ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 864

ตอนที่ 864 พิสูจน์สายเลือด
“ท่านพ่อ” ชายหนุ่มชุดเหลืองสำรวมสีหน้าจากนั้นหมุนตัวมาคำนับผู้เฒ่าอย่างนอบน้อม แล้วก้มศีรษะถอยไปอยู่ด้านข้าง

“ทั้งสองท่าน เมื่อครู่บุตรชายข้าเอ่ยวาจาล่วงเกินไป ได้โปรดอย่าได้ถือโทษ” หลังจากผู้เฒ่าชุดเหลืองตวาดให้ชายหนุ่มถอยไปก็เอ่ยกับพวกหลิ่วหมิงอย่างเกรงใจอย่างยิ่ง แต่ในดวงตากลับฉายแววระแวดระวังเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น

“ท่านคงจะเป็นสหายโอวหยางขุยกระมัง? พวกเราสองคนต่างหากเป็นฝ่ายล่วงเกินที่บุ่มบ่ามมาเยือน” หลิ่วหมิงกวาดสายตาบนร่างผู้เฒ่าชุดเหลืองแล้วแววตาวูบไหวเล็กน้อย ผู้เฒ่าคนนี้ก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนเช่นเดียวกัน แต่ดูจากสภาพไม้ใกล้ฝั่งของเขา เห็นชัดว่าชีวิตนี้คงไร้ความหวังจะผนึกแก่นแท้แล้ว

“ข้าคือโอวหยางขุย ในเมื่อสหายทั้งสองตั้งใจมาเยี่ยมเยือน ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเข้ามานั่งในคฤหาสน์เถิด” ผู้เฒ่าชุดเหลืองเห็นหลิ่วหมิงพูดจาเกรงใจเช่นนี้ ความระแวดระวังในแววตาก็ลดน้อยลงไปบ้าง เขาเบี่ยงกายทำท่าเชิญ จากนั้นบานประตูแสงสีน้ำเงินก็กะพริบวูบหนึ่งแล้วขยายใหญ่ขึ้น

“ในเมื่อสหายว่าเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราสองคนก็ไม่เกรงใจแล้ว” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้า แล้วกระตุ้นเคล็ดวิชาเหาะเข้าไปทันที

ซาฉู่เอ๋อร์ย่อมขยับตัวตามไปเช่นเดียวกัน

หลังเข้าไปในแสงสีน้ำเงิน พวกหลิ่วหมิงก็รู้สึกว่าเบื้องหน้าฉับพลันสว่างจ้า

หลังม่านแสงยังมีหุบเขาอันใดที่ไหน สิ่งที่ปรากฏแทนที่เบื้องหน้าทั้งสองคนกลับเป็นป่าทึบเขียวชอุ่มผืนหนึ่ง

จวนที่สร้างจากไม้สีม่วงขนาดไม่ใหญ่นักหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางป่าทึบสีเขียวไม่ไกล

เหล่าสกุณากับหมู่แมลงร้องเสียงใสดังมาจากรอบด้านเป็นระยะ จวนทั้งหลังขนาบด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มสองด้านทำให้รู้สึกเงียบสงบผ่อนคลาย เป็นสถานที่เร้นกายที่ดีแห่งหนึ่งจริงๆ

ใบหน้าหลิ่วหมิงคล้ายไม่ใส่ใจ แต่จิตสัมผัสขนาดมโหฬารแผ่ออกไปตั้งแต่แรกแล้ว พริบตาเดียวก็ครอบป่าทึบทั้งหมดไว้ด้านใน

จิตสัมผัสกวาดค้นหาหลายรอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

นอกจากผู้เฒ่าชุดสีเหลืองกับชายหนุ่มชุดเหลือง ในจวนยังมีคนอีกหลายคน แต่พลังล้วนต่ำอย่างยิ่ง แค่ระดับศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น

นอกเหนือจากนี้ที่แห่งนี้ก็ไม่มีร่องรอยว่าวางค่ายกลชั้นจำกัดอันร้ายกาจอันใดไว้ นี่ทำให้เขาวางใจไปเปลาะหนึ่ง

ตอนนี้เองสายลมจากเบื้องหลังก็พากลิ่นหอมสายหนึ่งพัดเข้ามาในจมูก ซาฉู่เอ๋อร์นั่นเองที่ขยับเข้ามาใกล้

“เชิญทั้งสองคนดื่มชาจิตวิญญาณที่โถงรับแขก” ผู้เฒ่าที่อยู่ด้านข้างเอ่ยกับทั้งสองคน จากนั้นเขากับชายหนุ่มชุดเหลืองก็พาทั้งสองคนเดินเข้าไปในจวน หลังเข้าไปในจวนก็เดินตรงเข้าไปในห้องโถงใหญ่ตรงหน้า

ตอนนี้ชายหนุ่มชุดเหลืองกลับไม่ได้ตามเข้ามา เขาเพียงยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ในห้องโถงใหญ่ไม่มีข้ารับใช้คอยรับใช้ หลังจากผู้เฒ่าเชิญทั้งสองคนนั่งลงก็ไปชงชาจิตวิญญาณสองถ้วยที่ด้านหลังห้องโถงด้วยตนเองแล้วยกมาให้พวกหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยขอบคุณแล้วรับถ้วยชามาวางไว้ข้างตัว

“สหายทั้งสองมาหาผู้เฒ่าในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้คิดว่าคงมีเหตุผลที่มา ไม่ทราบเป็นเรื่องอันใด? พวกเจ้าสองคนอายุน้อยเช่นนี้ก็มีพลังระดับผลึกแล้ว คงเป็นศิษย์แกนนำของตระกูลสินะ ข้าเร้นกายอยู่ที่นี่ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ในตระกูลยังมีเรื่องใดที่ข้าช่วยได้อีกหรือ?” ผู้เฒ่าชุดเหลืองนั่งลงแล้วก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้ชีวิตชีวา

“สหายโอวหยางคงจะเข้าใจผิดแล้ว ผู้น้อยหลิ่วหมิงเป็นศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ ผู้นี้คือแม่นางซาฉู่เอ๋อร์มาจากหนานฮวง” หลิ่วหมิงได้ยินก็นิ่งไปชั่วครู่จากนั้นหัวเราะขึ้นเบาๆ

“ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ หนานฮวง…พวกเจ้าสองคนไม่ใช่ศิษย์ตระกูลโอวหยางหรือ? ที่แห่งนี้ของข้าน่าจะมีเพียงคนของตระกูลโอวหยางที่รู้ ไม่ทราบพวกเจ้าสองคนรู้จักที่แห่งนี้ได้อย่างไร?” ผู้เฒ่าชุดเหลืองได้ฟังคำพูดของหลิ่วหมิงก็ตกตะลึง

“แม้ผู้แซ่หลิ่วหาใช่ศิษย์ตระกูลโอวหยาง แต่แม่นางซาผู้นี้มีความเกี่ยวพันกับตระกูลโอวหยางอยู่บ้าง พวกเราสองคนใช้เวลาไปประมาณหนึ่งทีเดียวถึงตามหาที่อยู่ของสหายพบ” หลิ่วหมิงหัวเราะเบาๆ แล้วประสานมือชี้แจง

“อ้อ? พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ใช่คนของตระกูลโอวหยางก็ยิ่งดี” ผู้เฒ่าชุดเหลืองฟังแล้วก็เป่าลมหายใจเบาๆ ทั้งร่างเหมือนจะผ่อนคลายลงทันที

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่นอกประตูได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกหลิ่วหมิงกับผู้เฒ่าชุดเหลืองแล้ว สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน จากนั้นเขาก็หมุนตัวจากไปอย่างเงียบเชียบ

“ในเมื่อไม่ใช่คนของตระกูลโอวหยาง ถ้าเช่นนั้นสหายทั้งสองมาตามหาคนแก่ที่เร้นกายเช่นข้าคนนี้เพราะเหตุใด?” ผู้เฒ่าชุดเหลืองเอ่ยถามอีกครั้งอย่างค่อนข้างสนใจ

“สหายโอวหยาง ท่านคงรู้จักโอวหยางหมิงชื่อนี้กระมัง? จากข้อมูลที่พวกเราสองคนสืบมาได้ ก่อนหน้านี้สหายสนิทกับคนผู้นี้อย่างยิ่ง?” ในที่สุดหลิ่วหมิงก็บอกจุดประสงค์ที่มา

“โอวหยางหมิง พวกเจ้าสองคนมาที่นี่เพื่อสอบถามเรื่องนี้หรือ?” ผู้เฒ่าชุดเหลืองได้ยินปุบมือก็ชะงัก สีหน้าเขียวคล้ำในทันใด ครู่หนึ่งให้หลังถึงถามขึ้นอย่างเย็นชา

“ไม่ผิด” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะบอกพวกเจ้า เชิญพวกเจ้าสองคนไปจากที่นี่เสียตอนนี้” ผู้เฒ่าชุดเหลืองลุกพรวดทันที ใบหน้าเรียบเฉยไม่หลงเหลืออารมณ์ใดๆ

“ดูท่าสหายจะหลบเลี่ยงชื่อนี้อย่างยิ่ง แต่สหายอย่าเพิ่งรีบร้อน ฟังแม่นางซาผู้นี้อธิบายเสร็จค่อยเอ่ยส่งแขกก็ไม่สาย” หลิ่วหมิงกลับยิ้มน้อยๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา