ชั่วครู่ให้หลังโอวหยางขุยก็เอ่ยต่อด้วยสีหน้าหวนคะนึง
“นับดูแล้วโอวหยางหมิงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่งบิดาของข้า สายเลือดสายนี้ของพวกเราเดิมทีคิดว่าเขาจะนำพาสายเลือดของพวกเราให้มีพื้นที่ยืนในตระกูลโอวหยาง ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะกลายเป็นนำหายนะครั้งใหญ่มาให้”
ซาฉู่เอ๋อร์หยุดหายใจ รู้ว่าต่อจากนี้ผู้เฒ่าชุดเหลืองกำลังจะเล่าจุดสำคัญที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
“จากที่ข้ารู้ หนึ่งร้อยกว่าปีก่อนนับจากวันนี้ ยามนั้นโอวหยางหมิงซึ่งพลังเป็นอันดับสามในหมู่ศิษย์แกนนำในหอหลินอิงของตระกูลได้รับคำสั่งจากหัวหน้าตระกูลจึงบุกเข้าไปในหนานฮวงด้วยตัวคนเดียวเพื่อตรวจสอบเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง” ดวงตาผู้เฒ่าชุดเหลืองทอประกายวูบไหวคล้ายกับว่ากำลังนึกย้อนไปยังอดีตวันวาน
“เขาไปสืบเรื่องอันใดในหนานฮวง ข้าก็ไม่รู้ชัด แต่นับจากนั้นเขาก็เงียบหายไร้ข่าวคราว จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน จู่ๆ เขาก็กลับมา นอกจากนี้พลังยังก้าวกระโดดบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบของระดับแก่นแท้ ยามนั้นข้าในฐานะคนตระกูลสายเดียวกับเขายังดีใจยิ่งนัก ตอนนั้นคนในตระกูลมากมายก็ล้วนคิดเช่นนี้ ด้วยพรสวรรค์น่าตะลึงที่โอวหยางหมิงแสดงออกมา เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะก้าวเข้าสู่ระดับดาราพยากรณ์ได้ หากเลื่อนระดับสำเร็จ แม้ไม่มีหวังเป็นหัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไปก็มีหวังกลายเป็นผู้อาวุโสใหญ่คนหนึ่งของตระกูล”
“ยามนั้นหัวหน้าตระกูลทุ่มเททรัพยากรอย่างไม่เสียดายเพื่อให้เขาเลื่อนระดับได้อย่างราบรื่น ให้เขาเข้าไปฝึกฝนในแดนลึกลับสยบมารของตระกูล ที่นั่นเป็นแดนลึกลับพิเศษแห่งหนึ่งที่บรรพบุรุษตระกูลเราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ฝึกฝนจิตใจและพลังของศิษย์ในตระกูล” ผู้เฒ่าชุดเหลืองถอนหายใจแล้วเล่าช้าๆ
หลิ่วหมิงได้ยินถึงตรงนี้ก็ฉุกคิดขึ้นมา จากที่โอวหยางขุยเล่า แดนลึกลับสยบมารแห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งคล้ายกับทางปีศาจร้ายของนิกายยอดบริสุทธิ์
“แต่สิ่งที่ทำให้คนทั้งหมดคิดไม่ถึงก็คือโอวหยางหมิงไม่ได้เข้าไปด้านในเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ระดับดาราพยากรณ์ ปีที่ห้าหลังจากเขาเข้าไป ไม่รู้เขาใช้วิธีการใดลอบทำลายผนึกสามแห่งของตราประทับเจ็ดดาราสยบมารซึ่งเป็นรากฐานของแดนลึกลับ ทั้งยังดูดซับไอปีศาจแท้จำนวนมากที่เดิมทีสะกดไว้ตราผนึกไป แล้วเริ่มฝึกฝนวิชาของเผ่ามารวิชาหนึ่งซึ่งเป็นวิชาต้องห้ามมาเนิ่นนานบนแผ่นดินจงเทียน ชื่อว่าวิชามารพรหมแปดทิศ” ผู้เฒ่าชุดเหลืองเล่าถึงตรงนี้ สีหน้าก็ค่อยๆ ย่ำแย่
“วิชามารพรหมแปดทิศหรือ? เหตุใดบิดาต้องฝึกวิชาของเผ่ามารชนิดนี้…” ซาฉู่เอ๋อร์ได้ยินก็เบิกสองตาโต หลุดปากออกมา
“เฮ้อ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาทำเช่นนี้เพราะอะไร แต่เรื่องเช่นนี้ย่อมปิดบังตระกูลไม่ได้ หัวหน้าตระกูลโกรธจัด รีบส่งคนเดินทางเข้าไปในแดนลึกลับเพื่อจับตัวโอวหยางหมิง ทว่าวิชามารพรหมแปดทิศเป็นวิชาที่แท้จริงของเผ่ามาร แม้ร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่มีเพียงเผ่ามารที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะควบคุมได้อย่างแท้จริง ถึงโอวหยางหมิงจะพรสวรรค์ล้ำเลิศแต่ก็ไม่อาจต้านทานไอปีศาจที่เข้าแทรกร่างกายได้ ท้ายที่สุดจึงสูญเสียสติสัมปชัญญะกลายเป็นมนุษย์ปีศาจ แต่คิดไม่ถึงว่าหลังโอวหยางหมิงกลายเป็นมนุษย์ปีศาจ พลังจะเพิ่มขึ้นมาก เขาสังหารคนในตระกูลที่เดินทางไปจับกุมเขาไปมากมาย กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่ระดับดาราพยากรณ์ที่นำขบวนไปก็สู้ไม่ได้ บาดเจ็บจากมือเขา” ผู้เฒ่ายิ้มขมขื่น
“กลายร่างเป็นปีศาจ!”
หลิ่วหมิงฟังถึงตรงนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
โอวหยางหมิงเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่ง ต่อให้ฝึกฝนวิชาที่ชื่อวิชามารพรหมแปดทิศนั่นจนพลังเพิ่มขึ้น แต่ทำร้ายผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณณ์จนบาดเจ็บได้ในครั้งเดียวก็เห็นได้ว่าเขากลายร่างเป็นปีศาจไปแล้ว
“สุดท้ายผู้อาวุโสสูงสุดระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ที่กักตนไม่ปรากฏตัวมาหลายปีในตระกูลก็ต้องออกโรง เขาเลิกกักตนเข้าไปในแดนลึกลับเตรียมจะจับโอวหยางหมิงด้วยตนเอง ทว่าเวลานี้เองไม่รู้เหตุใดโอวหยางหมิงผู้นั้นกลับหายตัวไป เล่ากันว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้นั้นพลิกทั้งแดนลึกลับสยบมารค้นหาแต่ก็หาเขาไม่พบ นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีผู้ใดทราบที่อยู่ของเขาอีก” ผู้เฒ่าชุดเหลืองเล่าถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจอีกครั้ง
หลิ่วหมิงฟังถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วมองซาฉู่เอ๋อร์
แม้เขาจะไม่รู้สาเหตุที่โอวหยางหมิงฝึกฝนวิชามารขึ้นมากะทันหัน แต่ในเมื่อเกิดขึ้นหลังเขากลับมาจากทะเลทรายกุ่ยโม่ ถ้าเช่นนั้นกว่าครึ่งก็น่าจะหนีไม่พ้นเกี่ยวข้องกับขุยตี้แห่งหนานฮวง
“พูดเช่นนี้แสดงว่าผู้อาวุโสก็ไม่ทราบที่อยู่ของบิดาเช่นกัน” ดวงเนตรสุกใสทั้งคู่ของซาฉู่เอ๋อร์หม่นแสงลง สีหน้าก็ย่ำแย่ยิ่งนัก
“ข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหัวหน้าตระกูลโอวหยางจึงไม่ยินดีพบหน้าแม่นางซา” หลิ่วหมิงผ่อนลมหายใจเบาๆ เอ่ยขึ้นมา
“แน่นอน ตระกูลโอวหยางมีศิษย์ในตระกูลฝึกฝนวิชาของเผ่ามาร นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่จะถูกทั้งแผ่นดินจงเทียนตำหนิ หัวหน้าตระกูลยามนั้นย่อมสั่งให้ปิดเรื่องนี้ไว้แล้วผนึกข้อมูลทุกสิ่งเกี่ยวกับโอวหยางหมิงไปด้วย ส่วนพวกเราคนสายเลือดเดียวกันเหล่านี้ก็ถูกผลกระทบจากเรื่องนี้ไปด้วย คนมากมายถูกเนรเทศไปยังสถานที่ห่างไกล มีเพียงข้าที่สมัยนั้นสร้างความดีความชอบให้แก่ตระกูลอยู่บ้างถึงโชคดีหนีพ้น ได้เร้นกายจากโลกมาอยู่ที่นี่ จะว่าไปแล้วโอวหยางหมิงก็เรียกได้ว่ามีทั้งบุญคุณและความแค้นกับข้า แต่มาถึงตอนนี้ข้าไม่คิดจะสืบสาวเอาความแล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นบุตรสาวของเขา เดิมก็ควรแซ่โอวหยาง สมควรเป็นโอวหยางฉู่เอ๋อร์ถึงจะถูก ข้าจะได้เรียกเจ้าว่าหลานฉู่เอ๋อร์สักคำ” ผู้เฒ่าชุดเหลืองถอนหายใจแผ่วเบาพลางมองซาฉู่เอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า เขาเปลี่ยนประเด็นกะทันหัน เมื่อพูดคำว่าหลานขึ้นมา สายตาก็อ่อนโยนลงตามไปด้วย
“เจ้าค่ะ ผู้อา…ท่านลุง” ซาฉู่เอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่งก็เรียกอย่างอึกอัก
ผู้เฒ่าชุดเหลืองฟังแล้ว ใบหน้าชราก็เผยรอยยิ้มจางๆ คล้ายกับคำว่าท่านลุงนี้มีประโยชน์ยิ่งนัก
“หลานฉู่เอ๋อร์ ที่ผ่านมาตระกูลโอวหยางไล่ล่าตามหาที่อยู่ของบิดาเจ้ามาตลอด ครั้งนี้เจ้าเป็นฝ่ายมาหาเองถึงประตู ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดอันใด ลุงขอเตือนเจ้าว่าอย่ารั้งอยู่ที่แห่งนี้นาน รีบกลับหนานฮวงไปเถิด”
ซาฉู่เอ๋อร์ได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แม่นางซา สิ่งที่ผู้อาวุโสโอวหยางพูดไม่ได้ไร้เหตุผล ในเมื่อบิดาเจ้าหายตัวไปจริงๆ พวกเราก็ขอตัวลาเถิด รอหลังจากนี้มีโอกาสค่อยไปสืบข่าวคราวที่อื่น” หลิ่วหมิงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับแววตาที่วูบไหวเล็กน้อย
“ท่านลุง ขอบคุณท่านยิ่งนักที่บอกเรื่องราวเกี่ยวกับบิดาให้ข้าฟังมากมายเช่นนี้ วันหน้าหากมีโอกาสหลานจะมาเยี่ยมเยียนคารวะขอบคุณอีกครั้ง!” ซาฉู่เอ๋อร์พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนด้วย นางคำนับผู้เฒ่าชุดเหลืองจริงจังขณะเอ่ยบอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา