แต่โอวหยางเชี่ยนในตอนนี้ก็เหมือนจะเพียงหยอกเล่นประโยคเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นนางกับโอวหยางฉินก็ขอตัวจากไปอย่างรวดเร็ว นี่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกโล่งอก
“เจียหลาน…”
หลังสตรีทั้งสองนางจากไป หลิ่วหมิงก็เดินไปยังห้องลับด้านข้าง พร้อมกันนั้นในสมองก็ปรากฏเงาร่างของเจียหลานขึ้นมา
ช่วงนี้ไม่ได้ยินข่าวของสตรีนางนี้เลย ก่อนหน้านี้นางบอกว่าจะเก็บตัวทะลวงคอขวดเข้าสู่ระดับผลึกขั้นปลาย เวลานี้น่าจะยังไม่เลิกเก็บตัวกระมัง
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องลับ
หลังจากเขานั่งขัดสมาธิบนเบาะกลมเรียบร้อยก็หยิบคัมภีร์หยกของค่ายกลโปรดสัตว์ออกมาแล้วแทรกจิตสัมผัสเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
หลายวันนี้เขาศึกษาการเปลี่ยนสภาพหลายรูปแบบของค่ายกลนี้แล้วเข้าไปจำลองการควบคุมในแดนมายาอยู่ตลอด
สองเดือนให้หลังยันต์ถ่ายทอดเสียงสีเงินแผ่นหนึ่งก็แหวกอากาศมาถึง มันพุ่งผ่านชั้นจำกัดเข้ามาในถ้ำที่พักของหลิ่วหมิงเหมือนชั้นจำกัดไม่มีอยู่
ยันต์ทอแสงสีเงินระยิบระยับอยู่ครู่หนึ่งก็ระเบิดกระจาย เสียงเข้มงวดเสียงหนึ่งดังก้องในพื้นที่ของถ้ำที่พักทันที
“รีบรวมตัวที่วิหารใหญ่ของนิกาย!”
หลิ่วหมิงที่เดิมทีนั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นแล้วลุกขึ้นยืนในทันใด
เสียงนี้คือเสียงของท่านประมุขเทียนเกอเจินเหริน
“นายท่าน เดินทางไปเศษซากของโลกบนครั้งนี้จะพาพวกเราไปได้ไหม?” เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ได้ยินเสียงก็รีบร้อนออกมาจากห้องทำสมาธิห้องข้างๆ
สายตาของเซียเอ๋อร์จ้องมองมาที่หลิ่วหมิง ร่างกายขวางประตูห้องลับเอาไว้ ทำท่าราวกับว่าหากไม่พานางไปด้วยก็จะไม่ให้หลิ่วหมิงออกจากประตูไป
นับตั้งแต่หลิ่วหมิงกลับมาก็ให้ทั้งสองตัวฝึกฝนด้วยตนเองอยู่ในห้องลับห้องอื่น
เฟยเอ๋อร์วิ่งตรงมาเบื้องหน้าหลิ่วหมิง มือน้อยสีชมพูทั้งสองข้างดึงชายเสื้อของหลิ่วหมิงไว้ ส่วนใบหน้าทำสีหน้าน่าสงสาร
“วางใจเถอะ! เศษซากของโลกบนโชควาสนาครั้งใหญ่เช่นนี้ ข้าจะไม่พาพวกเจ้าเดินทางไปได้อย่างไร!” หลิ่วหมิงทั้งฉุนทั้งขำจึงถลึงตาใส่ตัวตลกสองตัวนี้ครั้งหนึ่ง
เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ตะโกนร้องอย่างยินดีทันที ร่างกายขยับวูบหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีดำสองสายหายเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอวหลิ่วหมิง
บนใบหน้าหลิ่วหมิงปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นแวบหนึ่ง หลังจากนั้นมือลูบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณเบาๆ ครู่หนึ่ง ใบหน้าจึงฟื้นกลับมามีสีหน้าเย็นชานิ่งสงบ
หนึ่งเค่อให้หลังเมฆดำก้อนหนึ่งก็ลอยมาถึงท้องฟ้าเหนือยอดเขาหลักของนิกายยอดบริสุทธิ์ ปราณดำสลายออกเผยให้เห็นร่างกายของหลิ่วหมิงด้านใน
ทว่าเมื่อเขามองเห็นสภาพรอบด้านชัด เขาก็ตกตะลึงจนร่างหยุดอยู่กลางอากาศ
เวลานี้บนลานกว้างซึ่งทำจากหินเขียวบนยอดเขาเต็มไปด้วยศีรษะคนที่เบียดเสียดกัน มีคนมารวมตัวกันไม่น้อยกว่าหนึ่งพันคนล้อมวิหารไว้จนน้ำไม่อาจลอดผ่าน เรียกได้ว่ามากกว่าวันที่ออกเดินทางไปยังแดนลึกลับประตูสวรรค์เมื่อตอนนั้นอย่างเทียบกันไม่ได้
ดูจากชุดบนร่าง พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นศิษย์สายในของยอดเขาต่างๆ ที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างครึกครื้นราวกับเร่งเดินทางมาตลาดนัดชมดูเรื่องสนุก
“ดูนั่น หลิ่วหมิงแห่งยอดเขาลั่วโยวมาแล้ว!” ไม่นานก็มีคนสังเกตเห็นหลิ่วหมิงที่อยู่กลางท้องฟ้า แล้วตะโกนเสียงดังออกมา
ฝูงชนรอบด้านส่งเสียงฮือฮา ทันใดนั้นสายตาของผู้คนที่นั่นก็พากันมองมา
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ร่างกายขยับวูบเดียวก็เหาะไปยังวิหารของยอดเขาหลัก ทิ้งเสียงเอะอะมากมายไว้ด้านหลัง
“ฮ่าๆ ศิษย์น้องหลิ่วมาถึงแล้วนี่เอง! ไม่พบหน้ากันหลายปี ตั้งแต่จากกันสบายดีนะ!” เวลานี้เองชายหนุ่มผู้สวมชุดสีทองบนร่างคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากด้านในวิหาร เขาหัวเราะขณะที่เดินเข้ามา
“ศิษย์พี่จินนี่เอง!” หลิ่วหมิงเคลื่อนสายตามองจากนั้นก็เหาะลงมา
ชายหนุ่มชุดทองผู้นี้ก็คือจินเทียนชื่อชายหนุ่มลึกลับที่เขาเคยพบมาหลายครั้ง
เมื่อเขากวาดจิตสัมผัสไป บนใบหน้ายิ่งเผยสีหน้าตกตะลึง
บนร่างจินเทียนชื่อเวลานี้มีปราณมหาศาลแต่เก็บงำไว้ เห็นชัดว่าพลังบรรลุแก่นแท้แล้ว!
หลิ่วหมิงพบเจอผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้มาแล้วไม่รู้กี่คน จากประสบการณ์ของเขา แม้จินเทียนชื่อจะจงใจเก็บงำพลังปราณไว้ แต่พลังของเขาไม่ด้อยกว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนใดที่เขาเคยพบแน่นอน
ต้องรู้ว่าเมื่อครั้งนั้นที่คนผู้นี้เข้าร่วมการประลองของสายนอก พลังเพิ่งจะระดับของเหลวจิตวิญญาณ แต่ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่สิบปี เขากลับกระโดดข้ามขั้นใหญ่สองระดับ ฝึกฝนมาจนถึงก้าวนี้ได้
หลิ่วหมิงคิดว่าตนเองฝึกฝนได้เร็วมากมาตลอด แต่เมื่อเทียบกับจินเทียนชื่อกลับไม่นับเป็นอันใดทั้งสิ้น
ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งพิสูจน์การคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ได้ เขาประสานมือถามหยั่งเชิงทันที
“พี่จินเป็นศิษย์ลับจริงเสียด้วย ยินดีด้วยที่วันนี้พลังฟื้นคืนสมบูรณ์แล้ว การเดินทางครั้งนี้ศิษย์พี่น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สินะ?”
“ฮ่าๆ ข้าเพิ่งฟื้นพลังในอดีตกลับมาได้อย่างสมบูรณ์เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เอง เศษซากของโลกบนเป็นโชควาสนาที่ยากจะพานพบ ข้าจึงขอบรรดาผู้อาวุโสของนิกายมาเป็นหนึ่งในสองผู้นำคณะเดินทางของนิกายเรา” หลังจินเทียนชื่อหัวเราะไม่ได้ตอบปฏิเสธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา