“เจ้าหนู ข้าคือเตาปาหลงแห่งเกาะมฤตยู คืนวันนี้ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเอาเจ้าเป็นอาหารมื้อค่ำ ข้าไม่ได้ลิ้มรสเนื้อมานานนักแล้ว!” ใบหน้าอัปลักษณ์ดุร้ายยื่นเข้ามาตรงหน้าหลิ่วหมิง อวัยวะทั้งห้าบนหน้าบิดเบี้ยว ปากก็เหมือนกำลังกลืนน้ำลายที่ไหลออกมาอยู่
“อาเฉียน!”
ร่างกายของหลิ่วหมิงสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นจากดาบเต็มหน้าที่กำลังจะกินเขาผู้นี้ตรงหน้าก็คืออาเฉียนที่คอยดูแลเขาอย่างดีผู้นั้น แล้วเขายังเป็นความอบอุ่นเพียงน้อยนิดที่เขาได้สัมผัสในช่วงเวลาหลายปีบนเกาะมฤตยูด้วย
“อาเฉียนอะไร ข้าคือเตาปาหลง!” อาเฉียนมองหลิ่วหมิงอย่างเย็นชา เท้าออกแรงเหยียบลงมาหลายครั้ง
เสียงกึกดังขึ้น หลิ่วหมิงรู้สึกได้ว่ากระดูกซี่โครงของเขาหักไปซี่หนึ่ง
ความเจ็บปวดดั่งถูกทิ่มแทงหัวใจเกิดขึ้นทันที ทำให้เขาหวิดจะหมดสติไป
“ไม่ ไม่ใช่แบบนี้…” ร่างกายผอมแกร็นของหลิ่วหมิงดิ้นรนหมายจะดิ้นหลุดออกไปจากเท้าใหญ่ที่เหยียบหน้าอกของเขาอยู่
ความทรงจำน่าหวาดกลัวต่างๆ นานาบนเกาะมฤตยูฉายชัดขึ้นในสมองเขาอีกครั้ง ทว่าความอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวกลับกลายเป็นจิตสังหารอันเลือดเย็น
หลิ่วหมิงอยากจะกุมหัวร่ำไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งผู้ไร้กำลังและเดียวดาย
ในเวลานี้เองอาเฉียนก็หยิบมีดแหลมเล่มหนึ่งมาจากมือคนผู้หนึ่งด้านข้าง เขาถือมันไว้ในมือแกว่งจนเกิดประกายเป็นรูปบุปผา จากนั้นประกายเย็นเยียบก็พุ่งวูบ มีดแหลมแทงเข้าที่หน้าอกของหลิ่วหมิงดุจสายฟ้าแลบ
“อ้าก!”
ร่างกายของหลิ่วหมิงฉับพลันมีพละกำลังสายหนึ่งผุดขึ้นมา ร่างกายเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เขาจับเท้าใหญ่ที่เหยียบอยู่บนอกของเขาแล้วออกแรงผลัก
อาเฉียนล้มลงไป ส่วนมีดแหลมในมือก็ร่วงไปด้านข้างดัง “เคร้ง”
หลิ่วหมิงคำรามเสียงดังแล้วแย่งมีดแหลมเล่มหนึ่งมา เขากัดฟันกรอด กระดูกทั้งร่างพากันส่งเสียงดัง จากนั้นขยับมีดแทงเข้าไปในร่างอาเฉียนอย่างแรง ปลายมีดทะลุผ่านหัวใจ
อาเฉียนกรีดร้องออกมาจากนั้นกลายเป็นควันดำสายหนึ่ง ภาพเกาะมฤตยูรอบด้านก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฟ้าดินพลิกตลบรอบหนึ่ง หลิ่วหมิงหอบหายใจหนักหน่วง ดวงตาทอประกายแล้วก็พบว่าเขากลับมาถึงห้องศิลาที่ตำหนักหลิงหลงของตระกูลโอวหยางอีกครั้งแล้ว รอบด้านยังคงเป็นโลกของแสงสีน้ำเงิน แต่ท่ามกลางแสงสีน้ำเงินมียันต์สีน้ำเงินมากมายกำลังบินร่อนกลางอากาศเข้าๆ ออกๆ ร่างกายเขาไม่หยุด
พลังงานเย็นสบายสายแล้วสายเล่าส่งเข้ามาในร่างเขาไม่หยุด
อาการหอบของหลิ่วหมิงค่อยๆ สงบลง ประกายแสงที่โชนฉายออกมาจากดวงตายิ่งสว่างขึ้นทุกที ชั่วครู่ให้หลังเขาจึงแหงนหน้าหัวเราะลั่นออกมากะทันหัน
ตอนนี้ภาพมายาของจิตมารระหว่างการทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน ในที่สุดก็ถูกเขาทำลายจนหมดสิ้นแล้ว!
เวลานี้กำแพงระดับสีดำในทะเลจิตวิญญาณก็หายไปไร้ร่องรอยแล้วเช่นกัน พลังเวทไหลบ่าทะลักเข้ามาใจกลางทะเลจิตวิญญาณไม่ขาดประหนึ่งน้ำผุด วังวนพลังเวทสีดำสนิทปรากฏขึ้นกลางทะเลจิตวิญญาณ
ผลึกพลังเวทหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดที่ลอยอยู่ในทะเลจิตวิญญาณแผ่คลื่นพลังเวทรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่าออกมา
ผลึกสีเงินเก้าลูก ผลึกสีม่วงหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ลูกทยอยเปล่งแสงรัศมีเจิดจ้าออกมา!
ในเวลาเดียวกันนี้ผลึกพลังเวททั้งหมดก็ถูกพลังล่องหนสายหนึ่งดึงรั้งให้ค่อยๆ รวมตัวตรงกลางช้าๆ!
สองตาของหลิ่วหมิงปิดสนิท สองมือทำท่ามืออันลึกลับท่าแล้วท่าเล่าไม่หยุด
เวลาผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย ผลึกพลังเวทหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดในทะเลจิตวิญญาณในที่สุดก็รวมตัวเข้าด้วยกัน ก่อกำเนิดเป็นรูปทรงกลมที่ส่องแสงสีม่วงแวววาวทั้งลูกลูกหนึ่งอยู่เลือนราง
ตรงกลางลูกกลมนี้มีลักษณะกลวงเปล่า ที่เรียกว่าระดับแก่นเสมือนก็เพราะเป็นการรวมผลึกพลังเวททั้งหมดในร่างกลายเป็นก้อนเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการเข้าสู่ระดับแก่นแท้ ยิ่งผลึกมาก ลูกกลมที่ก่อตัวขึ้นมาก็ยิ่งแข็งแกร่ง ท้ายที่สุดเมื่อทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นแท้ โอกาสสำเร็จก็ยิ่งมากด้วย
ใจกลางลูกกลมมีประกายสายฟ้าสีทองอยู่ดวงหนึ่ง นั่นคือสายฟ้าสวรรค์ที่หลิ่วหมิงผนึกไว้ในทะเลจิตวิญญาณตอนที่อยู่ในหนานฮวงเมื่อหลายปีก่อน
ประกายสายฟ้าที่ปะทุออกมาจากสายฟ้าสีทองโจมตีบนผลึกพลังเวทแผ่วเบา ทำให้ผลึกพลังเวทสีม่วงค่อยๆ ถูกแสงสีทองเจิดจ้าสายแล้วสายเล่าย้อม
ปราณดำที่ห้อมล้อมอยู่บนร่างเขาทะลักออกมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย พวกมันล้อมร่างกายของเขาจนกลายเป็นลูกบอลหมอกสีดำลูกหนึ่ง ล้อมร่างกายเขาไว้ด้านในอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไป ลูกบอลหมอกสีดำนอกร่างหลิ่วหมิงก็ค่อยๆ ปั่นป่วน ปริมาณไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่สีสันกลับเข้มข้นประหนึ่งหมึก อยู่ท่ามกลางแสงสีน้ำเงินแสบตาเต็มห้องแลดูสะดุดตายิ่งนัก
ในเวลาเดียวกันนี้ในห้องแห่งหนึ่งชั้นบนสุดของตำหนักหลิงหลง บุรุษชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งกับบุรุษชุดสีม่วงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ โต๊ะไม้จันทน์ตัวหนึ่งเบื้องหน้าทั้งคู่วางกระจกทองแดงสีเหลืองมัวบานหนึ่งไว้
กระจกทองแดงรูปร่างดุจจันทร์เต็มดวง ด้านข้างเป็นโลหะสำริดแกะสลัก ด้านบนสลักมังกร ด้านล่างสลักพยัคฆ์ กระจกตรงกลางกลับไม่ใช่กระจกทองแดงธรรมดา ด้านในฉายภาพลูกบอลหมอกสีดำสนิทลูกหนึ่ง เป็นภาพหลิ่วหมิงที่อยู่ในห้องศิลานั่นเอง
หนึ่งในสองคนนั้นสวมชุดสีม่วงตัวใหญ่ ท่าทางสง่างามประหนึ่งหยก เขาก็คือโอวหยางเจี้ยนชิวหัวหน้าตระกูลโอวหยาง
ส่วนอีกคนที่สวมชุดสีน้ำเงิน เส้นผมหนวดเคราสีขาวโพลนก็คือผู้อาวุโสโอวหยางชิงเฟิงผู้พิทักษ์ตำหนักหลิงหลง
“นี่เพิ่งผ่านไปสองวันหนึ่งคืน เด็กคนนี้ก็ผ่านด่านเคราะห์จิตมารแล้ว เด็กคนนี้พรสวรรค์ไม่เลวจริงๆ” ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินมองภาพในกระจกทองแดงแล้วจิ๊ปากชื่นชมในความยอดเยี่ยม
“เด็กคนนี้คว้าที่หนึ่งในงานประตูสวรรค์มาได้ พรสวรรค์ย่อมไม่ด้อย แต่ชั้นเชิงวิชาของเขาร้ายกาจจริงๆ หลงเซวียนผู้นั้นแห่งนิกายปีศาจลี้ลับฝึกฝนวิชาวิญญาณมารชิงหยางสำเร็จ ผลสุดท้ายประมือกับเขาครั้งหนึ่งสู้ได้ไม่กี่กระบวนก็พ่ายแพ้แล้ว” หัวหน้าตระกูลโอวหยางดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยขณะที่ปากเอื้อนเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา