ปราณหยินสีเทาดำลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเหนือสิ่งก่อสร้าง ตัดขาดทุกสิ่งที่นี่ออกจากโลกภายนอก
ในเขตแดนพลังเวทมองเห็นคนสวมชุดสีดำหลายคนบินเร็วรี่ไปมาเป็นระยะ ค่อนข้างครึกครื้นทีเดียว
ในห้องลับบนยอดหอสูงสีดำสิบกว่าชั้นหลังหนึ่ง ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบผู้สวมชุดผ้าไหมสีม่วงคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิหลังตรงอยู่
คนผู้นี้ใบหน้าผอมซูบเหมือนผี สองตาลึกโหลเว้าเข้าไป ดูผอมแห้งประหนึ่งโครงกระดูก
ผู้เฒ่าหน้าซูบตอบกำลังนั่งสมาธิฝึกฝน มือสองข้างแต่ละข้างกำผลึกสีดำก้อนหนึ่งไว้ ปราณสีเทาอ่อนลอยออกมาจากในผลึกเข้าไปในปากผู้เฒ่าเป็นระยะ
ทันใดนั้นในห้องลับพลันเกิดคลื่นขึ้นกลางอากาศ เงาคนร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่ายืนห่างไปเบื้องหน้าผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบเพียงสองก้าว
“ท่านคือผู้เฒ่าอีกาแห่งพรรคอีกาเหมันต์ใช่หรือไม่?” บนเงาคนมีปราณสีดำอ่อนชั้นหนึ่งล้อมอยู่ จึงมองเห็นหน้าตาไม่ชัด แต่ฟังเสียงแล้วคงเป็นชายหนุ่ม
ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบตกตะลึงและพรั่นพรึง เขากำลังจะขยับตัว เสียงชิ้งก็ดังขึ้น ปลายของบางสิ่งที่แหลมคมและเย็นเยียบจรดลงบนหน้าผากของเขา ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยส่งผ่านมา
ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบฉับพลันตัวแข็งทื่อ เขาไม่สงสัยสักนิดว่าหากตนขยับอีกเพียงนิด ศีรษะคงจะถูกแทงทะลุทันที
ห้องลับแห่งนี้ของเขาปิดกั้นไว้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้หอสูงทั้งหลังยังวางค่ายกลชั้นจำกัดไว้นับไม่ถ้วนตั้งแต่ชั้นล่างจรดชั้นบน ทว่าคนผู้นี้ตรงหน้ากลับลอบเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ นี่เห็นชัดว่ามีปัญหาแล้ว
‘หรือจะเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้?’
ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบไม่กล้าปล่อยจิตสัมผัสออกไปสัมผัสพลังของเงาคนสีดำ ในใจครุ่นคิดเร็วรี่แล้วคาดเดากับตนเอง ส่วนปากได้แต่เอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ถูกต้องแล้ว ผู้เยาว์คืออูเซิน ขอเรียนถามผู้อาวุโสมีสิ่งใดต้องการสั่ง?”
“ข้าจะถามเจ้าว่าห้าปีก่อนหน้านี้ที่เทือกเขาถงหยางบนแผ่นดินตงหนาน เจ้าเคยพบกับผู้ฝึกฝนวัยกลางคนชุดขาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลดาบคนหนึ่งใช่หรือไม่?” เงาคนสีดำเอ่ยขึ้นเรียบๆ แม้น้ำเสียงนิ่งสงบแต่ก็แฝงความดุร้ายเอาไว้เลือนราง
ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบหัวใจเย็นเยือก เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะค้นความทรงจำที่จมอยู่ในสมอง ในที่สุดก็นึกย้อนไปถึงการเดินทางครั้งนั้นเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาได้จึงรีบเอ่ยว่า
“ผู้อาวุโสเอ่ยไม่ผิด เวลานั้นผู้เยาว์เพิ่งเข้าสู่ระดับผลึกขั้นปลาย เคยเดินทางไปยังเทือกเขาถงหยางเข้าร่วมกลุ่มล่าอสูรเพื่อหากระสายยาตัวหนึ่ง ในกลุ่มล่าอสูรมีคนลักษณะเช่นนี้อยู่จริง”
“ดีมาก เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับคนผู้นี้บ้าง?” เงาคนสีดำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“คนผู้นั้นแซ่ฟั่น เป็นผู้ฝึกฝนอิสระระดับแก่นแท้ แล้วก็เป็นหนึ่งในหัวหน้าของกลุ่มล่าอสูรกลุ่มนั้น ไม่ว่าวิชาหรืออาวุธจิตวิญญาณล้วนร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่เขามีนิสัยชอบอยู่ลำพัง สนทนากับผู้อื่นน้อยนัก ผู้เยาว์อยู่ในกลุ่มล่าอสูรกลุ่มนั้นเพียงครึ่งปี ต่อมาเพราะตามหากระสายยาที่ต้องการพบแล้วจึงอ้างเหตุผลออกจากกลุ่มล่าอสูรมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เทือกเขาถงหยางนาน จึงรู้เกี่ยวกับเขาเพียงเท่านี้”
ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบไม่ทราบว่าเงาคนสีดำที่แท้ต้องการรู้สิ่งใด แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ได้แต่ร่วมมือกับอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงเล่าหมดเปลือก พยายามนึกย้อนไปถึงความทรงจำที่ธรรมดาอย่างยิ่งสำหรับเขาเมื่อตอนนั้น
“นอกเหนือจากนี้ยังมีอะไรอีกไหม? นึกให้ดี รายละเอียดใดก็อย่าได้ปล่อยผ่าน” เงาคนสีดำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้ตั้งคำถาม
“จริงสิ ผู้อาวุโส ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว…คนผู้นั้นน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคนหนึ่ง นอกจากนี้วิชาปรุงโอสถค่อนข้างสูงส่งทีเดียว” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบคล้ายกับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน จึงเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“ว่าต่อไป” ปราณดำรอบร่างเงาคนสีดำพลุ่งพล่านเล็กน้อยชั่วครู่
“ในการล่าอสูรครั้งนั้นกลุ่มล่าอสูรกำลังไล่ล่าสังหารวานรพิษเนตรทองตัวหนึ่ง พวกเราไล่ตามไปจนถึงทางเข้าหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกพิษ ผู้ฝึกฝนแซ่ฟั่นผู้นั้นรวบรวมสมุนไพรจิตวิญญาณหลายชนิดจากในกลุ่มล่าอสูร จากนั้นปรุงโอสถสลายพิษหลายเม็ดออกมาให้พวกเราพกไว้กับตัว ใช้ป้องกันไอพิษในหุบเขา” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบเอ่ยเช่นนี้
“อ้อ? โอสถสลายพิษเม็ดนั้นยังอยู่กับตัวเจ้าไหม?” เงาคนสีดำฟังดูตื่นเต้นอยู่บ้าง
“ไม่อยู่ขอรับ หลังจากสังหารวานรพิษเนตรทอง คนผู้นั้นก็ขอโอสถสลายพิษกลับคืนไป” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบรีบเอ่ยบอก
เงาคนสีดำเงียบไปพักหนึ่ง ชั่วครู่ให้หลังจึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“มอบรายชื่อสมาชิกในกลุ่มล่าอสูรกลุ่มนั้นให้ข้า แล้วก็จุดที่พวกเจ้าเคยต่อสู้บนเทือกเขาถงหยาง จงทำเครื่องหมายบนแผนที่ให้ละเอียด”
“ขอรับ ผู้อาวุโส” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบได้ยินก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นในใจก็รู้สึกยินดี รีบตอบรับแล้วหยิบแผนที่สีเหลืองซีดแผ่นหนึ่งออกมา หลังจากครุ่นคิดอย่างละเอียดจึงทำเครื่องหมายลงบนสถานที่หลายแห่งบนนั้น
จากนั้นเขาก็หยิบแท่งหยกสีขาวว่างเปล่าแผ่นหนึ่งออกมาแนบลงบนหน้าผาก ตั้งท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่งแล้วปล่อยพลังจิต คัดลอกแผนที่ลงไปในนั้นอย่างละเอียดและเชื่อฟังเป็นที่สุด
หนึ่งเค่อให้หลังเงาคนสีดำก็บินออกจากหอสูงของสำนักอีกาเหมันต์อย่างเงียบเชียบ ลอยละล่องไปยังหน้าผาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
ปราณดำบนเงาคนค่อยๆ สลายออกเผยให้เห็นร่างของหลิ่วหมิง เพียงแต่ในเวลานี้เขาคิ้วขมวดแน่น สีหน้าค่อนข้างผิดหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา