“การเดินทางไปเศษซากของโลกบนครั้งนี้เป็นโอกาสที่หายากอย่างที่สุด น่าเสียดายที่เสี่ยวอู่เข้าไปในทางปีศาจร้ายจนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่กลับมา มิเช่นนั้นหากนางกับหลิ่วหมิงร่วมมือกัน ยอดเขาลั่วโยวของพวกเราจะต้องทำให้คนตะลึงแน่นอน”
“เสี่ยวอู่พลาดครั้งนี้ไปน่าเสียดายก็จริง แต่ศิษย์น้องวางใจเถิด มีหลิ่วหมิงอยู่ ครั้งนี้ยอดเขาลั่วโยวของพวกเราไม่มีทางกลับมามือเปล่า!” อินจิ่วหลิงเอ่ยขึ้นอย่างนิ่งสงบ
ข่างลือเกี่ยวกับเศษซากของโลกบนแพร่ไปทั่วนิกายยอดบริสุทธิ์อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ไม่ว่าศิษย์สายในหรือสายนอกล้วนเริ่มคุยเรื่องนี้กันอย่างออกรส
อย่างไรนี่ก็เป็นโชควาสนาใหญ่หลวงที่สามหมื่นปีจะเวียนมาถึงครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่รู้มีศิษย์ในนิกายเท่าไรปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อม
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข่าวที่หลิ่วหมิงได้รับเลือกให้เดินทางไปเศษซากของโลกบนครั้งนี้จึงรั่วออกไป เขาเพิ่งกลับมาถึงถ้ำที่พักได้ไม่นานก็มีศิษย์ไม่น้อยเดินทางมาเยี่ยมเยียน นี่ทำให้หลิ่วหมิงอดไม่ได้รู้สึกปวดศีรษะอย่างยิ่ง
หลังจากเขาเอ่ยวาจาอ้อมค้อมปฏิเสธผู้คนไปหลายรอบ เขาจึงปิดประตูใหญ่ของถ้ำที่พักเสียจนได้นอนหลับสุขอุราหนึ่งคืน ตอนนี้ถึงตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่า จัดการวางแผนสำหรับการเดินทางไปยังซากปรักหักพังที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เขาเดินทางไปชั้นสี่ของหอเก็บคัมภีร์ก่อนเพื่ออ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เป็นดังเช่นที่อินจิ่วหลิงพูด เศษซากของโลกบนนับว่าเป็นความลับสุดยอดในนิกายยอดบริสุทธิ์ เขาหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์พบไม่มากนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้อความสั้นๆ กระจัดกระจายที่คนรุ่นก่อนบันทึกไว้
ที่จริงนี่ก็ไม่มีสิ่งใดแปลก อย่างไรการเดินทางไปยังซากปรักหักพังครั้งก่อนก็คือเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว ผ่านช่วงเวลามายาวนานเช่นนี้ย่อมทำให้คนส่วนใหญ่ลืมเลือนเรื่องราวไป
แต่จากกองข้อมูลที่กระจัดกระจาย เขาก็ยังพอเข้าใจสภาพด้านในซากปรักหักพังได้อยู่บ้าง ตัวอย่างเช่นการเดินทางไปยังซากปรักหักพังครั้งนั้นเมื่อหลายหมื่นปีก่อน มีศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย แม้แต่ศิษย์ระดับแก่นแท้ที่นำคณะเดินทางไปคนหนึ่งก็ยังสิ้นชีพอยู่ข้างใน
นี่ทำให้หลิ่วหมิงพรั่นพรึงยิ่งนัก รู้ชัดถึงความอันตรายของการเดินทางครั้งนี้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
จากนั้นเขาก็เดินทางไปตลาดของนิกายเพื่อจัดการของที่ได้มาจากผู้ฝึกฝนชั่วร้ายก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นก็ซื้อหาตัวช่วยอย่างเช่นยันต์หลบหนีระดับสูงจำนวนหนึ่ง
โอสถรักษาอาการบาดเจ็บ แก้พิษและฟื้นพลังปราณก็ย่อมต้องซื้อหาเอาไว้ไม่น้อยด้วย
สรุปก็คือขอเพียงเป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ในซากปรักหักพังได้ เขาล้วนตระเตรียมไว้พร้อมสรรพ
ขณะที่หลิ่วหมิงวุ่นวายเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปเศษซากของโลกบนที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ในนิกายก็ค่อยๆ กำหนดรายชื่อคนที่เดินทางไปซากปรักหักพังได้ลงตัว
ศิษย์ที่ได้รับเลือกย่อมเป็นศิษย์หัวกะทิผู้โดดเด่นจากยอดเขาต่างๆ ของสายใน พวกเขาล้วนเป็นศิษย์คนสำคัญที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดของแต่ละยอดเขา และพวกเขาต่างก็ทยอยได้รับมอบสมบัติและโอสถนานาชนิดไว้ป้องกันตัว
หลังจากฮือฮาตอนเริ่มแรกอยู่พักหนึ่ง ต่อมาทั้งเทือกเขาหมื่นวิญญาณก็สงบลงอีกครั้ง ทุกคนล้วนรอคอยอย่างนิ่งสงบให้ทางเชื่อมไปเศษซากของโลกบนเปิดออก
วันนี้หลิ่วหมิงกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ในห้องลับอย่างเงียบสงบ ทันใดนั้นประตูใหญ่ของถ้ำที่พักก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
หลายวันนี้มีคนมากมายมาเยี่ยมเยียน แต่เขาคร้านจะสนใจจึงเมินเฉยเสีย
ทว่าเสียงเคาะประตูครั้งนี้ช่างตื๊อยิ่ง ทุกชั่วเวลาดื่มชาครึ่งถ้วยจะดังขึ้นครั้งหนึ่ง
สักพักหนึ่งในที่สุดเสียงก็เงียบไป แต่มีเสียงดังวิ้งตามมาครั้งหนึ่งพร้อมกับที่ยันต์ถ่ายทอดเสียงสีม่วงอ่อนแผ่นหนึ่งลอยเข้ามา
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกมาจากในห้องลับ เขาคว้ายันต์สีม่วงกลางอากาศมาไว้ในมือจากนั้นส่งจิตสัมผัสเข้าไปด้านใน
ครู่ต่อมาสีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป เขาสาวก้าวเดินมาถึงประตูถ้ำที่พักแล้วสะบัดมือเปิดประตูใหญ่ออก
ด้านนอกประตูใหญ่ หญิงสาวงดงามเรือนร่างอรชรสวมชุดสีม่วงรัดกุมสองนางยืนเคียงกัน ดวงเนตรงามมองมาทางหลิ่วหมิงด้านในประตูอย่างพร้อมเพรียง พวกนางก็คือโอวหยางเชี่ยนกับโอวหยางฉินสองพี่น้องนั่นเอง
“พี่หลิ่ว นับแต่จากกันที่เทือกเขาหยกฝันก็ไม่ได้พบกันเสียนาน” โอวหยางเชี่ยนทัดเส้นผมงามข้างใบหูแล้วเอ่ยขึ้นแผ่วเบา
“แม่นางโอวหยางทั้งสอง ข้าเสียมารยาทแล้ว” หลิ่วหมิงประสานมือพลางเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“จิ๊ๆ พี่หลิ่วไม่เสียทีถูกเรียกขานว่าศิษย์สายในอันดับหนึ่งแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ วางมาดใหญ่โตเช่นนี้เชียว พวกเราพี่น้องเคาะประตูอยู่ตรงนี้ตั้งหนึ่งเค่อแล้ว หากไม่ใช่เพราะยันต์ถ่ายทอดเสียงของพี่เชี่ยน พี่หลิ่วก็คงไม่ยอมลดเกียรติออกมาพบหน้าพวกเราแล้วกระมัง” โอวหยางฉินที่อยู่ด้านข้างยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย วาจาจิกกัดอยู่บ้าง
“ฉินเอ๋อร์…” โอวหยางเชี่ยนดึงโอวหยางฉินเล็กน้อยแล้วเอ่ยเรียกเบาๆ
“พี่เชี่ยน สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง ยามนั้นเขามาเยือนเขาหยกฝัน พวกเราต้อนรับเป็นแขกให้เกียรติอย่างดี ผู้ฝึกฝนหลิ่วผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเรา ท่านว่าใช่หรือไม่?” โอวหยางฉินไม่สนใจโอวหยางเชี่ยนสักนิด ดวงตาจับจ้องบนร่างหลิ่วหมิงไม่ละสายตา พลางเบ้ปากถามขึ้นมา
“ผู้แซ่หลิ่วต้อนรับไม่สมควรเอง ขอแม่นางโอวหยางทั้งสองอย่าได้ถือโทษ เพียงแต่พักนี้ผู้คนมาเยี่ยมเยียนมากมายนัก ข้าทนรำคาญไม่ไหวจึงต้องปิดประตูใหญ่ของถ้ำที่พักแห่งนี้ไว้ แม่นางทั้งสองเชิญเข้ามาพูดคุยกันเถอะ สถานที่คับแคบอยู่บ้าง ทั้งสองท่านอย่าได้หัวเราะ” หลิ่วหมิงยิ้มเจื่อนๆ แล้วหันกายเชิญสตรีทั้งสองนางเข้ามาในถ้ำที่พัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา