‘หลิ่วหมิง’ ที่ไล่ตามมาถูกฝ่ามือมารสีดำโจมตีครั้งเดียวก็สลายไป
มนุษย์ปีศาจตกตะลึงจากนั้นหมุนตัวในทันใด ร่างของหลิ่วหมิงปรากฏตัวห่างไปสองสามจั้งด้านหลัง สองแขนประสานกันพุ่งเข้ามาหาเขา
เสียงฟู่ดังขึ้น
มนุษย์ปีศาจอ้าปากพ่นเพลิงมารสีเขียวลูกหนึ่งออกมา ชั่วพริบตากลายเป็นทะเลเพลิงกลืนร่างของหลิ่วหมิงเข้าไป
แต่กลางเพลิงเขียวที่ลุกโหมมีเพียงหมอกสีดำก้อนหนึ่งสลายไปเท่านั้น คนนี้ก็ยังคงเป็นเงาร่างหนึ่งที่เสกขึ้นมา
“เจ้าเด็กรุ่นหลังถึงกับกล้าหลอกข้ารึ!” มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์เห็นเช่นนี้พลันโกรธจัด
ในเวลานี้เอง เงาดำอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวห่างไปครึ่งจั้งหลังร่างมนุษย์ปีศาจดั่งภูตพราย
หลิ่วหมิงตัวจริงนั่นเอง
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ไม่พูดพร่ำ ร่างกายหมุนเร็วรี่รอบหนึ่ง แขนข้างหนึ่งกวาดขวางไปด้านหลังประหนึ่งเคียว
หลิ่วหมิงก็ไม่พูดพร่ำสองแขนสั่นไหววูบหนึ่งต่อยสองหมัดออกมาดังฟึบๆ
หมัดแรกโจมตีปัดป้องแขนของมนุษย์ปีศาจที่กวาดเข้ามา อีกหมัดหนึ่งแขนฉับพลันขยายใหญ่ ห้านิ้วเสียบเข้าไปในอกมนุษย์ปีศาจประหนึ่งตะขอเหล็กแล้วชักกลับดุจสายฟ้าแลบ
ครู่ต่อมาหลิ่วหมิงก็รู้สึกว่ากลางฝ่ามืออุ่นร้อน ก้อนเนื้อชุ่มเลือดสีดำสนิทขนาดเท่ากำปั้นข้างหนึ่งถูกเขาควักออกมา แต่นั่นกลับไม่ใช่หัวใจที่แท้จริงของมนุษย์ปีศาจ ทำให้เขาอดไม่ได้ตะลึงเล็กน้อย
ในเวลานี้เอง มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ผู้ไม่สนใจความเจ็บปวดสาหัสบนร่างพลันกู่ร้องโหยหวน แขนอีกข้างหนึ่งเลือนหายกลายเป็นเงาแส้เส้นแล้วเส้นเล่าหวดเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรุนแรงราวกับไร้กระดูก
เงาแส้ยังไม่ทันหวดเข้ามาใกล้จริงๆ หูของหลิ่วหมิงก็ได้ยินเสียงกรีดร้องเจ็บปวด
รูม่านตาของหลิ่วหมิงหดเล็กลง ร่างกายพุ่งพรวดถอยออกไปดั่งลูกธนู
เวลานี้มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์เพิ่งหวุดหวิดตั้งร่างมั่นคงได้ บนใบหน้าเผยสีหน้าทุกข์ทรมานเล็กน้อยแล้วก้มศีรษะมองตรงหน้าอกฝั่งขวา
ตรงนั้นมีรูเลือดขนาดเท่าชามข้าวรูหนึ่งอยู่ ไอปีศาจสีดำสายแล้วสายเล่าถมลงไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
“ดูท่า ข้าจะดูถูกเจ้าแล้ว!”
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์แค่นเสียงหยันคำหนึ่ง จากนั้นแหงนหน้าคำรามเป็นเสียงประหลาด ไอปีศาจรุนแรงสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า
ท้องฟ้าที่เดิมทีสีเหลืองขมุกขมัวฉับพลันมีพายุคลั่งลูกหนึ่งเข้าจู่โจม ผืนฟ้าบริเวณหลายลี้กลายเป็นสีเทาดำในพริบตา
ในรูเลือดบนหน้าอกของมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ ปราณดำนับไม่ถ้วนถักทองอกเป็นติ่งเนื้อสีแดงดำเส้นเล็กมากมายเกี่ยวกระหวัดกัน ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจก็ประสานสนิทดังเดิมอย่างสมบูรณ์ ผิวหนังนุ่มเรียบลื่นราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
แม้เป็นเช่นนี้ หลิ่วหมิงก็ยังสัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าปราณของมนุษย์ปีศาจคนนี้ตรงหน้าอ่อนแอลงกว่าเดิมอยู่บ้างแล้ว
ทันใดนั้นมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ก็ท่องมนตร์แล้วโจมตีหนึ่งหมัดเข้าใส่หลิ่วหมิงอย่างรุนแรง
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
ปราณดำก้อนหนึ่งซัดออกมาจากในกำปั้น จากนั้นหมุนเร็วรี่ก่อตัวเป็นเงาสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะของสัตว์หลายชนิดผสมกันและมีเพลิงมารสีดำหุ้มอยู่ตัวหนึ่งโถมตรงเข้ามาหาหลิ่วหมิง ร่างของมันสูงสองถึงสามจั้ง หัวเป็นงู ตัวเป็นวัว บนหัวมีเขาแหลมสีดำคู่หนึ่งและมีท่อนขาหนาล่ำหกข้าง
จุดที่เงาสัตว์ประหลาดพุ่งผ่าน อากาศบริเวณใกล้เคียงล้วนถูกเพลิงมารบนร่างมันแผดเผาจนบิดเบี้ยวพร่าเลือน คลื่นเปลวเพลิงร้อนระอุสีดำวงแล้ววงเล่าซัดออกมาอยู่เลือนราง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดพร่ำมือข้างหนึ่งตบบนหัวไหล่ แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งส่องสว่าง ปล่อยภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนออกมาอีกครั้ง
เงาวัวสีน้ำเงินขนาดมหึมาแหงนหน้ากู่ร้อง
สายลมแรงสีน้ำเงินสายแล้วสายเล่าซัดออกมาจากในปากของมันแล้วถาโถมเข้าใส่สัตว์มารประหลาดที่พุ่งมืดฟ้ามัวดินเข้ามา
เสียงฟู่ดังสนั่น!
จุดที่สายลมแรงสีน้ำเงินพัดผ่าน เพลิงมารสีดำสายแล้วสายเล่าบนร่างสัตว์มารถูกหอบเข้าไปในปากของเชอฮ่วนอย่างรวดเร็ว กระทั่งมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลก็ถูกผลกระทบของสายลมสีน้ำเงินไปด้วย ไอปีศาจรอบร่างถูกดูดไปไม่น้อย
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ตกตะลึงยิ่งนัก เขาถอยหลังไม่หยุดจนหลบพ้นสายลมสีน้ำเงินหลายสายที่พัดตามมาได้อย่างหวุดหวิด
ส่วนเงาสัตว์ประหลาดหลังจากถูกสูบไอปีศาจส่วนใหญ่ไป ร่างกายก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวร่างกายก็เหลือเพียงหนึ่งจั้งกว่า
ในเวลาเดียวกันเงาวัวสีน้ำเงินกลับท่าทางเหมือนกินอิ่ม ร่างกายขยายขนาดขึ้นเกือบเท่าหนึ่ง พร้อมกันนั้นแสงแวววาวในดวงตาก็ลุกโชน อ้าปากใหญ่โตพุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดตัวนั้นกลืนมันลงท้องไปในไม่กี่คำ
“ไม่มีทาง นี่มัน…”
หลังจากมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ประจักษ์กับภาพนี้ก็ตื่นตะลึงอย่างยิ่ง เขากวาดสายตามองเงาวัวสีน้ำเงินอย่างละเอียดอีกหน ทันใดนั้นก็หน้าถอดสียกมือขึ้นแหวกอากาศเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง ไม่พูดพร่ำมุดเข้าไปทันที
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย ร่างกายขยับวูบเดียวพุ่งเร็วรี่ไปฝั่งตรงข้าม
หนึ่งลมหายใจผ่านไป รอยแยกสีดำเส้นหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นกลางอากาศห่างไปร้อยกว่าจั้ง มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์พุ่งออกมาจากด้านใน พร้อมกันนั้นก็ยกมือเตรียมแหวกรอยแยกมิติอีกครั้ง
ขณะที่เขากำลังจะพุ่งเข้าไปอีกหนนั่นเองก็เกิดคลื่นสั่นไหวเบื้องหน้ารอยแยก หลิ่วหมิงปรากฏกายออกมาในทันใด พร้อมกันนั้นหัวไหล่ก็สะบัด เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งพุ่งตามออกมา มันอ้าปากพ่นแสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งล้อมมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา