หลายวันนี้หลิ่วหมิงอารมณ์ไม่สงบอยู่บ้าง!
กระบี่ว่างเปล่าในวันนี้ต่อสู้กับกระบี่มานับไม่ถ้วนแล้ว แม้จะฝึกปรือเช่นนี้จนพลังก้าวหน้าขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังอยู่ห่างจากลูกกลอนกระบี่ในตำนานอยู่มาก
หากจะต่อสู้กับกระบี่บินทั้งหมดของเขากระบี่หักทีละเล่มๆ จนครบรอบจริงๆ เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายปี อย่างมากก็อาจต้องใช้สิบกว่าปีหรือยี่สิบปี
กระบี่บินที่เหลือเหล่านี้จะเล่มไหนก็ล้วนพลังท่วมฟ้า หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กระบี่ว่างเปล่าถูกกระบี่บินเหล่านี้ทำร้ายเสียหายหนักเข้าจริงๆ จนพลังจิตวิญญาณไม่อาจฟื้นคืนได้ เช่นนั้นย่อมกลายเป็นเรือล่มปากอ่าว
ขณะที่หลิ่วหมิงครุ่นคิดสารพัดสิ่งอยู่ในใจนั่นเอง กระบี่ว่างเปล่ากลางท้องฟ้าก็กลายเป็นรุ้งสีทอง พร้อมกับมีเสียงเม็ดทรายละเอียดกระทบกันดัง “ซ่าๆ” ทรายละเอียดสีเงินส่งเสียงดังออกมาจากบนนั้นแล้ววนรอบรุ้งกระบี่สีดำไว้ด้านในประหนึ่งอสรพิษสีเงินตัวยาว
รุ้งยาวสีดำถูกม่านทรายสีเงินหุ้มก็สั่นไหวไม่หยุดแล้วส่งเสียงครวญครางทุ้มต่ำออกมา แสงสีดำหม่นแสงลงไปเล็กน้อยอีกครั้ง
“ไป!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาพลันเปล่งประกาย มือข้างหนึ่งจิ้มเบาๆ กระบี่ว่างเปล่าก็เพิ่มความเร็ว มันส่งเสียงดัง “ฟึบ” ทิ้งไว้เพียงรอยลากแวววาวเส้นหนึ่งพาดผ่านท้องนภาครึ่งหนึ่ง
“ปัง” เสียงดังสนั่นประหนึ่งจะฉีกท้องนภาสะบั้นพสุธา!
กระบี่บินสีดำพุ่งออกมาจากม่านทรายสีเงิน มันส่งเสียงครวญครางครั้งหนึ่งแล้วพุ่งเร็วรี่ลงเบื้องล่าง เสียบลงในร่องที่มันพุ่งออกมาก่อนหน้านี้เหมือนเดิม ปราณสีดำบนตัวกระบี่ม้วนขึ้นหุ้มกระบี่เล่มนี้ไว้อีกครั้งเกิดเป็นรูปจันทร์เสี้ยวสีดำขมุกขมัว
หลิ่วหมิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แม้กระบี่เล่มนี้ถูกกระบี่ว่างเปล่าโจมตีเต็มแรงครั้งหนึ่งแต่มันไม่ได้รับความเสียหายสักนิด เหมือนกับว่ามันเริ่มบำรุงตนเองเพราะปราณกระบี่ไม่เพียงพอเท่านั้น ลี้ลับอย่างแท้จริง
เขายังไม่ทันได้ครุ่นคิด กระบี่ว่างเปล่าเหนือศีรษะก็พลันส่งเสียงครวญครางออกมาครั้งหนึ่งแล้วเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ทรายธารดาราที่กลายเป็นอสรพิษสีเงินม้วนตัวกลับมาเองจากนั้นปล่อยแสงสีทองวงแล้ววงเล่าออกมา
ชั่วครู่ให้หลังกระบี่บินทั้งเล่มก็กลายเป็นก้อนแสงสีทองใหญ่หนึ่งจั้งกว่าลูกหนึ่ง ลอยอยู่กลางท้องฟ้าสูงประหนึ่งดวงตะวันเจิดจ้าดวงหนึ่งแล้วหมุนวนเชื่องช้าไม่หยุด
“หรือว่า…”
หลิ่วหมิงหลับตาสองข้างลง นึกย้อนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ประหลาดยามหลอมลูกกลอนกระบี่ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ ทันใดนั้นในใจก็ยินดีอย่างที่สุด
เขาคิดก็ไม่คิดอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งไปทางก้อนแสงสีทองในทันที ต่อจากนั้นสิบนิ้วก็ขยับเร็วไวอย่างยิ่ง ยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าไปทางท้องฟ้า
โอสถประลองกระบี่เม็ดนั้นที่ลอยนิ่งอยู่ใกล้ๆ พร่าเลือนวูบหนึ่งแล้วจมลงไปในก้อนแสงสีทองหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันใด
ครู่ต่อมาท้องนภาทั้งผืนก็ปั่นป่วน สายลมคลั่งพัดโหม ท้องนภาเหนือศีรษะเห็นชัดว่ากลายเป็นสีดำสนิทไปหมด ซากกระบี่นับพันนับหมื่นตั้งแต่ด้านบนจรดด้านล่างเขากระบี่หักส่งเสียงครวญครางแผ่วเบาออกมาอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากนั้นเสียงแหวกอากาศดัง “ฟึบ” ก็ดังสนั่นตามมาติดๆ!
ปราณกระบี่หลากสีสันทยอยพุ่งออกจากซากกระบี่และซากดาบบนเขา พุ่งตัดสลับกันบนท้องนภาจนแทบจะล้อมเขากระบี่หักทั้งลูกไว้ พวกมันแทรกเข้าไปในดวงตะวันเจิดจ้าสีทองที่เกิดมาจากกระบี่ว่างเปล่าไม่หยุดทำให้มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้นเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปเต็ม ดวงตะวันเจิดจ้าสีทองก็ขยายจนใหญ่สิบจั้ง จิตกระบี่น่าตะลึงสายแล้วสายเล่าเริ่มแผ่ออกมาจากด้านใน
บนหน้าหลิ่วหมิงเต็มไปด้วยสีหน้ายินดีอย่างยิ่งยวด
เห็นชัดว่าวันนี้กระบี่ว่างเปล่าเข้าสู่กระบวนการผนึกลูกกลอนแล้ว มันเข้าสู่ขั้นตอนการกลายเป็นลูกกลอนกระบี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดวงตะวันสีทองกลางท้องฟ้าดูดซับปราณกระบี่มากกว่าเดิมเข้าไปด้านในตามที่เคล็ดวิชาของหลิ่วหมิงกระตุ้น หลังทุกสิ่งดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งเค่อเต็มๆ เมื่อปราณกระบี่ที่พุ่งออกมาจากเขากระบี่เหลือน้อยนิดไม่เท่าไรในที่สุดเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้น!
หมอกเมฆห้าสีก้อนแล้วก้อนเล่าลอยออกมาใกล้ดวงตะวันเจิดจ้าสีทอง หลังจากถาโถมก่อตัวขึ้นอย่างเร็วไวก็กลายเป็นกลุ่มก้อนเมฆใหญ่ขนาดหลายหมู่ก้อนหนึ่งบดบังดวงตะวันสีทองไว้จนหมด ด้านในมองเห็นยันต์แวววาวตัวแล้วตัวเล่ากะพริบวูบวาบไม่หยุดอยู่เลือนราง ในเวลาเดียวกันนั้นบนกำแพงปราณรอบมิติก็มียันต์สีขาวน้ำนมตัวแล้วตัวเล่าลอยออกมาเช่นกัน
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียงหวีดหวิวดังลั่น ด้านในก้อนเมฆสีทองสาดปราณกระบี่สีทองมากมายออกมา สิ่งที่สายตามองเห็นคือรอยแผลยาวสีทองประหนึ่งจะตัดท้องนภาทั้งผืนให้เป็นชิ้นๆ
ในเวลาเดียวกัน ไม่ไกลจากยอดเขากระบี่สวรรค์ซึ่งปกคลุมด้วยหมอกหนาขาวโพลนทั้งปี กลางอากาศที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ฉับพลันก็แหวกออกเป็นรอยแยกสีดำยาวหนึ่งจั้งกว่าเส้นหนึ่ง พร้อมกันนั้นปราณกระบี่สีทองมากมายก็พุ่งออกมาจากด้านใน พวกมันฉายแสงแถบใหญ่ไปยังอากาศเบื้องหน้าแล้วหายวับไป!
“เรียนผู้ควบคุมยอดเขา มิติที่เขากระบี่หักอยู่มีเค้าลางของความไม่มั่นคง คล้ายกับมีปราณกระบี่มากมายจะรั่วออกมาด้านนอก ศิษย์ไม่ทราบว่าด้านในสถานการณ์เป็นอย่างไร”
ในห้องโถงด้านข้างบนยอดเขากระบี่สวรรค์ ศิษย์ชุดน้ำเงินหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งเดินก้าวไวๆ เข้ามาจากด้านนอกแล้วประสานมือเอ่ยรายงานกับคนในห้องโถงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา