ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจที่เหลือต่างก็พากันพยักหน้ายิ้มน้อยๆ ให้หลิ่วหมิงด้วย
อย่างไรพลังที่หลิ่วหมิงแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ก็เพียงพอให้ปีศาจเหล่านี้ชื่นชมแล้ว
เมื่อผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเริ่มจัดคนขึ้นประลองรอบต่อไป ความสนใจของทุกคนก็ย้ายไปที่อื่นอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เองคิ้วของหลิ่วหมิงพลันขมวดเล็กน้อย แขนเสื้อมือขวาสะบัดเบาๆ มุกกลมเม็ดหนึ่งกลิ้งลงมากลางฝ่ามืออย่างเงียบเชียบ มุกผลึกมารนั่นเอง
เวลานี้ผิวของมุกผลึกมารมีสีดำสนิท
หลิ่วหมิงก้มศีรษะกวาดตามอง รูม่านตาหดเล็กลงเล็กน้อย ฝ่ามือสะบัดครั้งหนึ่งมุกผลึกมารก็กลับเข้าไปในแขนเสื้อ ทว่าบนใบหน้ากลับแสร้งทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เผ่าปีศาจฝั่งตรงข้ามชนะติดกันสองรอบย่อมฮึกเหิม สายตาที่พวกเขามองมาทางเผ่ามนุษย์ล้วนเต็มไปด้วยความดูแคลนและท้าทาย ตรงกันข้ามกับเผ่ามนุษย์ฝั่งนี้ที่บรรยากาศอึมครึมไปชั่วขณะ
“งานไม่สมควรชักช้า เริ่มประลองรอบที่สามเดี๋ยวนี้เลยเถอะ!”
หลังจากที่บุรุษกำยำผิวดำของเผ่าหมีเถื่อนตะโกนเสียงดัง ผู้ฝึกฝนเผ่าอินทรีทะลวงรูปร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดสีเทาตนหนึ่งก็ขยับร่างหายตัวมาปรากฏกายบนท้องฟ้า สายตาแฝงแววเย้ยหยันและดูถูกอย่างเห็นได้ชัดกวาดมองผู้คนเผ่ามนุษย์
แม้ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจตนนี้จะพลังเพียงระดับแก่นเสมือน แต่กลิ่นอายของพลังปีศาจที่แผ่ออกมาจากร่างเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าปีศาจหมีผู้มีรอยแผลดาบที่ออกศึกตนแรกสุดอยู่หลายส่วน
ผู้คนของเผ่ามนุษย์มองหน้ากันพักหนึ่ง แม้ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนจะบอกแล้วว่าการประลองครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องสู้แลกชีวิต เพียงต้านไว้ให้ได้จนสัญลักษณ์เคลื่อนย้ายประทับเสร็จสมบูรณ์ก็พอ แต่หากขึ้นประลองแพ้ก็เสียหน้าเกินจะรับไหวอยู่บ้าง
“รอบนี้ ข้าออกศึกเองแล้วกัน” เสียงหญิงสาวดังขึ้นทำลายความเงียบ อู่หงหญิงสาวผิวดำก้าวออกมาก้าวหนึ่ง
“สหายอู่พยายามให้เต็มที่แต่ต้องระวังให้มาก” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเห็นเช่นนี้ก็ไม่คัดค้าน เพียงกำชับเสียงเบาหนึ่งประโยค
อู่หงพยักหน้า แสงสีเขียวหยกดวงหนึ่งหุ้มร่างนางแล้วบินพุ่งออกไป มันส่องสว่างวูบหนึ่งก่อนจะร่อนลงเบื้องหน้าผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทา
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทามองอู่หงที่อยู่ไม่ไกลด้านหน้า แล้วกวาดสายตามองพวกผู้ฝึกฝนแซ่ซุนที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงประหลาด
“ถึงกับส่งสตรีนางหนึ่งออกมาสู้ พวกเจ้าผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์เหล่านี้คงจะหมดลูกเล่นแล้วสินะ!”
คำนี้เอ่ยออกมา ปีศาจทั้งหลายด้านหลังหัวเราะดังครืน
“ในเมื่อท่านเอ่ยวาจาโอหัง ข้าก็อยากดูซิว่าพลังของท่านจะร้ายกาจเหมือนวาจาหรือไม่!” ดวงตาของอู่หงทอประกายเย็นเยียบ จากนั้นปากพลันท่องมนตร์แล้วอ้าปากพ่นเส้นไหมสีฟ้าเรียวเล็กเส้นหนึ่งออกมากลายเป็นคางคกน้ำแข็งสีฟ้าขนาดเท่าตึกตัวหนึ่งในพริบตา มันกระทืบสองเท้ากับพื้นกระโดดเข้าใส่ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาเบื้องหน้า
ความเร็วของคางคกน้ำแข็งไม่เร็วนัก แต่จุดที่พุ่งผ่านจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งแวววาวเล็กละเอียดไม่น้อย ทิ้งรอยสีขาวไว้เป็นทางกลางอากาศ
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาเห็นเช่นนี้ ในดวงตาจึงฉายแววเย้ยหยันจางๆ ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่งหายไปจากที่เดิม
คางคกน้ำแข็งสีฟ้าตะครุบพลาดเป้าก็มึนงงเล็กน้อย
เงาคนขยับวูบไหว ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาฉับพลันปรากฏตัวด้านหลังอู่หง ฝ่ามือขยับวูบเดียวกลายเป็นกรงเล็บอินทรีอันดุร้ายข้างหนึ่งตวัดผ่านตำแหน่งทะเลจิตวิญญาณบริเวณเอวของอู่หงดุจสายฟ้าแลบ
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาเป็นผู้ฝึกฝนของเผ่าอินทรีทะลวง ไม่เพียงกระบวนท่าเร็วไม่ธรรมดา รูปแบบการต่อสู้ก็คล้ายคลึงกับบุรุษจมูกอินทรีอยู่บ้าง ทันทีที่ลงมือก็เล่นงานจุดสำคัญของผู้อื่น อู่หงกลับไม่ได้หันหลังไปมอง สองแขนนางสะบัดครั้งหนึ่ง กำไลสีเขียวหยกสองวงที่สวมอยู่บนข้อมือก็ลอยหลุดออกจากมือ จากนั้นแยกกันลอยอยู่ด้านบนกับด้านล่าง เหนือศีรษะกับใต้เท้าของนาง แสงสีเขียวสว่างจ้า เพียงครู่เดียวก็ก่อตัวเป็นเกราะป้องกันสีเขียวรูปไข่ไก่อันหนึ่งปกป้องทั้งร่างของนางไว้ด้านใน
“ปัง!”
กรงเล็บอินทรีของผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาขยุ้มลงบนเกราะป้องกันอย่างรุนแรง จุดที่ถูกตะปบยุบเข้าไป แต่ไม่อาจโจมตีทะลุได้สักนิด
อึดใจต่อมาพลังอ่อนนุ่มยืดหยุ่นสายหนึ่งพลันเด้งกลับมาตามรอยยุบบนเกราะป้องกันที่คืนสภาพ ดีดผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาที่ยังไม่ทันตอบสนองปลิวออกไป
ในตอนนี้เองอู่หงพลันหมุนตัวดุจสายฟ้าแลบ สองมือใช้เคล็ดวิชาอย่างต่อเนื่องแล้วจี้ดัชนีบนอากาศด้านบนและด้านล่าง
“วิ้ง!”
กำไลกลมสองวงเหนือศีรษะกับใต้เท้าหญิงสาวผู้นี้หมุนวนอย่างเร็วไวในทันใด เส้นไหมเรียวเล็กสีเขียวสายแล้วสายเล่าบินพุ่งออกมาจากด้านในกลายเป็นตาข่ายเส้นไหมสีเขียวขนาดมหึมาผืนหนึ่งในพริบตา จากนั้นฉวยโอกาสตอนที่ผู้ฝีกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาร่างกายไม่มั่นคงครอบลงมาบนหัวอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด ทว่าเวลานี้จะหลบก็สายไปสักหน่อยแล้ว
เขาส่งเสียงท่องมนตร์ดังเบาไม่เท่ากันออกมาหลายประโยค แสงสีเงินสว่างวูบบนร่าง หอกตะขอสีเงินที่มีลวดลายจิตวิญญาณแปลกประหลาดแผ่อยู่ทั่วสองเล่มบินออกมา มันโต้ลมพริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า หลังจากพาดไขว้กันขวางอยู่เหนือศีรษะพลันเกิดเสียงดัง “เปรี้ยง” ค้ำตาข่ายไหมสีเขียวที่ร่วงลงมาเอาไว้
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาฉวยโอกาสกลายเป็นแสงสีเทาสายหนึ่งบินหนีออกไป
อู่หงเห็นเช่นนี้พลันตวาดเสียงหวาน สองมือพร่าเลือนพักหนึ่ง ประสานท่ามือประหลาดนานาชนิดส่งยันต์สีเขียวตัวแล้วตัวเล่าพุ่งลงบนกำไลกลมสีเขียวหยกด้านบนกับด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“ฟึบ!”
พริบตาเดียวตาข่ายไหมสีเขียวด้านหน้าพลันรวบเข้าหากันหุ้มหอกตะขอสีเงินไว้ด้านใน
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทาเพิ่งตั้งหลักได้ห่างไปสิบกว่าจั้ง ทันทีที่หันกลับมาหน้าก็ถอดสีในทันใด
กำไลกลมที่แยกอยู่ด้านบนกับด้านล่างของอู่หงบินวนแผ่เส้นไหมสีเขียวเส้นแล้วเส้นเล่าออกมารัดหอกตะขอสีเงินสองเล่มทบแล้วทบเล่าจนกลายเป็นรังไหมที่ทอแสงสีเขียวเรืองรองก้อนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจชุดเทารีบใช้เคล็ดวิชา คิดจะบังคับหอกตะขอให้สลัดหลุดจากพันธนาการ
หอกตะขอทั้งสองเล่มในรังไหมเปล่งแสงสีเงินเจิดจ้า ทว่าเส้นไหมเรียวเล็กที่รัดพันอยู่กลับทนทานอย่างยิ่ง ไม่ว่าหอกตะขอจะสั่นไหวรุนแรงเท่าใดก็สลัดไม่หลุดแม้แต่น้อย
“พี่อิง ปีศาจในเผ่าของท่านตนนั้นสภาพดูไม่ค่อยดีนะ” บุรุษกำยำผิวดำหัวหน้าของเผ่าหมีหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นแฝงความเย้ยหยันอยู่บ้าง
“เหอะ อิงเจินดูถูกศัตรูเกินไป ผู้ฝึกฝนหญิงเผ่ามนุษย์คนนั้นเห็นชัดว่าแค่หลอกให้เขาเข้าใกล้ แต่เวลานี้เขาก็เพียงตกเป็นรองเล็กน้อยเท่านั้น แพ้ชนะสุดท้ายยังตัดสินไม่ได้หรอก” บุรุษจมูกอินทรีใบหน้าถมึงทึง เอ่ยอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา