ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 859

ตอนที่ 859 จิตมาร
ร่างกายของหลิ่วหมิงขยับเล็กน้อย ใบหน้าทำหน้าไม่ถูกคล้ายยังปรับตัวกับความเย็นสายนี้ไม่ได้อยู่บ้าง แต่เขาไม่ลืมตากลับอดทนไว้

เขารู้สึกได้ถึงพลังของแสงสีน้ำเงินอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดดุจเข็มทิ่มแทงบนร่างลดทอนลงไม่น้อยอย่างไม่รู้ตัว

สีหน้าของหลิ่วหมิงยินดีเล็กน้อย ดูท่ากำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์จะไม่เสียทีเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลโอวหยางจริงๆ เห็นชัดว่าไม่ได้มีผลชำระล้างจิตใจเท่านั้น

เขาใช้วิชาอีกครั้ง พลังจิตมหาศาลแผ่ไปยังเส้นลมปราณทั่วร่างควบคุมพลังเวทที่ถาโถมอยู่ไว้

หนึ่งเค่อ สองเค่อ เวลาผ่านไปทีละน้อย…

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ฉับพลันในหูหลิ่วหมิงก็ราวกับมีเสียงอสนีบาตนับไม่ถ้วนฟาดลงมา พลังเวทในเส้นลมปราณทั้งร่างรวมเข้าด้วยกันก่อตัวเป็นธารพลังเวทมหึมาสายหนึ่ง ท้ายที่สุดแล่นตรงเข้าไปในทะเลจิตวิญญาณ

หัวใจเขาพลันเต้นแรง แต่เวลานี้เองรอบผลึกพลังเวทหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดในทะเลจิตวิญญาณก็มีเงาสีดำจางๆ เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่นับไม่ถ้วนลอยออกมาขวางเบื้องหน้าพลังเวททั้งหมดไว้

เปรี้ยง!

พลังเวทที่ถาโถมมาถึงทยอยโจมตีลงบนเงาดำ ชั่วครู่หลังจากนั้นพวกมันก็แตกกระจายประหนึ่งฟองคลื่น

“ปรากฏออกมาแล้วจริง…‘กำแพงระดับ’ !” หลิ่วหมิงในใจเคร่งเครียด

กำแพงระดับที่ว่านี้ ความจริงหากเป็นคำเรียกทั่วไปก็คือคอขวดของระดับพลังที่อยู่เคียงคู่กับผู้ฝึกฝนทุกคนมาตลอดตั้งแต่ระดับศิษย์จิตวิญญาณซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานที่สุด ไม่มีผู้ใดได้รับการยกเว้น

ทว่าคอขวดระดับพลังที่ผู้ฝึกฝนระดับต่ำพบอ่อนแออย่างยิ่ง ระดับพลังยิ่งสูง เครื่องพันธนาการที่กั้นขวางระดับพลังเช่นนี้ยิ่งใหญ่โต

โดยทั่วไปเมื่อผู้ฝึกฝนทั้งหมดทะลวงระดับแก่นเสมือนหรือแก่นแท้ กำแพงระดับถึงจะปรากฏออกมาชัดเจนมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงวัตถุจริงเช่นนี้

ในเวลาเช่นนี้พรสวรรค์ในตัวแต่ละคนรวมถึงระดับความหนาแน่นและบริสุทธิ์ของพลังเวทที่สั่งสมมาจะเริ่มสำแดงผล!

กำแพงระดับของร่างจิตวิญญาณที่มีชีพจรจิตวิญญาณสวรรค์กับชีพจรจิตวิญญาณพสุธาย่อมทะลวงง่ายกว่าผู้ฝึกฝนทั่วไปมาก

หลิ่วหมิงถึงขนาดเคยเห็นในตำราที่นิกายยอดบริสุทธิ์บันทึกไว้ว่าในสมัยบรรพกาลมีตำนานจำนวนหนึ่งเล่าว่าร่างจิตวิญญาณที่ร้ายกาจบางชนิดถึงขนาดหลบเลี่ยงกำแพงระดับได้

หรือพูดอีกอย่างก็คือคนเหล่านี้ฝึกฝนไปจนถึงระดับแก่นแท้หรือกระทั่งระดับที่สูงกว่านั้นได้โดยไม่พบคอขวดสักนิด!

ความคิดเหล่านี้แล่นผ่านในสมองของหลิ่วหมิงไป ร่างของตัวเขาเองคือร่างสามชีพจรจิตวิญญาณ พูดถึงพรสวรรค์แล้วนับได้ว่าเป็นจำพวกที่ด้อยที่สุดในหมู่ผู้ฝึกฝนทั้งหมด

หลังความคิดแล่นเร็วรี่เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างไม่ลังเลสักนิด มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวักเบาๆ แสงสีเขียวสายหนึ่งบินออกมาจากในกล่องหยกข้างกายจมหายเข้าไปในปากของเขา

นั่นคือโอสถหยกพิสุทธิ์เม็ดนั้นที่อินจิ่วหลิงมอบให้!

โอสถเข้าปากปุบก็ละลายกลายเป็นความอบอุ่นสายหนึ่งไหลไปทั่วสี่แขนข้าร้อยกระดูกของหลิ่วหมิงในพริบตา ปราณดำรอบร่างเขาพลุ่งพล่านตามออกมา หลังจากหมุนรอบหนึ่งก็กลายเป็นหนวดสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าสะบัดบ้าคลั่งอยู่รอบตัวเขา

คลื่นพลังเวทที่ถูกขวางในเส้นลมปราณของเขารวมตัวกันอีกครั้งแล้วพุ่งปะทะกำแพงล่องหนในทะเลจิตวิญญาณระลอกแล้วระลอกเล่า

พลังเวทกับกำแพงระดับปะทะกันไม่หยุด ทำให้ความเจ็บปวดประหนึ่งเข็มทิ่มแทงในร่างหลิ่วหมิงเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง

แม้มีแสงสีน้ำเงินของกำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์ก็คล้ายไม่มีประโยชน์อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในสมองเขาเวลานี้เหมือนมีใครบางคนถือเข็มเรียวเล็กนับไม่ถ้วนทิ่มแทงเข้ามาด้านใน แม้หลิ่วหมิงเป็นคนอดทนก็อยากยื่นมือเข้าไปตะกุยสักครั้งสองครั้งยิ่งนัก

“ฟู่…”

ในเวลาเดียวกับที่หลิ่วหมิงควบคุมพลังเวทให้ทะลวงคอขวด เขาก็ลองปรับจังหวะลมหายใจ แต่ไม่ว่าเขาพยายามสงบจิตใจอย่างไร ความเจ็บปวดในสมองก็ไม่ลดทอนลงเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ถูกสิ ตอนนี้จิตมารคงเริ่มสำแดงเดชแล้ว!”

ในใจเขาฉุกคิดได้รวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ค้นพบความผิดปกติได้ในทันที

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่ในใจเขาเริ่มกระสับกระส่าย นี่ก็คือสัญญาณว่าจิตมารกำลังจะแผลงฤทธิ์!

หลิ่วหมิงใจสะท้าน ฉวยโอกาสกวักมืออย่างฉับไว โอสถชำระวิญญาณในกล่องหยกอีกใบหนึ่งฉับพลันกลายเป็นแสงสีเขียวเส้นหนึ่งจมเข้ามาในปากเขาอย่างรวดเร็ว

กระแสเย็นสบายสายหนึ่งไหลไปตามคอของเขา จากนั้นละลายเข้าไปในท้องน้อยแล้วแผ่ออกจนเต็มในทันที แล้วจึงค่อยๆ ลอยขึ้นไปยังสมองของเขา

เขารู้สึกว่าสติแจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย พลังจิตในทะเลจิตรับรู้เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอยู่บ้าง

“ไม่เสียทีเป็นโอสถล้ำค่าของตระกูลโอวหยาง ฤทธิ์ไม่ธรรมดาจริงๆ!” ในใจหลิ่วหมิงอุทานชมหนึ่งประโยค ความกระสับกระส่ายที่ผุดออกมาในใจเขาคล้ายจะลดทอนลงไปมากนัก

กระแสพลังเวทในทะเลจิตวิญญาณไหลหลากพุ่งชนโจมตีอีกหลายหน เงาดำของกำแพงระดับในที่สุดก็เริ่มพังทลายเกิดรอยร้าวเส้นหนึ่ง

“แครก!”

เสียงแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยินเสียงนี้สั่นสะเทือนทะเลจิตรับรู้ของหลิ่วหมิงราวกับอสนีบาตเก้าชั้นฟาดดังกึกก้อง กระแสพลังเวทถาโถมไหลบ่ากลบเงาดำไว้ด้านในจนมิด

จิตวิญญาณของเขาแทรกอยู่ในพลังเวทอย่างไม่รู้ตัวแล้วทะลวงผ่านเงาดำของกำแพงระดับไปทันที

ผลสุดท้ายครู่ต่อมา เบื้องหน้าก็พลันดำมืด

ทุกสิ่งรอบด้านมลายหายไปในพริบตา สิ่งที่เข้าสู่สายตามีเพียงความมืดอันเป็นอนันต์ เสียงสักนิดก็ไม่มี ความเงียบสนิททำให้คนจิตใจว้าวุ่นอย่างห้ามไม่ได้

“ภาพมายา ไม่ใช่ นี่คือพลังของจิตมาร!”

หลิ่วหมิงหัวใจเต้นดังตึกตัก!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา