ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 885

สรุปบท ตอนที่ 885 เมืองหนานหลู: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 885 เมืองหนานหลู จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 885 เมืองหนานหลู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 885 เมืองหนานหลู
“เมื่อครู่คนที่ถูกขังอยู่เป็นเพียงเงาร่างหนึ่งของข้าเท่านั้น ด้วยพลังระดับแก่นแท้ของเจ้า หากเป็นยามปกติน่าจะมองออก ส่วนอสูรเลี้ยงอินทรีมารมืดตัวนั้น ข้าย่อมเฝ้าระวังไว้ตลอดอยู่แล้ว” หลิ่วหมิงเอ่ยเรียบๆ

เพิ่งสิ้นเสียง แขนของเขาก็พร่าเลือนวูบหนึ่งโจมตีออกมาอีกหนึ่งหมัด

เงาหมัดสีดำพุ่งวูบหนึ่ง ศีรษะของจั่วกงเฉวียนก็ถูกสายลมจากหมัดต่อยกระจุย ของสีขาวกับสีแดงกระเซ็นไปรอบด้าน จิตวิญญาณหนีไม่ทันจึงถูกกำจัดทันที

เมื่อจั่วกงเฉวียนตาย ดวงตาของปีศาจอินทรีสีดำก็ฟื้นกลับมากระจ่างใสในทันที มันเห็นหลิ่วหมิงปุ๊บก็กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุดแล้วกระพือปีกสองข้างบินหนีไปไกลทันที

หลิ่วหมิงก็ไม่ได้ไล่ตามไปสังหารอินทรีมารมืดต่อ แต่เก็บแหวนเก็บของกับมีดสั้นสีแดงสองเล่มนั้นที่ตัวจั่วกงเฉวียนมา

จากนั้นเขาก็โบกมือครั้งหนึ่ง เปลวเพลิงดวงหนึ่งเผาศพของจั่วกงเฉวียนกลายเป็นจุณ

ในเวลาเดียวกันยันต์ลึกลับพลังผ้าเหลืองที่อยู่ไม่ไกลก็ส่องแสงสีทองกลายเป็นยันต์แผ่นหนึ่งใหม่อีกครั้ง แล้วพุ่งรวดเร็วกลับมาหาหลิ่วหมิงพร้อมกับไม้เท้าหัวผีอันนั้นด้วยตนเอง ปราณดำม้วนออกมาครั้งหนึ่งก็หายไปจนหมดไม่เห็นร่องรอย

เงาคนหายวับไป จากนั้นร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวข้างค่ายกลสีทองอ่อน เขายกมือขึ้น ปราณดำสายหนึ่งพลันกลายเป็นรูปลูกธนูพุ่งเข้าชนค่ายกลสีทอง

เสียง “ปัง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

ค่ายกลสีทองที่หม่นแสงถึงที่สุดพังทลายลงพร้อมเสียงดังกึกก้องแล้วแตกกระจายกลายเป็นละอองแสงสีทอง แสงของแผ่นค่ายกลตรงใจกลางและธงค่ายกลหม่นลงจากนั้นทยอยร่วงลงเกลื่อนพื้นดิน

หลิ่วหมิงยกมือขึ้นสะบัด ปราณดำสายหนึ่งซัดออกมาพาแผ่นค่ายกลและธงค่ายกลทั้งหมดลอยมาอยู่ในมือเขา จากนั้นบนใบหน้าก็เผยสีหน้ายินดีออกมาเล็กน้อย

จากที่ปีศาจพันมายาบอกค่ายกลโปรดสัตว์ชุดนี้ได้มาจากในซากโบราณแห่งหนึ่ง เป็นค่ายกลพันธนาการที่ตกทอดมาจากยุคโบราณ พลังของมันเมื่อครู่เขาก็ได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้ว มันเป็นสมบัติที่หายากชิ้นหนึ่งอย่างแท้จริง

“นายท่าน จะทำอย่างไรต่อดี? วันนี้จั่วกงเฉวียนผู้นั้นตายแล้ว ปีศาจพันมายาก็หายไปไร้ร่องรอยอีกครั้ง…” สตรีชุดตาข่ายดำเหาะมาข้างกายหลิ่วหมิงแล้วเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไร ปีศาจพันมายาเคลื่อนย้ายเป็นระยะทางไกลเกินไปนักไม่ได้ ข้ามีวิธีตามหาเขา” หลิ่วหมิงตอบอย่างไม่รีบร้อน เขาพลิกมือกินโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่ง เมื่อฤทธิ์ยากระจายตัว พลังเวทในทะเลจิตวิญญาณของเขาก็ค่อยๆ เต็มเปี่ยมขึ้นมา

เซียเอ๋อร์ได้ฟังตอนนี้ถึงวางใจ

เงาร่างของหลิ่วหมิงขยับไหววูบหนึ่งก็ร่อนลงบนศิลายักษ์มหึมาก้อนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลแล้วนั่งลงขัดสมาธิ หลังจากสูดลมหายใจโคจรปราณ เขาก็พลิกมือเรียกธงคำสั่งสีดำผืนนั้นที่ปีศาจพันมายาปล่อยทิ้งไว้ออกมาโยนเบาๆ ให้ลอยอยู่เบื้องหน้าร่าง

จากนั้นริมฝีปากเขาก็อ้าหุบท่องมนตร์งึมงำแผ่วเบา สองมือทำท่ามืออันลี้ลับท่าแล้วท่าเล่าไม่หยุด แสงสีดำสายแล้วสายเล่าพุ่งเร็วไวออกมาจากบนร่างเขาแล้วรวมตัวกันเบื้องหน้าร่าง

เซียเอ๋อร์เห็นภาพนี้ก็ไม่เอ่ยปากรบกวน นางยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับสังเกตความเคลื่อนไหวรอบด้าน

ผ่านไปไม่นาน กลางอากาศก็เริ่มเกิดวงกระเพื่อมสีดำวงแล้ววงเล่าแผ่ขยายออกไปสี่ด้านแปดทิศโดยมีหลิ่วหมิงเป็นศูนย์กลาง ทำให้สรรพสิ่งรอบด้านพร่ามัวไม่ชัด

แม้เป็นเวลาเพียงครู่เดียวแต่สีหน้าของหลิ่วหมิงกลับซีดเผือดลงไปไม่น้อย ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นข้างหนึ่งจี้หนึ่งดัชนีออกมา ปราณดำสายแล้วสายเล่าที่วนเวียนอยู่บนธงคำสั่งสีดำเบื้องหน้าฉับพลันลอยออกมาแล้วทยอยผสานเข้าไปในวงกระเพื่อมสีดำรอบร่าง

วงกระเพื่อมสีดำฉับพลันสั่นไหวแผ่วเบา ความเร็วที่กระเพื่อมเร็วขึ้นหลายส่วนในทันใด ก่อนจะรวมตัวกันไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ครู่ต่อมาหลิ่วหมิงพลันลืมตากว้าง ประกายสีดำในดวงตาปรากฏขึ้นวูบหนึ่งแล้วหายไป

“ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือจริงๆ…” เขาหยุดใช้วิชาแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเอง

ตอนนี้เขามั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่าทิศทางที่ปีศาจพันมายาผู้นี้หนีไปคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และสิ่งที่อยู่ถัดไปทางทิศนี้ก็คือเมืองหนานหลู

การใช้วิชาเพียงชั่วครู่นี้ทำให้หน้าผากของหลิ่วหมิงมีเหงื่อซึมออกมา เห็นชัดว่าการใช้วิชาลับตามรอยชนิดนี้กินพลังเวทและพลังจิตไม่น้อย ทุกครั้งที่ใช้วิชานี้ล้วนกินพลังปราณของเขาไปอย่างไม่ธรรมดา

“ตอนนี้พวกเราออกเดินทางกันเถอะ!” หลิ่วหมิงโบกมือเก็บธงคำสั่งสีดำไป หลังจากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้น แสงสีขาวสายหนึ่งส่องสว่าง เรือหยกจันทราที่ใสแวววาวทั้งลำลอยออกมาเบื้องหน้า

เขากับเซียเอ๋อร์ทะยานร่างกระโดดขึ้นไป หลังจากนั้นเรือหยกพลันฉายแสงสีแดงกลายเป็นลำแสงสีแดงเส้นหนึ่ง แหวกท้องนภาเหาะไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

……

เมืองหนานหลูในฐานะเมืองหลวงของแคว้นเจียง ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองที่แท้จริงของแคว้นเจียง แต่ยังเป็นศูนย์กลางการค้าและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้วย

เมืองแห่งนี้พื้นที่กว้างขวางอย่างยิ่ง ทางเหนือของเมืองอยู่ติดทะเลสาบเข็มขัดหยกอันมีทิวทัศน์งดงาม ส่วนอีกสามด้านคือกำแพงเมืองมหึมาสูงถึงยี่สิบสามสิบจั้ง ทั้งหมดก่อจากอิฐสีดำหนาหนึ่งจั้งกว่า เมื่อมองจากไกลๆ เมืองทั้งเมืองราวกับป้อมปราการโลหะอันแข็งแกร่งหลังหนึ่งที่ทอดตัวอยู่ริมทะเลสาบ

เวลานี้เขาเหมือนจะเสียพลังเวทไปหมดเกลี้ยงแล้วยังเร่งเดินทางไกลมา สีหน้าจึงซีดเผือดเล็กน้อย หลังยืนมั่นคงก็ยังหันหลังกลับไปมองอย่างหวาดหวั่น แล้วเอ่ยกับตนเองอย่างเคียดแค้นชิงชัง

“สมควรตาย! เจ้าหนูจากนิกายยอดบริสุทธิ์คนนั้นเหมือนจะยังไล่ตามมาอยู่ ข้าใช้วิชาลับซ่อนเร้นร่องรอยแล้วชัดๆ เขายังตามรอยตำแหน่งของข้าได้อย่างไร?”

เพิ่งสิ้นเสียง บนหน้าเขาก็พลันแดงก่ำอย่างผิดปกติ กลิ่นอายบนร่างสับสนไปพักหนึ่ง เขารีบล้วงขวดหยกใบหนึ่งออกมา เทโอสถสีขาวแวววาวเม็ดหนึ่งออกมากินลงไป สีแดงก่ำบนหน้าถึงค่อยๆ ลดลง

หลังจากนั้นปีศาจพันมายาก็ลังเลเล็กน้อยแล้วกัดฟัน บนร่างปรากฏคลื่นแสงไหวกระเพื่อม ชั่วพริบตาเขาก็กลายร่างเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้มีใบหน้าสง่างาม รูปร่างอ้วนท้วมเล็กน้อยคนหนึ่ง ร่างกายขยับทีเดียวก็ผลุบเข้าไปในตำหนักหกเหลี่ยมหลังที่อยู่ใกล้ๆ อย่างเงียบเชียบ

ในห้องบรรทมอันหรูหราห้องหนึ่งในตำหนัก ปีศาจพันมายาปรากฏตัวขึ้น หลังจากกวักมืออีกครั้ง ชุดผ้าไหมสีเหลืองสว่างตัวหนึ่งก็สวมลงบนร่างของเขา

บนชุดผ้าไหมปักลายมังกรสีทองห้าเล็บขดร่างอยู่ตัวหนึ่ง เห็นชัดว่าเป็นชุดที่จักรพรรดิแคว้นเจียงเท่านั้นถึงจะสวมได้

หลังจากสวมชุดผ้าไหมแล้ว บรรยากาศรอบตัวปีศาจพันมายาพลันเปลี่ยนแปลงไปทันที คลื่นพลังเวทบนร่างคล้ายมลายหายไปหมดสิ้น แปลงกายเป็นบุรุษวัยกลางคนผู้น่าเกรงขามคนหนึ่งอย่างสมบูรณ์

ไม่มีใครคาดคิดว่าปีศาจพันมายาจะซ่อนตัวอยู่ในพระราชวังของแคว้นเจียง นอกจากนี้ยังเป็นประมุขแห่งแคว้นเจียงอีกด้วย!

ปีศาจพันมายาดวงตาเป็นประกาย เขาพลิกมือตบหนึ่งฝ่ามือลงบนร่างของตนเอง บนใบหน้ามีปราณสีน้ำเงินเข้มสายหนึ่งผุดออกมาทันที

ผ่านไปไม่นาน ในตำหนักหกเหลี่ยมก็พลันมีเสียงเอะอะดังขึ้น โคมไฟจุดส่องสว่าง นางกำนัลและขันทีมากมายรีบร้อนเดินเร็วไวเข้ามา

“มีมือสังหาร!”

“มีคนจะลอบสังหารจักรพรรดิ! รีบคุ้มครองพระองค์เร็ว!”

องครักษ์นับไม่ถ้วนแห่เข้ามาในกำแพงของตำหนักหกเหลี่ยมหลังนี้ประหนึ่งน้ำหลากแล้วล้อมตำหนักไว้เป็นวง ทั้งพระราชวังราวกับถูกปลุกให้ตื่น ตำหนักแต่ละหลังจุดโคมไฟสว่างตามต่อกัน

ในเวลาเดียวกันนั้นประกายแสงประหลาดก็ฉายแวบขึ้นกลางราตรีมืด ลำแสงสะดุดตาหลายสายร่วงลงนอกตำหนักหกเหลี่ยม หลังแสงรัศมีสลายไปก็เผยให้เห็นเงาคนที่สวมชุดยาวสีแดงหลายคน ในนั้นมีบุรุษ มีสตรี ปราณที่แผ่ออกมาล้ำลึกอัดแน่น พลังสูงกว่าระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นปลายอยู่เลือนราง หัวหน้าเป็นผู้เฒ่าเคราขาวโพลนคนหนึ่งที่พลังบรรลุถึงขั้นระดับผลึกขั้นกลาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา