ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 917

หลิ่วหมิงรีบถอยออกไปหลายก้าวอย่างพรั่นพรึง ความรู้สึกเจ็บปวดและอาการอึดอัดทั้งร่างมลายหายไปในทันใด เมื่อร่างกายผ่อนคลายลง สิ่งที่มาแทนที่ก็คือยันต์จิตวิญญาณปีศาจแผ่นนั้นในทะเลจิตวิญญาณซึ่งสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกเหมือนว่าจะกดไว้ไม่ได้อีกต่อไป

ในเวลาเดียวกันนี้เสียงบึ๊มหลายครั้งก็ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม!

เศษเลือดเนื้อสีเทาดำชิ้นแล้วชิ้นเล่าร่วงกระจัดกระจายออกมาจากหมอกสีเทาหนาทึบกลางท้องฟ้าตกลงมาเกลื่อนพื้นดิน กลิ่นเหม็นคาวที่ชวนให้คนอยากอาเจียนตลบอบอวลในอากาศ

เมื่อครู่มนุษย์ปีศาจเหล่านั้นระเบิดตนเองกันหมดจริงๆ

ขณะที่หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุดอยู่นั่นเอง เสียงครางก็ดังออกมาจากปากของหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน ขนตายาวกระพือไหว ดวงเนตรงามลืมขึ้นอีกครั้ง

นางกวาดสายตามองหลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้าไม่มีสีหน้าใดแม้แต่นิด แล้วใช้มือข้างหนึ่งยันร่างลุกขึ้นนั่ง ล้วงโอสถสีแดงสดสองเม็ดออกมากลืนลงไปอย่างเร็วไว หลังจากนั้นมือข้างหนึ่งจึงตั้งท่าเคล็ดวิชาเริ่มกระตุ้นฤทธิ์ยาอย่างรวดเร็ว

สตรีนางนี้ได้รับบาดเจ็บจนสีหน้าซีดเผือด แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดตรงกลางหว่างคิ้วจึงมีปราณสีดำชั้นหนึ่งทอแสงออกมา ทว่านางยังคงเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ท่าทางเหมือนกีดกันคนไม่ให้เข้าใกล้

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะฝืดๆ อย่างห้ามไม่ได้

สตรีนางนี้ตั้งแต่ต้นจนจบไม่หันไปมองเลือดเนื้อที่ร่วงกระจัดกระจายของมนุษย์ปีศาจเหล่านั้นเลยสักครั้ง แต่กลับรักษาอาการบาดเจ็บต่อหน้าสิ่งเหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจ ไม่รู้ว่าเป็นคนไม่ใส่ใจหรือว่ามั่นใจในฝีมือจึงไม่กลัว แต่ก็ทำให้เขาอดนับถือไม่ได้อยู่บ้าง

จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่พบหญิงสาวเผ่าปีศาจผู้นี้ ไม่ว่ายามสนทนาปกติหรือเผชิญหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งนางก็ล้วนท่าทางเย็นชานิ่งเฉยดุจภูเขาน้ำแข็งมาตลอด แม้ใบหน้างามล้ำเลิศจะเสริมส่งจนมีเสน่ห์อย่างประหลาดอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับความงามเย้ายวนยามใช้วิชามายากลับแตกต่างราวกับเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นมาเองกับตา เขาไม่มีทางเชื่อว่านี่เป็นคนเดียวกันเด็ดขาด

เพียงแต่เวลานี้ชั้นจำกัดที่สตรีผู้นี้ฝังไว้ในร่างตนยังไม่คลายออก เห็นชัดว่าตนไม่อาจออกไปจากที่แห่งนี้ได้!

หลิ่วหมิงขบคิดในใจดั่งสายฟ้าแลบ มือข้างหนึ่งคลำบนฝักกระบี่ที่ซ่อนอยู่ข้างเอว แววตาที่มองไปยังหญิงสาวมีจิตสังหารเล็กน้อยปรากฏออกมา

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในคล้ายสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากร่างหลิ่วหมิง คิ้วดำจึงเลิกขึ้นเล็กน้อย สายตาทอประกายเย็นเยียบมองมาเช่นเดียวกัน

หลิ่วหมิงหรี่ตาลง ขณะที่เขากำลังคิดจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง

ในไอหมอกอีกด้านหนึ่งก็พลันมีเสียงกรีดร้องประหลาดดังออกมา!

หลิ่วหมิงตกตะลึงเงยหน้ามองทันที จากนั้นก็หน้าถอดสีอย่างห้ามไม่ได้

ไอหมอกสีเทาเขียวหนาทึบกลุ่มนั้นกลางท้องฟ้าฉับพลันปั่นป่วนอย่างรุนแรง ก่อนจะรวมตัวเข้าไปตรงกลางแล้วหดเล็กลงทุกที พริบตาเดียวจากขนาดสิบกว่าจั้งมันก็หดลงจนเหลือเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงสองถึงสามจั้งเท่านั้น

ทันใดนั้นเลือดเนื้อสีเทาดำของมนุษย์ปีศาจที่เดิมร่วงกระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็ขยับขยุกขยิกลอยขึ้นมาประหนึ่งกลับมามีชีวิต แล้วพากันลอยขึ้นฟ้ามุ่งไปรวมตัวกับไอหมอกสีเทาเขียวที่หดเล็กลงด้านบนอย่างรวดเร็ว

ขณะที่เลือดเนื้อของมนุษย์ปีศาจเข้าไปรวมตัวกัน ด้านในไอหมอกก็มีเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร้างดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

หลิ่วหมิงกวาดจิตสัมผัสเพียงครั้งเดียวก็สัมผัสได้เลือนรางว่าท่ามกลางไอหมอกสีเขียวกลุ่มนี้กลางท้องฟ้า เลือดเนื้อของมนุษย์ปีศาจรวมตัวกันเป็นก้อนเนื้อขนาดหนึ่งจั้งกว่าแล้ว นอกจากนี้ยังรวมตัวกันแล้วขยายใหญ่ไม่หยุด กลิ่นอายประหลาดที่แผ่ออกมาพร้อมกันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

“เสแสร้ง”

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในลุกขึ้นยืนทันที นางตบเข้าใส่ไอหมอกกลางท้องฟ้าอย่างไม่ลังเลสักนิด

เสียงฟุบดังขึ้นครั้งหนึ่ง

พลังมหาศาลล่องหนสายหนึ่งฉับพลันซัดออกไป เม็ดทรายปลิวฟุ้งก้อนหินปลิวกระเด็น ทว่าเมื่อมันสัมผัสถูกไอหมอกกลับประหนึ่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในทะเลไม่ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใด

ภาพประหลาดเช่นนี้ทำให้หญิงสาวตกตะลึง บนใบหน้าปรากฏสีหน้าเคร่งเครียดออกมาเป็นครั้งแรก

เวลาเดียวกันนี้ด้านในไอหมอกพลันมีเสียงทุ้มต่ำของหัวหน้ามนุษย์ปีศาจคนนั้นดังออกมา

“หึๆ ไม่เสียทีที่เป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ฟื้นตัวเร็วทีเดียว แต่ถึงโอสถหยกโลหิตนั่นจะมีฤทธิ์ไม่ธรรมดา แต่บนร่างเจ้าต้องพิษลับของเผ่ามารเราแล้ว ชั่วครู่ชั่วยามใช้พลังเวทไม่ได้สักเท่าไรหรอก!”

“ดูท่าชั้นจำกัดที่ฝังไว้ในร่างพวกเจ้าจะถูกทำลายเสียแล้ว เจ้าก็คงไม่ใช่มนุษย์ปีศาจธรรมดาเช่นกันกระมัง?” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในยกแขนกลมกลึงขึ้นกวักเบาๆ คว้าอาภรณ์สีแดงที่ลอยละล่องอยู่ไม่ไกลกลับมาไว้ในมือ พร้อมกันนั้นนางก็จ้องก้อนเนื้อที่ขยับขยุกขยิกไม่หยุดอยู่กลางไอหมอกแล้วเอ่ยถามขึ้นทีละคำ

“เหอะ ข้าคือผู้ใด เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ในเมื่อเจ้าบีบข้าจนต้องใช้วิชานี้ ถ้าเช่นนั้นข้าไม่ตายย่อมไม่เลิกรา” เสียงจากในก้อนเนื้อเย็นยะเยือกยิ่งนัก

สิ้นเสียง กลิ่นเหม็นคาวชวนอาเจียนกับไอปีศาจท่วมท้นก็แผ่ออกมาจากหมอกหนาทึบสีเขียวเทาซัดสาดไปสี่ด้านแปดทิศพร้อมกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา