“ไม่ปิดบังความจริง ข้าชำนาญวิชาซ่อนเร้นอำพราง ใช้ลมหายใจร่วมกับต้นไม้ใบหญ้าได้ ระหว่างที่สหายหลิ่วกับพรรคพวกชิงสมบัติจากในท้องอสูรยักษ์ตัวนั้น ข้าก็ซ่อนตัวเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ มาตลอด ข้าย่อมทราบนามของสหาย” สตรีชุดฟ้ายิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้น
หลิ่วหมิงฟังแล้วในใจก็ตกตะลึงอย่างแท้จริง แต่บนใบหน้าไม่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ต้องรู้ว่าก่อนหน้าที่ทุกคนจะตัดสินใจชิงสมบัติ พวกจินเทียนชื่อกับเยี่ยโจ่งล้วนใช้วิธีการต่างๆ ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบด้านอสูรยักษ์ตัวนั้นแล้ว ตัวเขาเองก็ลอบใช้วิชาอนธการค้นวิญญาณแล้วเช่นกันแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด สตรีนางนี้ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ๆ หลบพ้นสายตาของพวกเขาทั้งหมดได้จริงหรือ?
เขามองประเมินสตรีชุดฟ้าผู้นี้จากหัวจรดเท้า สายตาเย็นเยือกขึ้นเล็กน้อย
“พูดเช่นนี้ ที่เผ่าปีศาจเหล่านั้นลอบจู่โจมพวกเราล้วนเพราะท่านชักนำมาสินะ?”
หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยัน บนร่างมีปราณดำหนาทึบลอยออกมาในทันใด
“นี่หาใช่ไม่ จี๋อิ่งกับคนของเผ่าพยัคฆ์เงินจ้องนิกายเทียนกงอยู่ก่อนแล้ว ข้าเพียงถูกจี๋อิ่งใช้งาน จึงซุ่มซ่อนสอดส่องอยู่ตลอดเท่านั้น นอกจากนี้ทั้งสามคนจากนิกายยอดบริสุทธิ์ของพวกท่านก็ไม่ได้ตายเพราะเหตุนี้ ระหว่างข้ากับท่านจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีความแค้นอันใดให้กล่าวถึง” หญิงสาวชุดฟ้าเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเป็นอริของหลิ่วหมิง นางยังคงกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า
สตรีผู้นี้ก็กล่าวไม่ผิด!
หลิ่วหมิงฟังแล้วสายตาก็ทอประกายวูบหนึ่ง ในที่สุดสีหน้าก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง
“พูดไปแล้ว แม้ข้าจะเป็นคนของเผ่าปีศาจ แต่ข้าก็ไม่ใช่พรรคพวกของผู้ฝึกฝนเผ่าหมาป่าเงาและเผ่าพยัคฆ์เงิน ไม่ทราบสหายหลิ่วมีเวลาฟังข้าอธิบายเพิ่มหรือไม่?” สตรีชุดฟ้าเห็นสีหน้าของหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปสีหน้าก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน นางเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่ชักช้า
หลิ่วหมิงฟังอย่างเงียบๆ ระหว่างที่ต่อสู้ชุลมุนก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้อย่างเฉียบไวว่ากลิ่นอายของสตรีนางนี้แตกต่างกับพวกจี๋อิ่งอย่างเห็นได้ชัด
ปราณปีศาจที่พวกจี๋อิ่งแผ่ออกมาโหดเหี้ยมดุดันเหมือนพยัคฆ์หิวโหยหรือนกนักล่า แต่สตรีนางนี้ลมปราณอ่อนโยนนุ่มนวล แตกต่างจากผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจที่เขาเคยพบก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
แต่อาศัยเพียงจุดนี้เขายังไม่อาจเชื่อคำพูดอีกฝ่ายอย่างแท้จริงแล้วคลายความระแวงที่มีต่อสตรีนางนี้ไปได้
‘หรือเผ่าหมาป่าเงานามจี๋อิ่งผู้นั้นเห็นว่าไล่ตามข้าไม่ทันจึงส่งหลานซือคนนี้มารั้งข้าไว้เพื่อซื้อเวลา?’ หลิ่วหมิงครุ่นคิดในใจดุจสายฟ้าแลบ ทันใดนั้นเขาก็ลงมือท่องมนตร์ลอบใช้วิชาอนธการค้นวิญญาณทันที
อึดใจต่อมาสีหน้าเขากลับตกตะลึง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขาสัมผัสได้ว่ายามนี้จู่ๆ จี๋อิ่งก็เปลี่ยนทิศไล่ตามไปอีกทางหนึ่ง
“ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลถึงจี๋อิ่ง หลายวันนี้ที่เขาไล่ตามสหายมาติดๆ ได้ตลอดก็เพราะข้าใช้วิชาลับของเผ่าข้าจับร่องรอยของสหายไว้ตลอดแล้วรายงานเขา แม้จี๋อิ่งผู้นี้จะมีความเร็วเป็นเอก แต่ตัวเขาเองใช้วิชาลับจำพวกสะกดรอยเช่นนี้ไม่เป็น เมื่อครู่ข้านำเขาไปผิดทิศ ชั่วครู่ชั่วยามเขาไม่มีทางรู้แน่” สตรีชุดฟ้าสายตาทอประกายเล็กน้อยคล้ายมองความในใจของหลิ่วหมิงออก นิ้วเรียวขาวดุจโคนต้นหอมเหน็บเส้นผมเงางามที่ร่วงลงมาข้างหูขึ้นไปเบาๆ นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
หลิ่วหมิงได้ยินย่อมรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เขามองสตรีชุดฟ้านิ่งนานอีกครั้ง จากนั้นมือข้างหนึ่งก็สะบัดค่อยๆ เก็บปราณสีดำบนร่างไป
“คิกๆ สหายเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายจริง ดูท่าข้าจะเลือกไม่ผิด!” สตรีชุดฟ้าเห็นการกระทำของหลิ่วหมิง ดวงเนตรงามก็ทอประกายแล้วหัวเราะคิกคักเอ่ยขึ้นมา
“ท่านมาหาข้า น่าจะไม่ใช่เพื่อคุยกันเฉยๆ กระมัง มีธุระก็พูดธุระออกมาเถอะ” เสียงของหลิ่วหมิงนิ่งสงบอย่างยิ่ง
“ดี ในเมื่อสหายหลิ่วเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าก็จะไม่พูดอ้อมค้อมแล้ว! วันนี้สหายพลังอยู่ในระดับแก่นเสมือน จะเข้าสู่ระดับแก่นแท้คงเป็นเรื่องอีกไม่นานสินะ” สตรีชุดฟ้าเอ่ยออกมาทีละคำด้วยสีหน้าจริงจัง
“คำพูดนี้ของสหายหมายความว่าอย่างไร?” หลิ่วหมิงฉุกคิดอะไรบางอย่าง แต่เอ่ยถามออกมาเหมือนปกติด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ในมือข้ามีผลแก่นแท้วิญญาณอยู่ลูกหนึ่งซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังจิตวิญญาณได้อย่างมาก มีประโยชน์ต่อการผนึกแก่นแท้อย่างที่สุด ข้าอยากใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับสหายหลิ่วสักครั้ง” สตรีชุดฟ้ายิ้มแย้มประหนึ่งกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยไม่ควรค่าเอ่ยถึง
“ผลแก่นแท้วิญญาณ”
หลิ่วหมิงได้ยิน ดวงตาพลันทอประกาย
ผลไม้นี้เขาย่อมเคยได้ยินมาก่อน
กล่าวกันว่าต้นแก่นแท้วิญญาณที่ให้กำเนิดผลไม้ชนิดนี้ต้องอาศัยดูดซับวิญญาณของสิ่งมีชีวิตจึงจะเติบโตขึ้นมาได้ ด้วยเหตุนี้แม้แต่ในยุคโบราณ ผลแก่นแท้วิญญาณก็ยังถูกแผ่นดินหลายแห่งจัดเป็นวัตถุจิตวิญญาณจำพวกโอสถต้องห้าม จนมาถึงปัจจุบันพบได้บางครั้งในตลาดมืดใต้ดินบางแห่งของแผ่นดินจงเทียนเท่านั้น แต่ทุกครั้งล้วนดึงราคาซื้อขายขึ้นสูงจนยากจะจินตนาการ
แต่ผลไม้ลูกนี้กินเข้าไปก็จะเป็นเช่นที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ มันเพิ่มพลังจิตวิญญาณของคนผู้หนึ่งได้ไม่น้อย ทำให้โอกาสผนึกแก่นแท้สำเร็จเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
ผลไม้นี้เป็นโชควาสนาที่ปรารถนาแต่หาไม่ได้ประการหนึ่งสำหรับเขาอย่างแท้จริง
“เจ้าต้องการสิ่งใด” ชั่วครู่หลังจากนั้นหลิ่วหมิงถึงเอ่ยปากอย่างเชื่องช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา