ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 886

องครักษ์รอบพระราชวังเห็นคนเหล่านี้ก็เผยสีหน้าเคารพ พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกเซียนที่เป็นข้ารับใช้ของราชวงศ์แคว้นเจียง ในสายตาเหล่าองครักษ์อีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังยิ่งใหญ่ ตำแหน่งขุนนางที่ได้รับพระราชทานก็สำคัญอย่างที่สุดด้วย

แม้ราชวงศ์แคว้นเจียงเป็นตระกูลผู้ฝึกฝนแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่ตลอดมาจักรพรรดิที่นั่งบนบัลลังก์ล้วนเป็นศิษย์มนุษย์ธรรมดาผู้ไร้พลังเวท ส่วนผู้ที่ควบคุมราชวงศ์อยู่อย่างแท้จริงก็คือพวกผู้ฝึกฝนระดับสูงในตระกูลซึ่งส่วนใหญ่ล้วนซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ไม่โผล่หน้าออกมาง่ายๆ

ส่วนเหล่าข้ารับใช้ของราชวงศ์ก็เป็นคนที่ตระกูลตั้งใจส่งมาปกป้องอำนาจราชวงศ์

นี่เป็นประเพณีนิยมในแคว้นของมนุษย์ธรรมดาทั้งหมดบนแผ่นดินจงเทียน ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใด แต่มีคำกล่าวบอกต่อกันมาว่า เมื่อผู้ฝึกฝนนั่งบนบัลลังก์ โชคชะตาของแคว้นแห่งนั้นจะค่อยๆ ตกต่ำลง

แต่ไหนแต่ไรความเป็นไปของโชคชะตาล้วนยากแท้หยั่งถึง แม้เป็นนิกายใหญ่ทั้งหลายในตำนานผู้ควบคุมแผ่นดินจงเทียนก็ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นพิเศษตลอดมา ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงตระกูลผู้ฝึกฝนธรรมดาเลย

ในเวลาเดียวกันนี้ นอกเมืองหนานหลูลำแสงเส้นหนึ่งก็วาดผ่านท้องฟ้าร่อนลงในป่าทึบห่างจากเมืองไปราวหนึ่งลี้กว่า จากนั้นกะพริบไม่กี่ครั้งก็หายวับไป

หลังจากนั้นเงาคนสองร่างก็พุ่งออกมาจากป่าทึบอย่างว่องไวและมุ่งเร็วรี่ไปทางเมืองหนานหลู

เวลาผ่านไปไม่นานเงาคนทั้งสองก็ร่อนลงบนกำแพงเมืองของเมืองหนานหลูจุดหนึ่งที่ไม่มีคนเฝ้าอย่างเงียบเชียบแล้วชะเง้อมองไปด้านใน พวกเขาคือหลิ่วหมิงกับเซียเอ๋อร์นั่นเอง

“ที่นี่คือเมืองหนานหลู เอ๋? ดึกป่านนี้แล้ว ฝั่งนั้นทำไมยังเอะอะเช่นนั้น?” เซียเอ๋อร์มองไปด้านในสองสามหน ทันใดนั้นก็มองไปทางพระราชวังที่จุดโคมไฟสว่างไสวอย่างตกตะลึง

“ด้านนั้นน่าจะเป็นที่ตั้งพระราชวังของเมืองหนานหลู” สายตาของหลิ่วหมิงทอประกายเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น

แผนที่ซึ่งเขาซื้อมาจากตลาดถงหยางระบุลักษณะของเมืองหนานหลูไว้อย่างละเอียด แต่ตอนนี้เวลาเที่ยงคืน ด้านนั้นกลับจุดโคมไฟสว่างไสว ประหลาดอยู่บ้างจริงๆ

เขากวาดจิตสัมผัสเล็กน้อย ทันใดนั้นก็พบว่าในวังมีทหารสวมเกราะยืนเรียงราย แล้วเหมือนจะมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกอีกด้วย เห็นชัดว่าไม่ปกติจริงๆ…

หลิ่วหมิงกดฝ่ามือบนอากาศครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยท่องมนตร์แผ่วเบา วงกระเพื่อมสีดำแผ่ขยายออกมาจากในดวงตาของเขาอีกครั้ง ชั่วครู่ให้หลังก็แค่นเสียงหยันเอ่ยขึ้นว่า

“ปีศาจพันมายาผู้นั้นน่าจะหลบอยู่ในพระราชวัง ดูท่าครั้งนี้เขาคิดจะอาศัยความโกลาหลในเมืองมนุษย์แห่งนี้หลบซ่อนการไล่ล่าสังหารของพวกเรา”

“นายท่าน ข้าจำได้ว่ากฎนิกายของนิกายยอดบริสุทธิ์บอกไว้ว่าผู้ฝึกฝนไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโลกปุถุชนมากเกินไป พวกเราเข้าไปเช่นนี้จะเหมาะสมหรือ?” เซียเอ๋อร์เอ่ยอย่างกังวลอยู่บ้าง

“ไม่เป็นไร ข้าจับตำแหน่งของปีศาจพันมายาได้คร่าวๆ แล้ว ขอเพียงจับตัวเขาออกมาได้ คิดว่าราชวงศ์แคว้นเจียงก็คงไม่ยอมให้ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในพระราชวังอย่างสง่าผ่าเผยเช่นนี้หรอก” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นปราณดำบนร่างพลันส่องสว่างพาเซียเอ๋อร์เหาะไปทางพระราชวัง

ณ ตำหนักหกเหลี่ยมด้านในพระราชวัง บุรุษวัยกลางคนผู้สวมอาภรณ์ผ้าไหมสีเหลืองสว่างซึ่งเป็นร่างแปลงของปีศาจพันมายาผู้นั้นกำลังเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้นุ่มตัวหนึ่ง สีหน้าเซื่องซึม บนใบหน้ามีสีเขียวคล้ำเล็กน้อยดูไม่ปกติ

ผู้ฝึกฝนชุดยาวสีแดงที่เป็นข้ารับใช้แห่งแคว้นเจียงหลายคนนั้นยืนอยู่ข้างเก้าอี้นุ่ม ปลายนิ้วมือบนมือข้างหนึ่งของผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่เคราขาวตรงกลางผู้นั้นทอแสงสีขาว วนไปมาบนร่างของปีศาจพันมายา หลังจากครู่หนึ่งเขาก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้น

“เจียงหลี เห็นหน้าตาของคนผู้นั้นที่ทำร้ายเจ้าชัดหรือไม่?”

“เรียน…เรียนผู้อาวุโสใหญ่ ข้าตกใจตื่นขึ้นจากฝัน ทั้งยามนั้นในห้องมืดสนิทไปหมด ข้าจึงมองเห็นเพียงเงาสีดำขมุกขมัวร่างหนึ่งเคลื่อนไหวเร็วอย่างที่สุด เขายิงแสงสีดำสายหนึ่งลงบนร่างข้า หลังจากนั้นข้าก็ไม่รับรู้สิ่งใดแล้ว” เจียงหลีที่เป็นร่างแปลงของปีศาจพันมายาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางอ่อนระโหยอย่างยิ่ง

ผู้ฝึกฝนหลายคนที่อยู่ด้านข้างได้ยินพลันสบตากันทีหนึ่ง ดวงตาเผยแววตาสงสัยแต่กลับไม่เอ่ยออกมา

ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่เก็บแสงสีขาวที่มือไป หลังจากนั้นปราณสีน้ำเงินเข้มสายแล้วสายเล่าก็ลอยขึ้นมาเหนือศีรษะของเจียงหลี สีเขียวคล้ำบนใบหน้าถดถอยลงตาม ดูแล้วสีหน้าดีขึ้นไม่น้อย

ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่มองประเมินเจียงหลีจากหัวจรดเท้าครั้งหนึ่ง จากนั้นล้วงขวดหยกใบหนึ่งออกมาจากตัว เทโอสถเม็ดหนึ่งให้เขากินเข้าไป

“แค่พิษกร่อนศพธรรมดาเท่านั้น ข้าขับพิษออกไปแล้ว พักผ่อนสักครู่ก็จะหายดีอย่างรวดเร็ว” ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่เอ่ยเช่นนี้ออกมานิ่งๆ

“ขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่ยิ่งนัก!” เจียงหลีเอ่ยเหมือนยังตกอยู่ในความกลัว

ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่โบกมือด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจแล้วไม่สนใจจักรพรรดิมนุษย์ผู้นี้อีก หลังจากเขาส่งสายตาให้ผู้ฝึกฝนที่เหลือแล้ว พวกเขาก็เดินออกไปนอกห้องอย่างพร้อมเพรียง

“พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้?”

หลังพวกเขาออกจากห้องมา ผู้เฒ่ารูปร่างสูงใหญ่ก็สะบัดแขนเสื้อ ปล่อยเขตแดนกั้นเสียงอันหนึ่งครอบพวกเขาไว้ด้านในแล้วเอ่ยปากถาม

“มือสังหารคนนี้เห็นชัดว่าเป็นผู้ฝึกฝนคนหนึ่ง ไม่ว่าพลังระดับใด อีกฝ่ายก็น่าจะไม่ได้คิดเอาชีวิตเจียงหลีจริงๆ มิเช่นนั้นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งอย่างเขาคงตายไปไม่รู้กี่พันกี่ร้อยครั้งแล้ว” บุรุษหนุ่มเส้นผมสีเหลืองทองคนหนึ่งเอ่ยขึ้นช้าๆ น้ำเสียงไม่เกรงใจจักรพรรดิแคว้นเจียงสักนิด

นี่ก็ไม่แปลก ตลอดมากลุ่มผู้ฝึกฝนล้วนมีท่าทีดูแคลนมนุษย์ธรรมดาที่อายุขัยสั้นและพละกำลังอ่อนแอทั้งสิ้น แม้เจียงหลีเป็นประมุขแห่งแคว้นหนึ่งก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“เรื่องนี้เห็นชัดเจนยิ่ง ถ้าเช่นนั้นการกระทำนี้ของฝ่ายนั้นมีเป้าหมายอะไร? หรือต้องการเตือนพวกเราตระกูลเจียง? เพราะเรื่องปริมาณหยกมังกรหวน หลายปีนี้พวกเราตระกูลเจียงล่วงเกินกลุ่มอำนาจไปไม่น้อยจริงๆ…” คนพูดคือสตรีสาวเยาว์วัยนางหนึ่ง ซึ่งชุดข้ารับใช้ตัวใหญ่ไม่อาจบดบังเรือนร่างอรชรของนางไว้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา