ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 880

สรุปบท ตอนที่ 880 จั่วกงเฉวียน: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 880 จั่วกงเฉวียน จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 880 จั่วกงเฉวียน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 880 จั่วกงเฉวียน
หนึ่งเดือนให้หลัง บนเทือกเขาแห่งหนึ่งที่ทอดยาวซ่อนอยู่ในหมอกสีเทาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินจงเทียนมีสิ่งก่อสร้างที่ถูกปกคลุมด้วยปราณหยินมืดทึมพื้นที่ประมาณหลายสิบหมู่อยู่ ภายในนั้นมีทั้งหอสูง ตึกและตำหนัก พลังเวทอ่อนจางรูปวงรีชั้นหนึ่งครอบสิ่งก่อสร้างทั้งหมดไว้ด้านใน

ปราณหยินสีเทาดำลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเหนือสิ่งก่อสร้าง ตัดขาดทุกสิ่งที่นี่ออกจากโลกภายนอก

ในเขตแดนพลังเวทมองเห็นคนสวมชุดสีดำหลายคนบินเร็วรี่ไปมาเป็นระยะ ค่อนข้างครึกครื้นทีเดียว

ในห้องลับบนยอดหอสูงสีดำสิบกว่าชั้นหลังหนึ่ง ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบผู้สวมชุดผ้าไหมสีม่วงคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิหลังตรงอยู่

คนผู้นี้ใบหน้าผอมซูบเหมือนผี สองตาลึกโหลเว้าเข้าไป ดูผอมแห้งประหนึ่งโครงกระดูก

ผู้เฒ่าหน้าซูบตอบกำลังนั่งสมาธิฝึกฝน มือสองข้างแต่ละข้างกำผลึกสีดำก้อนหนึ่งไว้ ปราณสีเทาอ่อนลอยออกมาจากในผลึกเข้าไปในปากผู้เฒ่าเป็นระยะ

ทันใดนั้นในห้องลับพลันเกิดคลื่นขึ้นกลางอากาศ เงาคนร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากความว่างเปล่ายืนห่างไปเบื้องหน้าผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบเพียงสองก้าว

“ท่านคือผู้เฒ่าอีกาแห่งพรรคอีกาเหมันต์ใช่หรือไม่?” บนเงาคนมีปราณสีดำอ่อนชั้นหนึ่งล้อมอยู่ จึงมองเห็นหน้าตาไม่ชัด แต่ฟังเสียงแล้วคงเป็นชายหนุ่ม

ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบตกตะลึงและพรั่นพรึง เขากำลังจะขยับตัว เสียงชิ้งก็ดังขึ้น ปลายของบางสิ่งที่แหลมคมและเย็นเยียบจรดลงบนหน้าผากของเขา ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยส่งผ่านมา

ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบฉับพลันตัวแข็งทื่อ เขาไม่สงสัยสักนิดว่าหากตนขยับอีกเพียงนิด ศีรษะคงจะถูกแทงทะลุทันที

ห้องลับแห่งนี้ของเขาปิดกั้นไว้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้หอสูงทั้งหลังยังวางค่ายกลชั้นจำกัดไว้นับไม่ถ้วนตั้งแต่ชั้นล่างจรดชั้นบน ทว่าคนผู้นี้ตรงหน้ากลับลอบเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ นี่เห็นชัดว่ามีปัญหาแล้ว

‘หรือจะเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้?’

ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบไม่กล้าปล่อยจิตสัมผัสออกไปสัมผัสพลังของเงาคนสีดำ ในใจครุ่นคิดเร็วรี่แล้วคาดเดากับตนเอง ส่วนปากได้แต่เอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา

“ถูกต้องแล้ว ผู้เยาว์คืออูเซิน ขอเรียนถามผู้อาวุโสมีสิ่งใดต้องการสั่ง?”

“ข้าจะถามเจ้าว่าห้าปีก่อนหน้านี้ที่เทือกเขาถงหยางบนแผ่นดินตงหนาน เจ้าเคยพบกับผู้ฝึกฝนวัยกลางคนชุดขาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลดาบคนหนึ่งใช่หรือไม่?” เงาคนสีดำเอ่ยขึ้นเรียบๆ แม้น้ำเสียงนิ่งสงบแต่ก็แฝงความดุร้ายเอาไว้เลือนราง

ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบหัวใจเย็นเยือก เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะค้นความทรงจำที่จมอยู่ในสมอง ในที่สุดก็นึกย้อนไปถึงการเดินทางครั้งนั้นเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาได้จึงรีบเอ่ยว่า

“ผู้อาวุโสเอ่ยไม่ผิด เวลานั้นผู้เยาว์เพิ่งเข้าสู่ระดับผลึกขั้นปลาย เคยเดินทางไปยังเทือกเขาถงหยางเข้าร่วมกลุ่มล่าอสูรเพื่อหากระสายยาตัวหนึ่ง ในกลุ่มล่าอสูรมีคนลักษณะเช่นนี้อยู่จริง”

“ดีมาก เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับคนผู้นี้บ้าง?” เงาคนสีดำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

“คนผู้นั้นแซ่ฟั่น เป็นผู้ฝึกฝนอิสระระดับแก่นแท้ แล้วก็เป็นหนึ่งในหัวหน้าของกลุ่มล่าอสูรกลุ่มนั้น ไม่ว่าวิชาหรืออาวุธจิตวิญญาณล้วนร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่เขามีนิสัยชอบอยู่ลำพัง สนทนากับผู้อื่นน้อยนัก ผู้เยาว์อยู่ในกลุ่มล่าอสูรกลุ่มนั้นเพียงครึ่งปี ต่อมาเพราะตามหากระสายยาที่ต้องการพบแล้วจึงอ้างเหตุผลออกจากกลุ่มล่าอสูรมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เทือกเขาถงหยางนาน จึงรู้เกี่ยวกับเขาเพียงเท่านี้”

ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบไม่ทราบว่าเงาคนสีดำที่แท้ต้องการรู้สิ่งใด แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ได้แต่ร่วมมือกับอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงเล่าหมดเปลือก พยายามนึกย้อนไปถึงความทรงจำที่ธรรมดาอย่างยิ่งสำหรับเขาเมื่อตอนนั้น

“นอกเหนือจากนี้ยังมีอะไรอีกไหม? นึกให้ดี รายละเอียดใดก็อย่าได้ปล่อยผ่าน” เงาคนสีดำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้ตั้งคำถาม

“จริงสิ ผู้อาวุโส ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว…คนผู้นั้นน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคนหนึ่ง นอกจากนี้วิชาปรุงโอสถค่อนข้างสูงส่งทีเดียว” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบคล้ายกับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน จึงเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“ว่าต่อไป” ปราณดำรอบร่างเงาคนสีดำพลุ่งพล่านเล็กน้อยชั่วครู่

“ในการล่าอสูรครั้งนั้นกลุ่มล่าอสูรกำลังไล่ล่าสังหารวานรพิษเนตรทองตัวหนึ่ง พวกเราไล่ตามไปจนถึงทางเข้าหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกพิษ ผู้ฝึกฝนแซ่ฟั่นผู้นั้นรวบรวมสมุนไพรจิตวิญญาณหลายชนิดจากในกลุ่มล่าอสูร จากนั้นปรุงโอสถสลายพิษหลายเม็ดออกมาให้พวกเราพกไว้กับตัว ใช้ป้องกันไอพิษในหุบเขา” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบเอ่ยเช่นนี้

“อ้อ? โอสถสลายพิษเม็ดนั้นยังอยู่กับตัวเจ้าไหม?” เงาคนสีดำฟังดูตื่นเต้นอยู่บ้าง

“ไม่อยู่ขอรับ หลังจากสังหารวานรพิษเนตรทอง คนผู้นั้นก็ขอโอสถสลายพิษกลับคืนไป” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบรีบเอ่ยบอก

เงาคนสีดำเงียบไปพักหนึ่ง ชั่วครู่ให้หลังจึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“มอบรายชื่อสมาชิกในกลุ่มล่าอสูรกลุ่มนั้นให้ข้า แล้วก็จุดที่พวกเจ้าเคยต่อสู้บนเทือกเขาถงหยาง จงทำเครื่องหมายบนแผนที่ให้ละเอียด”

“ขอรับ ผู้อาวุโส” ผู้เฒ่าใบหน้าซูบตอบได้ยินก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นในใจก็รู้สึกยินดี รีบตอบรับแล้วหยิบแผนที่สีเหลืองซีดแผ่นหนึ่งออกมา หลังจากครุ่นคิดอย่างละเอียดจึงทำเครื่องหมายลงบนสถานที่หลายแห่งบนนั้น

จากนั้นเขาก็หยิบแท่งหยกสีขาวว่างเปล่าแผ่นหนึ่งออกมาแนบลงบนหน้าผาก ตั้งท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่งแล้วปล่อยพลังจิต คัดลอกแผนที่ลงไปในนั้นอย่างละเอียดและเชื่อฟังเป็นที่สุด

หนึ่งเค่อให้หลังเงาคนสีดำก็บินออกจากหอสูงของสำนักอีกาเหมันต์อย่างเงียบเชียบ ลอยละล่องไปยังหน้าผาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

ปราณดำบนเงาคนค่อยๆ สลายออกเผยให้เห็นร่างของหลิ่วหมิง เพียงแต่ในเวลานี้เขาคิ้วขมวดแน่น สีหน้าค่อนข้างผิดหวัง

เทือกเขาแห่งนี้พลังปราณแห่งฟ้าดินเข้มข้น ด้านในมีปีศาจอสูรปรากฏตัวมากมาย หญ้าจิตวิญญาณก็ไม่น้อย ปกติมีผู้ฝึกฝนไม่น้อยเข้ามาล่าที่นี่ ในหมู่คนเหล่านั้นมีระดับผลึกอยู่ไม่น้อย กระทั่งผู้ฝึกฝนระดับสูงอย่างระดับแก่นแท้ก็มี นอกเหนือจากนี้ก็มีสำนักนิกายขนาดเล็กจำนวนหนึ่งตั้งรกรากอยู่ที่นี่

บนที่ราบกลางหุบเขาแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเทือกเขา สิ่งก่อสร้างสูงต่ำร้อยกว่าหลังเรียงรายอยู่ที่นี่ เกิดเป็นตลาดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่ง

เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ผู้คนในตลาดทอดยาวเป็นสายส่งเสียงเอะอะวุ่นวาย แลดูครึกครื้นอย่างยิ่ง

จุดที่สะดุดตาตรงลานกว้างใจกลางตลาดมีหอไม้โอ่อ่าสูงสามชั้นหลังหนึ่ง บนประตูแขวนป้ายขนาดใหญ่สีดำขลับแผ่นหนึ่งไว้ บนนั้นเขียนตัวอักษรบรรจงสีทองตัวใหญ่ไว้สามตัวว่า ‘หอรวมสมบัติ’ เมื่ออยู่ใต้แสงตะวันส่องเป็นประกายระยิบระยับ สะดุดสายตาผู้คนยิ่งนัก

พื้นที่ในหอค่อนข้างกว้างขวาง โต๊ะกั้นเรียงรายเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ด้านบนวางวัตถุดิบต่างๆ เช่นโอสถ ยันต์ หญ้าจิตวิญญาณและชิ้นส่วนของปีศาจอสูรที่แบ่งแยกไว้เป็นประเภท มีคนเข้าๆ ออกๆ ร้านนี้เป็นระยะ

กิจการรุ่งเรืองเช่นนี้ ผู้ดูแลกับเหล่าลูกจ้างในร้านย่อมมีรอยยิ้มเต็มหน้ากันทุกคนและยิ่งร้องเรียกลูกค้าเข้าร้านอย่างทุ่มเทกว่าเดิม

ขณะที่ผู้ดูแลเฒ่าซึ่งอายุเลยวัยกลางคนมาแล้วคนหนึ่งกำลังสนทนาอยู่กับลูกค้าที่เข้ามาสอบถามคนหนึ่ง ดวงตาก็อดไม่ได้เหลือบไปยังบันไดขึ้นชั้นสอง

จะว่าไปแล้ว ร้านใหญ่ในตลาดแห่งนี้ล้วนมีกลุ่มอำนาจเกื้อหนุนอยู่เบื้องหลัง

เมื่อครู่นี้เอง จั่วกงเฉวียนประมุขนิกายเพลิงหยก นายท่านที่แท้จริงเบื้องหลังหอรวมสมบัติซึ่งปกติจะมาที่ร้านน้อยครั้งนักพาผู้ฝึกฝนวัยกลางคนเสื้อสีน้ำเงินผู้หนึ่งขึ้นไปยังชั้นสอง

เถ้าแก่มาตรวจร้าน ลูกน้องเบื้องล่างย่อมต้องยิ่งใส่ใจ พยายามสร้างความประทับใจที่ดี

ในเวลาเดียวกันนี้ ณ ห้องหรูบนชั้นสองของหอ ผู้เฒ่าสวมเสื้อหนังคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งเจ้าบ้าน เขาหัวไหล่กว้าง รูปร่างสูงใหญ่ แม้นั่งอยู่ก็แผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามออกมา

ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือบุรุษวัยกลางคนชุดสีน้ำเงินคนหนึ่ง สีหน้าซีดเหลือง ท่าทางเหมือนเจ็บป่วย มีเพียงดวงตาที่เปล่งประกาย ให้ความรู้สึกว่าไม่อาจดูแคลนได้

“สหายเยี่ยเป็นผู้ฝึกฝนนิกายมารเงาสวรรค์นี่เอง ผู้แซ่จั่วเสียมารยาทแล้วจริงๆ” จั่วกงเฉวียนมองป้ายสีดำในมือซึ่งบนป้ายสลักอักษรงดงามแบบโบราณไว้สามตัว เขาคืนป้ายให้บุรุษเสื้อสีน้ำเงินด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วประสานมือให้ในเวลาเดียวกัน

แม้นิกายเพลิงหยกมีชื่อเสียงแถวเทือกเขาถงหยางอยู่บ้าง แต่เต็มที่ก็เป็นเพียงนิกายชั้นสาม ไม่อาจเทียบกับนิกายมารเงาสวรรค์ซึ่งเป็นนิกายใหญ่อายุหมื่นปีเช่นนี้ได้

ในสายตาของผู้เฒ่า บุรุษชุดน้ำเงินฝั่งตรงข้ามมีกลิ่นอายสับสนคลุมเครือ แม้อาศัยจิตสัมผัสระดับแก่นแท้ขั้นกลางของเขาก็ยังมองพลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายไม่ออก ในใจเขาย่อมมองตัวตนของอีกฝ่ายสูงขึ้นหนึ่งส่วน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา