เป็นวิชามารวิชาหนึ่ง มหาวิชาวิญญาณมารชิงหยางเป็นวิชาลับที่สืบทอดมาจากยุคโบราณ เล่าลือกันว่าวิชามารนี้ถือกำเนิดมาจากวิชามารที่แท้จริงวิชาหนึ่งของยุคโบราณที่ถูกหมัวเสวียนเจินเหรินบรรพจารย์แห่งนิกายปีศาจลี้ลับคนหนึ่งบังเอิญได้มา เดิมทีเนื่องจากไอปีศาจแท้หายาก วิชานี้จึงสูญเสียคุณค่า ไม่คิดว่าหมัวเสวียนเจินเหรินผู้นี้จะเป็นผู้มีความสามารถน่าตะลึง เขาปรับเปลี่ยนวิชามารนี้ให้ใช้เพลิงมรกตวิญญาณร้ายจากยมโลกแทนที่ไอปีศาจแท้ แต่พลังมากอย่างที่สุดเช่นกัน หลังฝึกฝนสำเร็จปุบ สังหารศัตรูได้ง่ายดายยิ่งนัก” หัวหน้าตระกูลโอวหยางเอ่ยอย่างสบายๆ คล้ายกับรู้เกี่ยวกับวิชามารวิชานี้ละเอียดอย่างยิ่ง
“แต่จะฝึกฝนวิชานี้ให้สำเร็จยากเย็นอย่างที่สุด ยังไม่ต้องพูดถึงความเจ็บปวดมหาศาลยามรับเพลิงมรกตวิญญาณร้ายมาหลอมร่าง แค่วิญญาณมารประทับร่างด่านนี้ก็ทำให้ผู้ฝึกฝนสายปีศาจเก้าส่วนทนรับไม่ไหวจนวิญญาณแตกสลาย ร่างกายระเบิดตาย! ทว่าวิชานี้ต้องฝึกฝนตั้งแต่พลังต่ำกว่าระดับผลึก ตอนที่ยังไม่ผนึกแก่นแท้ถึงจะได้ นอกจากนี้ชั่วชีวิตของเขาจะรับวิญญาณมารได้เพียงดวงเดียว ผู้ฝึกฝนย่อมพยายามรับวิญญาณมารที่แข็งแกร่ง เท่าที่สืบทอดในนิกายปีศาจลี้ลับมาจนวันนี้ มีเพียงน้อยนิดไม่กี่คนที่ฝึกฝนวิชาลับวิชานี้สำเร็จ หลงเซวียนเด็กคนนี้นับว่าหายากจริงๆ” หัวหน้าตระกูลโอวหยางเอ่ยต่อ คำพูดนี้เอ่ยให้สตรีสองนางด้านข้างฟัง
โอวหยางเชี่ยนกับน้องสาวได้ยินย่อมสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
โอวหยางอิงที่อยู่กลางท้องฟ้ามองดูสถานการณ์บนเวทีสายตาเคร่งขรึมขึ้น ไม่ทราบคิดอะไรอยู่
“นี่เป็นสาเหตุที่เจ้าเชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้หรือ?” หลิ่วหมิงผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าเงาของยักษ์เพลิงเขียว ร่างกายแลดูเล็กกระจ้อยอย่างยิ่ง แต่สีหน้าเขายังคงนิ่งสงบเช่นเดิมไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไร
“วางใจเถิด ตอนนี้ข้าจะไม่สังหารเจ้าง่ายๆ แต่จะเหลือลมหายใจเฮือกหนึ่งไว้ให้เจ้า!” หลังหลงเซวียนหัวเราะลั่นอีกครั้ง เงาเทพชิงหยางหลังร่างก็ขยับ มือข้างหนึ่งที่ถือกระบี่ยักษ์เพลิงมรกตอยู่ขยับฟันลงมาใส่หลิ่วหมิงในทันใด!
กระบี่ยักษ์ที่ก่อตัวจากเพลิงมรกตดุดันพร่าเลือนไปวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นธารอัคคีสีเขียวเส้นหนาห้าสาย แล่นเข้าจู่โจมหลิ่วหมิงจากต่างทิศทางในเวลาเดียวกัน ปิดตายทางหนีหน้าหลังซ้ายขวาของหลิ่วหมิงในพริบตา
เปลวเพลิงร้อนผ่าววาดแหวกอากาศส่งเสียงดังครวญครางเป็นระลอกๆ
สายตาของหลิ่วหมิงทอประกาย พรูลมหายใจแรงเฮือกหนึ่ง จากนั้นแสงสีดำบนร่างเจิดจ้า แขนข้างหนึ่งยกขึ้น ฝ่ามือกดเข้าใส่อากาศเหนือศีรษะในทันใด
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นแผ่วเบา!
ฝ่ามือยักษ์สีดำขนาดถึงสิบกว่าจั้งข้างหนึ่งลอยออกมากลางอากาศ รอบนอกมังกรสีดำห้าตัวเวียนวน ด้านบนเส้นลายมือชัดเจน ตบเข้าใส่แสงกระบี่เพลิงมรกตห้าสายอย่างรุนแรง!
เปรี้ยง!
กระบี่ยักษ์กับฝ่ามือสีดำปะทะกัน อากาศรอบด้านสั่นสะเทือนเกิดเป็นวงคลื่นวงแล้ววงเล่าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังเวทโถมไปรอบด้านทำให้เวทีเสวียนหยวนทั้งหมดสั่นไหว เสียงดังสนั่นประหนึ่งว่าแผ่นดินสะเทือน
เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่น!
สุดท้ายแสงกระบี่เพลิงมรกตห้าสายก็ยังเหนือกว่าเล็กน้อยขั้นหนึ่ง แม้ถูกฝ่ามือโจมตีทลายไปสามสายพร้อมเสียงดังกึกก้อง ทว่ายังเหลือแสงกระบี่สองสายโจมตีมาถึงตำแหน่งที่หลิ่วหมิงอยู่ แต่หลิ่วหมิงหายไปไร้ร่องรอยนานแล้ว
เสียงเปรี๊ยะดังอลหม่านขึ้นกลางท้องฟ้า!
แสงสีดำสว่างขึ้นกลางท้องฟ้าไม่ไกล หลิ่วหมิงพาเงาสีดำร่างแล้วร่างเล่าเคลื่อนไหวต่อเนื่องพุ่งเข้าไปหาหลงเซวียนอย่างรวดเร็ว
“เหอะ!”
หลงเซวียนเห็นหลิ่วหมิงหลบพ้นการโจมตีของเทพชิงหยาง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย แต่จากนั้นสีหน้าไม่ใส่ใจก็ปรากฏขึ้นมาทันที เขายิ้มหยันแล้วเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่มือ ตบเงาฝ่ามือเงาหนึ่งออกมา
สองแขนของเทพชิงหยางหลังร่างเขาขยับ แขนข้างหนึ่งถือดาบใหญ่หัวผีเพลิงมรกตเล่มหนาเล่มหนึ่ง ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งพันโซ่เพลิงสีเขียวไว้
แขนสองข้างพร่าเลือนวูบหนึ่ง ดาบหัวผีก็ระเบิดแสงดาบสีเขียวมากมายออกมาทันที โซ่บนแขนอีกข้างหนึ่งก็พุ่งรวดเร็วออกมาล้อมหลิ่วหมิงไว้ตรงกลางจนลมฝนไม่อาจลอดผ่าน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ดวงตาพลันฉายแววดุดัน การเคลื่อนไหวรวดเร็วไม่เชื่องช้าสักนิด ทันใดนั้นแสงสีดำบนร่างก็ส่องสว่าง กลายเป็นเงาคนสีดำที่เหมือนกันทุกประการในทันใด หลังโฉบวูบหนึ่ง เงาคนสี่ร่างก็แยกย้ายกันไปในพริบตา มุ่งเร็วรี่ไปยังทิศทางที่ต่างกัน
หลงเซวียนตะลึง เขาจิตสัมผัสกวาดออกไป ชั่วขณะหนึ่งแยกไม่ออกว่าเงาสี่ร่างนี้คนไหนคือร่างจริงของหลิ่วหมิง แสงดาบกับโซ่ในมือเงาเทพชิงหยางหลังร่างลังเลไปชั่วครู่จึงเผยช่องโหว่เล็กน้อยออกมา
ผลปรากฏว่าชั่วครู่หลังจากนั้นเงาสี่ร่างไม่ไกลก็สลายไปสาม ร่างสุดท้ายกลับพุ่งพรวดทะลวงผ่านการปิดล้อมของแขนทั้งสองข้างไป ร่างจริงของหลิ่วหมิงนั่นเอง!
เขาฉวยโอกาสพริบตานั้นเมื่อครู่บีบเข้ามาใกล้เจ็ดแปดจั้ง ตอนนี้อยู่ห่างจากหลงเซวียนไม่ถึงสามสี่จั้งแล้ว
“รนหาที่ตาย!”
เวลานี้หลงเซวียนเพิ่งเผยความลนลานเล็กน้อยออกมา เขาอ้าปากพ่นเลือดบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาทันที ชั่วพริบตาหมอกโลหิตก็ซึมเข้าไปในเงาเทพชิงหยางด้านหลัง
ยักษ์เพลิงมรกตอ้าปากพ่นลูกไฟสีเขียวมหึมาดวงหนึ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงในทันใด พร้อมกันนั้นมือข้างนั้นที่ถือโซ่ก็ขยับ โซ่ในมือส่งเสียงดัง “เคร้ง” ทีหนึ่งแล้วจมหายไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกันนี้ใกล้ๆ ร่างกายของหลิ่วหมิงก็มีแสงสีเขียวสั่นไหว จากนั้นกลายเป็นโซ่เส้นหนาพุ่งออกมารัดร่างกายเขาไว้แน่นหนาในพริบตา
ต่อจากนั้นลูกไฟสีเขียวก็โถมเข้ามาใกล้หลิ่วหมิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา