ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 958

ไม่นานหลังจากนั้นหลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินเรียบก้อนใหญ่ในถ้ำขนาดไม่ใหญ่ที่ซ่อนอยู่มิดชิดแห่งหนึ่ง มือก็เล่นลูกแก้วกลมสีเทาสี่ลูกด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ลูกแก้วกลมสี่ลูกหน้าตาเหมือนกันทุกประการ บนผิวสลักสัญลักษณ์ประหลาดเหมือนลวดลายจิตวิญญาณวงแล้ววงเล่าเอาไว้

ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็ถ่ายเทพลังเวทเข้าไปในลูกแก้วกลมลูกหนึ่งในนั้น

ลวดลายสัญลักษณ์บนผิวของลูกแก้วกลมส่องสว่างวูบหนึ่งก็ฉายแสงสีเทาขมุกขมัวออกมาแล้วลอยอยู่กลางฝ่ามือ

จากนั้นเขาถ่ายเทพลังเวทเข้าไปในลูกแก้วกลมสามลูกที่เหลือ ลูกแก้วกลมสี่ลูกลอยขึ้นมาพร้อมกัน ทว่านอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีสิ่งพิเศษอื่นใด และไม่เกิดเขตแดนทรงสี่เหลี่ยมเช่นนั้นอย่างตอนที่จี๋อิ่งใช้

หลิ่วหมิงครุ่นคิดชั่วครู่แล้วยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาแตะเบาๆ บนลูกแก้วกลมเหล่านี้ เปลี่ยนตำแหน่งลูกแก้วกลมทั้งสี่ไม่หยุด

ผลสุดท้ายไม่ว่าจะเรียงลูกแก้วกลมเหล่านี้อย่างไรก็ไม่เกิดสิ่งประหลาดใดขึ้นทั้งสิ้น

“ดูท่าน่าจะต้องใช้วิธีพิเศษบางอย่างถึงจะสร้างเขตแดนขึ้นได้” หลิ่วหมิงจิ๊ปากอย่างเสียดายแล้วพึมพำกับตนเอง

ในเมื่อตอนนี้ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ เขาก็ไม่ดันทุรังต่อ เขาเก็บลูกแก้วกลมทั้งสี่ไปก่อนจะพลิกมือเรียกกำไลเก็บของวงนั้นที่ได้มาจากตัวจี๋อิ่งออกมาแล้วส่งจิตสัมผัสแทรกเข้าไปด้านใน

เขาคิดเช่นนี้แล้วแทรกจิตสัมผัสเข้าไปในกำไลเก็บของ หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่งเขาก็สะบัดมือ ข้าวของกองหนึ่งปรากฏบนพื้นถ้ำ ชั่วขณะหนึ่งทั้งถ้ำอัดแน่นไปด้วยปราณและแสงประหลาดของสมบัติทั้งหลาย

จี๋อิ่งเป็นเผ่าปีศาจชั้นสูงของแผ่นดินหมานฮวง ทรัพย์สมบัติที่ตัวไม่น้อย แค่หินจิตวิญญาณก็ไม่น้อยกว่าสี่ห้าสิบล้าน ข้าวของดีๆ ชิ้นอื่นยิ่งทำให้หลิ่วหมิงมองจนตาลายอยู่บ้าง

ในหมู่ของเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหญ้าจิตวิญญาณ วัสดุจิตวิญญาณรวมไปถึงของที่จี๋อิ่งได้มาจากเศษซากโลกบนแห่งนี้

“ปะการังเจ็ดสี!”

หลิ่วหมิงกวาดสายตาเลื่อนลงแล้วหยุดอยู่บนกิ่งปะการังสีสันลายพร้อยกิ่งหนึ่ง ใบหน้าดีใจอย่างยิ่ง

ไม่นานก่อนหน้านี้เขาพบหญ้าตามวิญญาณอายุพันปีต้นหนึ่งในซากโบราณสถาน เมื่อรวมกับปะการังเจ็ดสีต้นนี้ในมือกับวัตถุดิบจิตวิญญาณเสริมอีกสองสามอย่างเขาก็สามารถปรุงโอสถที่ชื่อว่าโอสถสงบจิตได้

เมื่อปรุงสำเร็จจะช่วยในการผนึกแก่นแท้ได้ในระดับหนึ่ง

จะว่าไปแล้วสูตรของโอสถสงบจิตนี้ในนิกายยอดบริสุทธิ์แพร่หลายอย่างกว้างขวาง ทว่าไม่มีผู้ใดเห็นค่านัก สาเหตุก็เพราะหญ้าตามวิญญาณอายุพันปีกับปะการังเจ็ดสีล้วนเป็นวัตถุดิบจิตวิญญาณที่สาบสูญไปจากแผ่นดินจงเทียนแล้ว

ส่วนวัตถุดิบจิตวิญญาณเสริมชนิดอื่นที่ใช้ปรุงโอสถชนิดนี้นับว่าเป็นของที่พบเห็นได้ทั่วไป หามาไว้ในมือไม่ยาก

หลิ่วหมิงเก็บปะการังเจ็ดสีอย่างระมัดระวังแล้วก็มาดหมายว่าเมื่อออกจากเศษซากโลกบนจะหาโอกาสเปิดเตาปรุงโอสถชนิดนี้ทันที

หญ้าจิตวิญญาณกับหินแร่ที่เหลือล้วนเป็นของหายาก บางส่วนในนั้นหลิ่วหมิงไม่รู้จักด้วยซ้ำ น่าจะเป็นของจากแผ่นดินหมานฮวง

หลังจากเขาแยกประเภทวัตถุดิบจิตวิญญาณเหล่านี้เก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วนพร้อมกับหินจิตวิญญาณแล้ว ข้าวของบนพื้นก็น้อยลงไปค่อนครึ่ง

ข้าวของที่เหลืออยู่คืออาวุธจิตวิญญาณสิบกว่าชิ้น ขวดหยกอีกหลายใบ ตำราหนังอสูรสีเทาขมุกขมัวเล่มหนึ่ง แล้วยังมีหีบสีดำอีกหนึ่งใบซึ่งไม่รู้ว่าด้านในใส่สิ่งใดไว้

ในฐานะที่จี๋อิ่งเป็นผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ขั้นปลาย อาวุธจิตวิญญาณที่พกติดตัวอย่างเลวที่สุดก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด กระทั่งต้นแบบอาวุธเวทก็มีมากถึงสี่ห้าชิ้น

ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คืออาวุธจิตวิญญาณเหล่านี้ล้วนแผ่คลื่นปราณปีศาจระลอกแล้วระลอกเล่า เห็นชัดว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากวิธีการหลอมอาวุธของเผ่าปีศาจ ร่างกายเผ่ามนุษย์ของเขาคงไม่อาจควบคุมได้แม้แต่น้อย

หลังจากพินิจอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เก็บอาวุธจิตวิญญาณเหล่านี้ไป

ในขวดหยกหลายใบนั้นใส่โอสถไว้ พวกนี้ก็ล้วนเป็นโอสถสำหรับผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจ เขาจึงเก็บเข้าไปในแหวนย่อส่วนด้วยเช่นกัน

สุดท้ายเขาจึงเลื่อนสายตาไปมองคัมภีร์หนังอสูรเล่มนั้นกับกล่องสีดำ

“เอ๋!”

สายตาของหลิ่วหมิงหยุดอยู่บนกล่องสีดำ ของสิ่งนี้แผ่ปราณปีศาจจางๆ ออกมา

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเปิดกล่องออกก็เห็นไข่มุกใสขนาดเท่าหัวแม่มือเม็ดหนึ่ง ด้านข้างมีคัมภีร์หยกสีดำเล่มหนึ่งอยู่

หลิ่วหมิงหยิบคัมภีร์หยกขึ้นแนบกับหน้าผาก ครู่หนึ่งหลังจากนั้นก็เอาลงมา

“ที่แท้เป็นมุกผลึกมารเม็ดหนึ่ง…” นิ้วของหลิ่วหมิงคลึงไข่มุกใสขณะที่มุ่นคิ้ว

มุกผลึกมารเป็นของจากแผ่นดินว่านหมัว เป็นสิ่งที่ใช้แยกแยะไอปีศาจชนิดต่างๆ ในเวลาเดียวกันยังใช้ตรวจสอบพรสวรรค์ของมนุษย์ปีศาจแต่ละคนด้วยว่าดีหรือเลว เหมือนกับการตรวจสอบชีพจรจิตวิญญาณของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์

เวลานี้หลิ่วหมิงถือมุกผลึกมารไว้ มันก็ทอแสงสีดำเรืองๆ ด้านใน

นี่น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยกลายร่างเป็นมนุษย์ปีศาจหลายครั้ง ในร่างจึงมีไอปีศาจสะสมอยู่บ้าง

“ของสิ่งนี้น่าจะเป็นของที่จี๋อิ่งได้มาจากการสังหารมนุษย์ปีศาจคนไหนสักคนกระมัง ที่แผ่นดินจงเทียนนับว่าเป็นของหายากอย่างที่สุด” ในใจหลิ่วหมิงครุ่นคิดเช่นนี้แล้วเก็บไข่มุกเข้าไปในแหวนย่อส่วน แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เรียกมุกผลึกมารออกมาอีกครั้งแล้วเก็บไว้กับตัว

แม้มุกผลึกมารนี่ไม่ใช่อาวุธ แต่มันไวต่อไอปีศาจ หลังจากนี้บางทีอาจมีเวลาที่ใช้ประโยชน์ได้

จากนั้นหลิ่วหมิงจึงถือคัมภีร์หนังอสูรเล่มนั้นขึ้นมาเปิดอ่านคร่าวๆ

นี่คือคัมภีร์ของผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจเล่มหนึ่งชื่อว่า ‘คัมภีร์เจินหลิง’ จากที่บันทึกไว้ด้านใน คัมภีร์นี้เป็นของตกทอดมาจาก ‘ท่านเจินหลิงอิ่ง’ บรรพบุรุษของเผ่าหมาป่าเงาบนแผ่นดินหมานฮวงเมื่อหลายหมื่นปีก่อน

‘คัมภีร์เจินหลิง’ เล่มนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนคือส่วนหน้ากับส่วนหลัง ส่วนหน้าบันทึกวิชาที่มีพลังแข็งแกร่งหลายวิชาของผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจไว้ วิชาที่จี๋อิ่งฝึกฝนก็น่าจะเป็นวิชาที่ชื่อ ‘เคล็ดวิชาเงาพราย’ ซึ่งถูกบันทึกไว้ด้านใน

วิชาเหล่านี้ล้วนฝึกฝนร่างกายเป็นหลัก บางวิชาด้านในมีวิธีคิดพิสดารที่ทำให้หลิ่วหมิงเปิดโลกอย่างยิ่ง

ทว่ายามนี้เขาฝึกฝนวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬแล้ว วิชาของผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านี้ต่อให้ยอดเยี่ยมอีกเท่าใด เขาก็ไม่โง่ไปเริ่มฝึกฝนใหม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา