หลิ่วหมิงสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของทะเลจิตวิญญาณในร่าง ในใจรู้สึกโชคดียิ่งนักที่เข้าสู่ระดับแก่นเสมือนได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
หลังทะลวงเข้าสู่ระดับแก่นเสมือนก็เท่ากับเหยียบเข้าสู่ระดับแก่นแท้ไปขาหนึ่ง บรรลุสัญญาที่ให้ไว้กับหลัวโหวก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนการเข้าสู่ระดับแก่นแท้ แม้ยากเย็นยิ่งกว่าแต่หลัวโหวสัญญาว่าถึงเวลาจะช่วยเขาอีกแรง นี่จึงทำให้เขามีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง
คิดถึงตรงนี้ หลิ่วหมิงก็อารมณ์ดียิ่งนัก
“ยินดีกับศิษย์หลานหลิ่วที่เข้าสู่ระดับแก่นเสมือนได้ หลังจากนี้ก็นับวันรอผนึกแก่นแท้ได้แล้ว” เสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่โอวหยางชิงเฟิงปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา
“คารวะผู้อาวุโสชิงเฟิง ครั้งนี้ผู้เยาว์โชคดีทะลวงระดับสำเร็จได้ล้วนด้วยอิทธิฤทธิ์มหัศจรรย์ของกำแพงหลิงหลงงามพิสุทธิ์ช่วยเหลือ มิเช่นนั้นแม้ทะลวงคอขวดสิบหน ข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะเลื่อนระดับได้สำเร็จ” หลิ่วหมิงรีบร้อนคำนับพลางเอ่ยตอบ
“ศิษย์หลานหลิ่วยังถ่อมตัวเช่นเดิม อายุเท่าเจ้าทำตัวสบายๆ บ้างสิถึงจะสมควร” โอวหยางชิงเฟิงหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
หลิ่วหมิงฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ไม่เอ่ยต่อ
ต่อจากนั้นหลิ่วหมิงก็เดินตามหลังโอวหยางชิงเฟิงผ่านถ้ำอีกครั้งกลับไปในห้องโถงใหญ่ของตำหนักหลิงหลง
เวลานี้หัวหน้าตระกูลโอวหยางผู้สวมชุดสีม่วงตัวใหญ่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อไร เมื่อเห็นหลิ่วหมิงกับผู้อาวุโสเดินเข้ามาในห้องโถง เขาก็ยิ้มน้อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า
“ฮ่าๆ ยินดีด้วยศิษย์หลานหลิ่ว”
“หัวหน้าตระกูลชมเกินไปแล้ว” หลิ่วหมิงในใจตกตะลึง พร้อมกันนั้นก็สงสัยอยู่บ้าง เขาคิดว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติให้หัวหน้าตระกูลโอวหยางผู้ยิ่งใหญ่มาแสดงความยินดีกับตนเองโดยเฉพาะนะ
“จะว่าไปแล้ว ศิษย์หลานหลิ่วเหตุใดไม่ทำให้ระดับพลังเสถียรมากขึ้นในห้องศิลาแห่งนั้นเล่า ที่แห่งนั้นเดิมทีเป็นสถานที่ฝึกฝนของบรรพบุรุษตระกูลเรา พลังปราณฟ้าดินเข้มข้นกว่าด้านนอกหลายเท่า” หัวหน้าตระกูลส่งสัญญาณให้หลิ่วหมิงนั่งลง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“พลังของผู้เยาว์เสถียรแล้ว หลังจากนี้เพียงต้องใช้เวลาฝึกฝนบ้างเท่านั้นจึงไม่กล้าใช้สถานที่ล้ำค่าของตระกูลโอวหยางต่ออีก” หลิ่วหมิงไม่เข้าใจเจตนาของหัวหน้าตระกูลโอวหยางอยู่บ้าง จึงเอ่ยตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ทันที
หลังเข้าสู่ระดับแก่นเสมือน แม้พลังเวทกับระดับพลังจะก้าวหน้าขึ้นมาก แต่การเลื่อนระดับครั้งนี้ พลังเวทในร่างเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปมากนัก ดังนั้นเวลาที่ใช้ทำให้พลังเสถียรที่จริงไม่จำเป็นต้องมากมาย
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุย สาวน้อยชุดน้ำเงินผู้นั้นที่หลิ่วหมิงเคยพบก่อนหน้านี้ก็ยกชาจิตวิญญาณสามถ้วยมา ระหว่างที่ยกชามาสาวน้อยมองสำรวจหลิ่วหมิงไม่หยุด ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสงสัยใคร่รู้
“ศิษย์หลานหลิ่วไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ เชิญ!” หัวหน้าตระกูลโอวหยางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่มคำหนึ่ง
หลิ่วหมิงย่อมไม่กล้าชักช้า รีบยกถ้วยขึ้นจิบเล็กน้อย
หัวหน้าตระกูลโอวหยางสนทนาเรื่อยเปื่อยกับหลิ่วหมิงเช่นนี้พร้อมกับที่สายตากวาดบนร่างหลิ่วหมิงเป็นระยะ ในดวงตาคล้ายแฝงรอยยิ้มมีเลศนัยน้อยๆ ทำให้หลิ่วหมิงอดไม่ได้งงงวยกว่าเดิม
ผู้เฒ่าชุดน้ำเงินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยแทรกขึ้นเป็นระยะก็มีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่บนหน้าเช่นกัน
“…จำได้ว่าเคยได้ยินเชี่ยนเอ๋อร์บอกว่า ตอนที่พบกับศิษย์หลานหลิ่วครั้งแรกคือในตลาดแห่งหนึ่งบนยอดเขาต้นกล้าเขียวใช่ไหม?” หัวหน้าตระกูลเอ่ยไปๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามขึ้นมา
“ถูกต้องแล้ว ตอนอยู่ที่นั่นบังเอิญวังมายานภาหยกเปิดออก จึงได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้านในกับสหายโอวหยางเชี่ยน” หลิ่วหมิงเอ่ยตอบตามจริง
“งานประตูสวรรค์สิบกว่าปีก่อน ได้ยินเชี่ยนเอ๋อร์กับฉินเอ๋อร์เล่าว่าสุดท้ายต้องขอบคุณศิษย์หลานหลิ่วถึงเอาชีวิตรอดมาจากมือผู้ฝึกฝนต่างเผ่าหลายตนนั้นได้ พวกนางสองคนรู้สึกขอบคุณศิษย์หลานหลิ่วมาตลอด” หัวหน้าตระกูลโอวหยางยิ้มลึกลับเอ่ยขึ้นมา
หลิ่วหมิงได้ยินก็อึ้งไป ไม่ทันตอบอันใด ในใจก็มีลางสังหรณ์ว่าเรื่องยุ่งยากกำลังจะตกใส่หัวอยู่เลือนราง
“ไม่ทราบศิษย์หลานหลิ่วคิดอย่างไรกับเชี่ยนเอ๋อร์และฉินเอ๋อร์สาวน้อยสองคนนี้?” หัวหน้าตระกูลโอวหยางเอ่ยถามขึ้นยิ้มๆ
“เซียนทั้งสองอายุยังน้อยก็พลังระดับผลึกแล้ว พรสวรรค์ไม่ธรรมดา วันหน้าจะต้องสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้แน่…ไม่ทราบหัวหน้าตระกูลเหตุใดจึงถามเรื่องนี้?” หลิ่วหมิงสายตาวูบไหวเล็กน้อย ตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง
“ฮ่ะๆ เทียบกับศิษย์หลานหลิ่ว สาวน้อยสองคนนั้นด้อยกว่าอยู่ไกล แต่ในหมู่ศิษย์รุ่นเดียวกันพวกนางสองคนไม่ว่ารูปโฉมหรือพลังล้วนนับว่าเป็นตัวเลือกชั้นดี…จะว่าไปแล้ว ศิษย์หลานหลิ่วน่าจะยังไม่มีคู่รักไว้ฝึกฝนคู่อย่างเป็นทางการสินะ ไม่ทราบว่าคิดจะตบแต่งหนึ่งในพวกนางสองคนเป็นคู่รักฝึกฝน ร่วมกันฝึกฝนมุ่งสู่ทางบรรลุหรือไม่?” หัวหน้าตระกูลโอวหยางอ้อมเป็นโยชน์ ในที่สุดก็เผยเจตนาของเขาออกมา
“ฝึก…ฝึกฝนคู่หรือ?”
หลิ่วหมิงได้ยินก็ตกตะลึง สมองค้างอยู่บ้างไปชั่วขณะ อ้าปากหวอเกือบจะพูดติดอ่าง
“ไม่ผิด ศิษย์หลานหลิ่วเป็นศิษย์ระดับสูงของนิกายยอดบริสุทธิ์ เชี่ยนเอ๋อร์กับน้องสาวพวกนางทั้งสองคนเป็นศิษย์สายตรงของตระกูลโอวหยางเรา เรียกได้ว่าฐานะเหมาะสม เรื่องนี้ไม่ว่ากับเจ้า กับตระกูลโอวหยางหรือนิกายยอดบริสุทธิ์ล้วนเป็นเรื่องดี ไม่ทราบศิษย์หลานหลิ่วคิดอย่างไร?” บุรุษผู้สง่างามยิ้มตาหยีเอ่ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา