“เจ้าก็คือหลิ่วหมิงสินะ ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้ ข้าโอวหยางชิงเฟิงเป็นผู้อาวุโสที่ดูแลตำหนักหลิงหลง เชี่ยนเอ๋อร์กับฉินเอ๋อร์สาวน้อยสองคนนั้นเคยเอ่ยเรื่องเจ้ากับข้าแล้ว” ผู้อาวุโสชุดน้ำเงินพยักหน้า เขาไม่ได้วางท่าน่าเกรงขามเหมือนผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ทั่วไป แต่เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่ค่อนข้างอ่อนโยน
หลิ่วหมิงฉุกใจคิดขึ้นได้ ก่อนหน้านี้พี่น้องโอวหยางเคยบอกว่าผู้อาวุโสที่พิทักษ์ตำหนักหลิงหลงเป็นท่านลุงของพวกนาง ดูท่าคงจะเป็นคนผู้นี้ตรงหน้า
“ไม่นานนี้ได้ยินสองสาวนั่นบอกว่าที่ปัดเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับนิกายปีศาจลี้ลับได้ล้วนอาศัยเจ้าลงแรงไปมาก” ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินลูบเคราเล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้นนิ่งๆ
“การกระทำของข้าเพียงแค่เรื่องประจวบเหมาะเท่านั้น ไม่กล้าเอ่ยอ้างความชอบ” หลิ่วหมิงใคร่ครวญคำพูดแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“ดีมาก อายุเท่านี้อย่างเจ้าแต่จิตใจหนักแน่นได้เช่นนี้ แกร่งกว่าคนอายุน้อยมากมายในตระกูลโอวหยางมากนัก มิน่าถึงเข้าสู่พลังระดับนี้ได้ตั้งแต่อายุเท่านี้” ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินเห็นสีหน้าถ่อมตัวของหลิ่วหมิง ในดวงตาก็ฉายแววชื่นชมจางๆ แล้วพยักหน้าเอ่ยชม
“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว” หลิ่วหมิงเอ่ยอย่างถ่อมตัว
“เอาล่ะ สนทนาเรื่อยเปื่อยพอเท่านี้เถิด หัวหน้าตระกูลกับผู้อาวุโสอิงสั่งมาแล้ว เจ้าตามข้ามาเถอะ” ผู้อาวุโสชุดน้ำเงินพูดคำนี้จบก็หมุนตัวเดินไปด้านในห้องโถงใหญ่
“ขอรับ” หลิ่วหมิงขานรับคำหนึ่งก็ตามเข้าไป
ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินผู้นี้เหมือนก้าวเท้าสบายๆ แต่ร่างกายประหนึ่งเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา พริบตาเดียวก็เดินออกไปสิบกว่าจั้ง ทำให้คนมองเห็นร่างกายเขาไม่ชัดสักนิด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ สายตาก็เคร่งขรึมขึ้นวูบหนึ่ง ปราณดำรอบร่างพุ่งออกมา ติดตามไปอย่างเร็วไวลากเงาเลือนรางสายแล้วสายเล่าออกมาเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนเดินตามกันไปอย่างเร็วไวลึกเข้าไปตามทางเดินด้วยกิริยาประหลาดเช่นนี้
ทางเดินเส้นนี้เอียงลงหน่อยๆ คล้ายกับว่ากำลังมุ่งไปใต้ดินของยอดเขาหิมะหยก
เป็นเช่นนี้อยู่ครึ่งก้านธูปเต็มๆ ทั้งสองคนก็มาถึงห้องศิลาที่ดูธรรมดามากห้องหนึ่ง
ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินขยับวูบเดียวไปถึงใจกลางห้องศิลาก็หยุด เขายกมือไพล่หลังหันหลังให้หลิ่วหมิง ในดวงตาของเขามีแววชื่นชมอยู่เล็กน้อย
หลิ่วหมิงที่ด้านหลังเก็บปราณดำไปแล้วมองสำรวจรอบด้านอย่างสงสัยใคร่รู้ไม่หยุด
ห้องศิลาห้องนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด กำแพงสามด้านล้วนเป็นกำแพงธรรมดา มีเพียงกำแพงด้านหนึ่งที่เป็นสีเทาดำ ดูแล้วเหมือนผนังถ้ำธรรมดา
ในเวลานี้เองผู้เฒ่าชุดน้ำเงินก็สะบัดมือยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งร่วงลงบนกำแพงสีเทาดำด้านนั้น
ทันใดนั้นบนกำแพงด้านนั้นก็มีแสงสีม่วงอ่อนส่องสว่างขึ้นชั้นหนึ่ง
ชั่วครู่หลังจากนั้นเสียงครืนดังสนั่นก็ดังออกมา
พื้นดินเบื้องหน้ากำแพงมีแท่นศิลาแท่นหนึ่งผุดออกมาช้าๆ ด้านบนมีช่องเว้ารูปวงแหวนช่องหนึ่ง
ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินล้วงผลึกสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อแล้ววางลงในช่องเว้ารูปวงแหวนนั่น
ได้ยินเสียง “แกรก” ดังขึ้นเบาๆ หนึ่งหน
กำแพงด้านนั้นฉับพลันเปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้าพร้อมกับเสียงวิ้งดังลั่น ผนังถ้ำแยกออกสองด้านเผยให้เห็นทางเข้าถ้ำรูปวงกลมสูงกว่าคนเล็กน้อยทางหนึ่ง
“ตามข้าเข้ามา!”
ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินเอ่ยทิ้งท้ายประโยคหนึ่งก็เดินนำเข้าไปก่อน หลิ่วหมิงลังเลเพียงชั่วครู่ก็ก้าวเท้าตามเข้าไป
ด้านในถ้ำไม่มีที่ใดผิดแปลก คล้ายกับว่าเป็นเพียงถ้ำธรรมดาแห่งหนึ่งเท่านั้น
แม้หลิ่วหมิงสงสัยใครรู้จนอยากจะปล่อยจิตสัมผัสออกไปสำรวจสักรอบ แต่การกระทำนี้เห็นชัดว่าเหิมเกริมเกินไป เขาจึงหักห้ามความคิดนี้ไว้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก
ถ้ำไม่ได้เป็นทางตรง หลังทั้งสองคนเลี้ยวด้านในสองครั้งก็มาถึงในโถงศิลากว้างขวางแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ด้านหน้าโถงศิลามีประตูศิลาที่ส่องแสงสีน้ำเงินเรืองๆ อยู่บานหนึ่ง
ด้านหน้าไม่มีทางไปต่อแล้ว เห็นชัดว่าที่นี่ก็คือจุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้
หลิ่วหมิงมองรอบด้านอย่างงุนงง บนใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
กำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์อันโด่งดังของตระกูลโอวหยางอยู่ในถ้ำธรรมดาที่ไม่สะดุดตาสักนิดแห่งนี้หรือ?
“เจ้ารู้สึกว่าที่แห่งนี้ธรรมดาเกินไป ไม่เหมือนกับที่เจ้าคิดไว้ใช่หรือไม่?” ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินคล้ายสังเกตเห็นสีหน้าของหลิ่วหมิงจึงยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้น
หลิ่วหมิงได้ยินก็ตกใจจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ผู้เยาว์รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างจริงๆ”
“ตำหนักหลิงหลงแห่งนี้คือสถานที่ซึ่งโอวหยางหลิงหลงหัวหน้าตระกูลรุ่นแรกของตระกูลโอวหยางเรากักตน ยามนั้นที่ท่านแม่เฒ่าจะทะลวงเข้าสู่ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ได้สั่งสอนคนรุ่นหลังในตระกูลไว้ว่า ‘การบรรลุเกิดแต่ความเรียบง่าย สรรพสิ่งล้วนกำเนิดที่ใจ’ ตำหนักหลิงหลงหลังนี้จึงเก็บรักษาโฉมหน้าอันเรียบง่ายธรรมดาเช่นนี้ในตอนนั้นไว้มาตลอดจนกระทั่งบัดนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา