ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 915

สรุปบท ตอนที่ 915 สายฟ้าเทพปรากฏอีกครั้ง: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 915 สายฟ้าเทพปรากฏอีกครั้ง – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 915 สายฟ้าเทพปรากฏอีกครั้ง ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 915 สายฟ้าเทพปรากฏอีกครั้ง
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง

อสนีบาตห้าสีที่เรียวเล็กประหนึ่งเส้นด้ายพุ่งทะลวงผ่านชุดเกราะไอปีศาจระดับสุดยอดที่ว่าชุดนั้น แล้วโจมตีตรงเข้ามาที่หน้าผากของมนุษย์ปีศาจคนนั้นในพริบตา

มนุษย์ปีศาจผู้นั้นกรีดร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานจากนั้นกลายเป็นขี้เถ้ากองหนึ่ง ไม่เหลือสิ่งใดไว้แม้แต่น้อย

หลังจากอสนีบาตห้าสีเส้นนั้นดีดออกมาก็พุ่งรวดเร็วกลับเข้าไปในค่ายกลอีกครั้งด้วยตนเอง

รอยแยกบนกำแพงอสนีบาตที่มนุษย์ปีศาจผู้นี้ถ่างออกเมื่อไม่มีมนุษย์ปีศาจผู้นั้นคอยค้ำ รอยแยกก็ประสานสนิทดุจเดิมในพริบตาด้วย

คนที่เหลือเห็นเช่นนี้สีหน้าก็ย่ำแย่อย่างยิ่งกันถ้วนหน้าในพริบตา มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเบาออกมาว่า “สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า”

“นี่เป็นไปไม่ได้ สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าคงอยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้เท่านั้น ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีค่ายกลใดชักนำสายฟ้าเทพชนิดนี้ลงมาแล้วเก็บรักษาไว้ด้านในได้” มนุษย์ปีศาจอีกคนหนึ่งพึมพำด้วยสีหน้าคล้ำเขียว

บนใบหน้าของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในก็มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นเช่นกัน แต่ทันใดนั้นนางก็มองหลิ่วหมิงเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง

ต้องรู้ว่าอสนีบาตธรรมดาก็มีฤทธิ์ข่มเผ่าปีศาจกับเผ่ามารไม่น้อยอยู่แล้ว ฤทธิ์ข่มของสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้านี่ยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมาก

หลิ่วหมิงยังคงพรั่นพรึงอยู่ แต่ในใจก็อดไม่ได้หัวเราะฝืดเฝื่อนออกมา

นี่ก็ไม่แปลก ผู้ที่อยู่ตรงนี้มีเพียงตนที่เป็นเผ่ามนุษย์ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ลงมือไปไม่กี่ครั้ง ดูท่าครั้งนี้ไม่ออกโรงคงไม่ได้แล้ว

แต่ที่แห่งนี้ไม่เสียทีเป็นเศษซากของโลกบนจริงๆ ในโลกมนุษย์หายากยิ่งที่จะพบสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าง่ายดายเช่นนี้

“มนุษย์ วิชาลับที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้น่าจะทำให้อสนีบาตอ่อนแรงลงหรือกระทั่งกลืนกินมันได้ คราวนี้เจ้าไปทำลายชั้นจำกัดนี้เสีย” ในที่สุดหญิงสาวผู้สวมชุดนางในก็เอ่ยปากขึ้นอย่างเชื่องช้า

มนุษย์ปีศาจที่เหลือก็พากันพยักหน้าด้วย

“โปรดรอก่อน แม้ข้าจะกระตุ้นวิชาลับภาพสัญลักษณ์ได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะต้านทานสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้านี้ได้อย่างสมบูรณ์ เกรงว่าคงจำเป็นต้องหยิบยืมพลังภายนอกบ้างจึงจะได้” หลิ่วหมิงได้ยินก็อ้าปากตอบทันที

“ไม่เป็นไร ที่ตัวข้ามีชุดเกราะไหมทองป้องกันอสนีบาตตัวหนึ่ง เทียบกับอาวุธมารที่มนุษย์ปีศาจคนนั้นใช้ก่อนหน้านี้แข็งแกร่งกว่าไม่น้อย แล้วก็ยังมีลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบที่อสนีบาตมีต่อร่างกายได้ลูกหนึ่งด้วย ให้เจ้ายืมใช้หนึ่งครั้ง หากขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมออกโรง เช่นนั้นก็คงให้เจ้าเลือกเองไม่ได้แล้ว” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในตอบด้วยเสียงเย็นชา

เอ่ยจบนางก็เรียกชุดเกราะที่ส่องแสงทองเรืองๆ ชุดหนึ่งกับลูกแก้วกลมที่ส่องแสงสีขาวขนาดเท่าโอสถลูกหนึ่งออกมาจากกำไลเก็บของบนท่อนเขน

“สาเหตุที่พวกเราเชิญท่านร่วมเดินทางมาตั้งแต่แรกก็เพื่อรับมือกับชั้นจำกัดประเภทนี้ ถึงเวลาให้สหายหลิ่วแสดงฝีมือแล้วจริงๆ” มนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าหัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยขึ้นบ้าง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมรู้ว่าไม่มีทางเลือกเหลืออีกต่อไป เขาได้แต่หัวเราะเจื่อนตอบรับแล้วยื่นมือรับอาวุธเวทกั้นอสนีบาตสองชิ้นจากมือของหญิงสาวมา

จะว่าไปแล้วเขาก็เคยฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์ กระทั่งสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าของจริงก็เคยผนึกมาแล้ว ผนวกได้วิชาภาพสัญลักษณ์มาเสริม น่าจะไม่มีปัญหามากนัก

หลิ่วหมิงสำรวจอาวุธเวทสองชิ้นเล็กน้อยแล้วจึงสวมชุดเกราะซึ่งทอแสงสีทองลงบนร่าง พร้อมกันนั้นก็กระตุ้นพลังเวทในร่างอย่างเชื่องช้ากรอกเข้าไปในชุดเกราะ

เสียง “เปรี๊ยะ” แผ่วเบาดังออกมา

หลังจากกรอกพลังเวทเข้าไปในชุดเกราะสีทอง เส้นไหมสีทองเล็กละเอียดเส้นแล้วเส้นเล่าบนผิวก็พลันส่องสว่าง จากนั้นผิวชุดเกราะทั้งตัวพลันมีเปลวเพลิงสีทองลุกโชนขึ้นมา พื้นผิวรอบร่างปั่นป่วนเล็กน้อย

หลังจากนั้นเขาก็อมลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตที่ทอแสงสีขาวเรืองๆ ลูกนั้นเข้าไปในปาก

เมื่อลูกแก้วลูกนี้เข้าไปในปาก กระแสธารอุ่นร้อนก็แผ่อบอวลออกมาจากในลูกแก้วกลม ทำให้ผู้ที่ตกเป็นข้าทาสรู้สึกว่าทั้งร่างถูกห่อหุ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่น ผิวหนังทั้งร่างจากหัวจรดเท้าค่อยๆ ทอแสงเรืองๆ ชั้นหนึ่ง

“จากที่ข้าสังเกต ชั้นจำกัดนี้อาศัยสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลเป็นเครื่องป้องกันหลักทำให้คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ได้ หากทำลายลูกแก้วกลมสีทองซึ่งเป็นแกนกลางที่ลอยอยู่ตรงกลางลูกนั้นเสีย ค่ายกลนี้ก็น่าจะสลายไปเอง” มนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าสำรวจค่ายกลอสนีบาตรูปหกเหลี่ยมที่ถูกสายฟ้ารูปอสรพิษสีทองอ่อนล้อมอยู่เพียงชั่วครู่ก็ส่งกระแสจิตเอ่ยกับหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงฟังแล้วก็ยิ้ม ร่างกายขยับวูบเดียวก็พุ่งเข้าใส่กำแพงสายฟ้าสีทองอ่อนทันที

ได้ยินเพียงเสียง “ฟุบ” ดังขึ้นแผ่วเบาครั้งหนึ่ง!

กำแพงอสนีบาตนั่นยังไม่ทันแตะต้องหลิ่วหมิงก็ถูกแสงเปลวเพลิงสีทองที่ผุดขึ้นมาจากชุดเกราะบนร่างเขาแหวกออก เผยให้เห็นช่องว่างพอให้คนหนึ่งคนลอดผ่านไปได้

ผลปรากฏว่าร่างของเขาขยับวูบเดียวก็ทะลวงผ่านช่องว่างตรงเข้าไปถึงในค่ายกลอสนีบาตสีทอง

ทันใดนั้นค่ายกลอสนีบาตทั้งหมดก็ประหนึ่งหม้อระเบิด ด้านในค่ายกลส่งเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างดังสนั่น อสนีบาตสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าโถมคลั่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศรอบด้าน

อสนีบาตสีทองเส้นเล็กทั่วไปเมื่อสัมผัสถูกร่างกายหลิ่วหมิงก็โดนแสงเปลวเพลิงสีทองอ่อนบนชุดเกราะทยอยดีดออกไป ไม่อาจทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อย

อสนีบาตส่วนน้อยที่เส้นหนาและพลังมากอย่างที่สุด แม้ฟาดลงบนชุดเกราะอย่างรุนแรง แต่หลังจากสัมผัสแสงสีทองที่ไหลนวนอยู่บนผิวหนังของเขาก็ถูกดีดออกไปเช่นเดียวกัน

“ลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตช่างสมชื่อเสียจริง!”

หลิ่วหมิงครุ่นคิดเร็วรี่ เขารู้ว่าภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดเวลานี้ของตนก็คือสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ซ่อนอยู่ด้านใน

อสนีบาตห้าสีพุ่งวูบเดียวก็ทะลวงผ่านเงาวัวสีน้ำเงิน มันส่องแสงสว่างวูบหนึ่งแล้วจมลงไปในชุดเกราะสีทอง จากนั้นเสียงเปรี้ยงก็ดังขึ้นหนึ่งหนพร้อมกับที่มันโจมตีลงบนร่างของหลิ่วหมิงอย่างหนักหน่วง

แม้เส้นอสนีบาตห้าสีเวลานี้จะหนาไม่เท่าครึ่งหนึ่งของก่อนหน้านี้ แต่หัวใจของหลิ่วหมิงก็ยังคงเย็นเยียบ เขารู้ว่าตนไม่อาจอาศัยเพียงกายเนื้อกับพลังของลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตทนรับสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่หนาเช่นนี้ได้เด็ดขาด พริบตานั้นเขารู้สึกว่าทั้งร่างร้อนผ่าว เขากัดฟันกรอกพลังเวทเข้าไปยังสัญลักษณ์ตราประทับสายฟ้าบนหน้าอก เปิดผนึกด้านในออกทันที

เสียงแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยินดังออกมาจากในทะเลจิตวิญญาณของหลิ่วหมิง ตราประทับสายฟ้าห้าสีตรงหน้าอกฉับพลันเปล่งแสงจิตวิญญาณห้าสีออกมา

ลูกแก้ว ‘แก่นเสมือน’ ที่ลอยอยู่เหนือทะเลจิตวิญญาณสั่นสะท้านราวกับตอบรับ ด้านในมีเส้นอสนีบาตห้าสีเรียวเล็กดุจเส้นผมเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาในทันใด มันพุ่งวูบเดียวก็ประจันหน้าปะทะกับอสนีบาตห้าสีเส้นหนาเส้นใหม่ที่จมลงมาในร่างของหลิ่วหมิง

เสียงเปรี๊ยะดังหนักหน่วงอยู่พักหนึ่ง สองฝ่ายโรมรันกันจนกลายเป็นก้อนเดียว หลังจากนั้นพวกมันก็หมุนรวดเร็วรอบหนึ่งแล้วกำลังจะระเบิดจนหมดในร่างของหลิ่วหมิง

ทว่าเวลานี้เองสองมือของหลิ่วหมิงก็ตั้งท่าเคล็ดวิชาว่องไวประหนึ่งวงล้อ เสียงอสนีบาตฉับพลันดังสนั่นขึ้นภายนอกร่างกาย อสนีบาตสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏขึ้นพร้อมเสียงดังกึกก้อง ทำให้เขากลายเป็นเหมือนเทพสายฟ้าในพริบตา

ในเวลาเดียวกันนี้ ลูกแก้วแก่นเสมือนในทะเลจิตวิญญาณในร่างหลิ่วหมิงก็เลือนรางหายไป

ครู่ต่อมาผลึกหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดก็ปรากฏขึ้นใกล้กับสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่รวมกันเป็นก้อนอยู่ หลังจากนั้นเส้นไหมแวววาวมากมายถี่ยิบก็บินพุ่งออกมาจากด้านใน หุ้มสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มากก้อนนี้ไว้

สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้ากะพริบวูบวาบอย่างบ้าคลั่งพักหนึ่ง ทันใดนั้นปราณร้อนระอุน่าหวาดกลัววงแล้ววงเล่าก็ระเบิดออกมาจากด้านใน เส้นไหมแวววาวบางส่วนสลายหายไปเป็นความว่างเปล่าในพริบตา

หลิ่วหมิงที่พยายามกระตุ้นวิชาสายฟ้าสวรรค์สุดชีวิตอยู่ด้านนอกสีหน้าซีดเผือด เขาอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาคำหนึ่ง แล้วทันใดนั้นก็คำรามแผ่วเบา ใช้นิ้วจี้ดัชนีออกมา

เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง

โลหิตบริสุทธิ์ที่พ่นออกมากลายเป็นยันต์สีเลือดหลายตัวในพริบตา หลังจากพวกมันบินวนรอบหนึ่งก็ทยอยจมลงไปในตราประทับสายฟ้าห้าสีบนหน้าอกของหลิ่วหมิง

พริบตานั้นเม็ดผลึกที่อยู่ในร่างหลิ่วหมิงก็สั่นไหวรุนแรงขึ้นอีกครั้ง พวกมันกะพริบวูบหนึ่งแล้วปรากฏตัวขึ้นในทะเลจิตวิญญาณอีกหน จากนั้นฝืนดึงรั้งสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ถูกเส้นไหมแวววาวมากมายหุ้มอยู่เข้าไป

“ผนึก”

หลิ่วหมิงคำรามเบาๆ พร้อมกับที่สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชา

ทันใดนั้นผลึกพลังเวทหนึ่งร้อยห้าสิบสามเม็ดในทะเลจิตวิญญาณก็โถมเข้าใส่สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าพร้อมกันแล้วหมุนวนรอบหนึ่ง จากนั้นพวกมันก็ก่อตัวขึ้นเป็นสภาพแก่นเสมือนใหม่อีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา