อสนีบาตห้าสีที่เรียวเล็กประหนึ่งเส้นด้ายพุ่งทะลวงผ่านชุดเกราะไอปีศาจระดับสุดยอดที่ว่าชุดนั้น แล้วโจมตีตรงเข้ามาที่หน้าผากของมนุษย์ปีศาจคนนั้นในพริบตา
มนุษย์ปีศาจผู้นั้นกรีดร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานจากนั้นกลายเป็นขี้เถ้ากองหนึ่ง ไม่เหลือสิ่งใดไว้แม้แต่น้อย
หลังจากอสนีบาตห้าสีเส้นนั้นดีดออกมาก็พุ่งรวดเร็วกลับเข้าไปในค่ายกลอีกครั้งด้วยตนเอง
รอยแยกบนกำแพงอสนีบาตที่มนุษย์ปีศาจผู้นี้ถ่างออกเมื่อไม่มีมนุษย์ปีศาจผู้นั้นคอยค้ำ รอยแยกก็ประสานสนิทดุจเดิมในพริบตาด้วย
คนที่เหลือเห็นเช่นนี้สีหน้าก็ย่ำแย่อย่างยิ่งกันถ้วนหน้าในพริบตา มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเบาออกมาว่า “สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า”
“นี่เป็นไปไม่ได้ สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าคงอยู่เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้เท่านั้น ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีค่ายกลใดชักนำสายฟ้าเทพชนิดนี้ลงมาแล้วเก็บรักษาไว้ด้านในได้” มนุษย์ปีศาจอีกคนหนึ่งพึมพำด้วยสีหน้าคล้ำเขียว
บนใบหน้าของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในก็มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นเช่นกัน แต่ทันใดนั้นนางก็มองหลิ่วหมิงเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง
ต้องรู้ว่าอสนีบาตธรรมดาก็มีฤทธิ์ข่มเผ่าปีศาจกับเผ่ามารไม่น้อยอยู่แล้ว ฤทธิ์ข่มของสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้านี่ยิ่งไม่ต้องพูดอะไรมาก
หลิ่วหมิงยังคงพรั่นพรึงอยู่ แต่ในใจก็อดไม่ได้หัวเราะฝืดเฝื่อนออกมา
นี่ก็ไม่แปลก ผู้ที่อยู่ตรงนี้มีเพียงตนที่เป็นเผ่ามนุษย์ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ลงมือไปไม่กี่ครั้ง ดูท่าครั้งนี้ไม่ออกโรงคงไม่ได้แล้ว
แต่ที่แห่งนี้ไม่เสียทีเป็นเศษซากของโลกบนจริงๆ ในโลกมนุษย์หายากยิ่งที่จะพบสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าง่ายดายเช่นนี้
“มนุษย์ วิชาลับที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้น่าจะทำให้อสนีบาตอ่อนแรงลงหรือกระทั่งกลืนกินมันได้ คราวนี้เจ้าไปทำลายชั้นจำกัดนี้เสีย” ในที่สุดหญิงสาวผู้สวมชุดนางในก็เอ่ยปากขึ้นอย่างเชื่องช้า
มนุษย์ปีศาจที่เหลือก็พากันพยักหน้าด้วย
“โปรดรอก่อน แม้ข้าจะกระตุ้นวิชาลับภาพสัญลักษณ์ได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะต้านทานสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้านี้ได้อย่างสมบูรณ์ เกรงว่าคงจำเป็นต้องหยิบยืมพลังภายนอกบ้างจึงจะได้” หลิ่วหมิงได้ยินก็อ้าปากตอบทันที
“ไม่เป็นไร ที่ตัวข้ามีชุดเกราะไหมทองป้องกันอสนีบาตตัวหนึ่ง เทียบกับอาวุธมารที่มนุษย์ปีศาจคนนั้นใช้ก่อนหน้านี้แข็งแกร่งกว่าไม่น้อย แล้วก็ยังมีลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบที่อสนีบาตมีต่อร่างกายได้ลูกหนึ่งด้วย ให้เจ้ายืมใช้หนึ่งครั้ง หากขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมออกโรง เช่นนั้นก็คงให้เจ้าเลือกเองไม่ได้แล้ว” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในตอบด้วยเสียงเย็นชา
เอ่ยจบนางก็เรียกชุดเกราะที่ส่องแสงทองเรืองๆ ชุดหนึ่งกับลูกแก้วกลมที่ส่องแสงสีขาวขนาดเท่าโอสถลูกหนึ่งออกมาจากกำไลเก็บของบนท่อนเขน
“สาเหตุที่พวกเราเชิญท่านร่วมเดินทางมาตั้งแต่แรกก็เพื่อรับมือกับชั้นจำกัดประเภทนี้ ถึงเวลาให้สหายหลิ่วแสดงฝีมือแล้วจริงๆ” มนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าหัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยขึ้นบ้าง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมรู้ว่าไม่มีทางเลือกเหลืออีกต่อไป เขาได้แต่หัวเราะเจื่อนตอบรับแล้วยื่นมือรับอาวุธเวทกั้นอสนีบาตสองชิ้นจากมือของหญิงสาวมา
จะว่าไปแล้วเขาก็เคยฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์ กระทั่งสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าของจริงก็เคยผนึกมาแล้ว ผนวกได้วิชาภาพสัญลักษณ์มาเสริม น่าจะไม่มีปัญหามากนัก
หลิ่วหมิงสำรวจอาวุธเวทสองชิ้นเล็กน้อยแล้วจึงสวมชุดเกราะซึ่งทอแสงสีทองลงบนร่าง พร้อมกันนั้นก็กระตุ้นพลังเวทในร่างอย่างเชื่องช้ากรอกเข้าไปในชุดเกราะ
เสียง “เปรี๊ยะ” แผ่วเบาดังออกมา
หลังจากกรอกพลังเวทเข้าไปในชุดเกราะสีทอง เส้นไหมสีทองเล็กละเอียดเส้นแล้วเส้นเล่าบนผิวก็พลันส่องสว่าง จากนั้นผิวชุดเกราะทั้งตัวพลันมีเปลวเพลิงสีทองลุกโชนขึ้นมา พื้นผิวรอบร่างปั่นป่วนเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็อมลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตที่ทอแสงสีขาวเรืองๆ ลูกนั้นเข้าไปในปาก
เมื่อลูกแก้วลูกนี้เข้าไปในปาก กระแสธารอุ่นร้อนก็แผ่อบอวลออกมาจากในลูกแก้วกลม ทำให้ผู้ที่ตกเป็นข้าทาสรู้สึกว่าทั้งร่างถูกห่อหุ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่น ผิวหนังทั้งร่างจากหัวจรดเท้าค่อยๆ ทอแสงเรืองๆ ชั้นหนึ่ง
“จากที่ข้าสังเกต ชั้นจำกัดนี้อาศัยสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลเป็นเครื่องป้องกันหลักทำให้คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ได้ หากทำลายลูกแก้วกลมสีทองซึ่งเป็นแกนกลางที่ลอยอยู่ตรงกลางลูกนั้นเสีย ค่ายกลนี้ก็น่าจะสลายไปเอง” มนุษย์ปีศาจผู้เป็นหัวหน้าสำรวจค่ายกลอสนีบาตรูปหกเหลี่ยมที่ถูกสายฟ้ารูปอสรพิษสีทองอ่อนล้อมอยู่เพียงชั่วครู่ก็ส่งกระแสจิตเอ่ยกับหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงฟังแล้วก็ยิ้ม ร่างกายขยับวูบเดียวก็พุ่งเข้าใส่กำแพงสายฟ้าสีทองอ่อนทันที
ได้ยินเพียงเสียง “ฟุบ” ดังขึ้นแผ่วเบาครั้งหนึ่ง!
กำแพงอสนีบาตนั่นยังไม่ทันแตะต้องหลิ่วหมิงก็ถูกแสงเปลวเพลิงสีทองที่ผุดขึ้นมาจากชุดเกราะบนร่างเขาแหวกออก เผยให้เห็นช่องว่างพอให้คนหนึ่งคนลอดผ่านไปได้
ผลปรากฏว่าร่างของเขาขยับวูบเดียวก็ทะลวงผ่านช่องว่างตรงเข้าไปถึงในค่ายกลอสนีบาตสีทอง
ทันใดนั้นค่ายกลอสนีบาตทั้งหมดก็ประหนึ่งหม้อระเบิด ด้านในค่ายกลส่งเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างดังสนั่น อสนีบาตสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าโถมคลั่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศรอบด้าน
อสนีบาตสีทองเส้นเล็กทั่วไปเมื่อสัมผัสถูกร่างกายหลิ่วหมิงก็โดนแสงเปลวเพลิงสีทองอ่อนบนชุดเกราะทยอยดีดออกไป ไม่อาจทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อย
อสนีบาตส่วนน้อยที่เส้นหนาและพลังมากอย่างที่สุด แม้ฟาดลงบนชุดเกราะอย่างรุนแรง แต่หลังจากสัมผัสแสงสีทองที่ไหลนวนอยู่บนผิวหนังของเขาก็ถูกดีดออกไปเช่นเดียวกัน
“ลูกแก้ววิเศษกั้นอสนีบาตช่างสมชื่อเสียจริง!”
หลิ่วหมิงครุ่นคิดเร็วรี่ เขารู้ว่าภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดเวลานี้ของตนก็คือสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าที่ซ่อนอยู่ด้านใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา