สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจเจ็ดตนที่ยกพลมาอย่างทรงพลัง ทุกคนก็เคลื่อนสายตามองไปทางผู้ฝึกฝนแซ่ซุน
“ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แต่เวลานี้หากถอย อีกฝ่ายคงไม่มีทางปล่อยพวกเราจากไปเช่นนี้แน่ แล้วยังเท่ากับเป็นการประเคนสมบัติในที่แห่งนี้ให้ผู้อื่น แทนที่จะเป็นเช่นนั้นต่อสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยดีกว่า พวกเราก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสชนะ!” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก็ส่งกระแสจิตบอกทุกคนทันที
เมื่อคำนี้เอ่ยออกมา ผู้คนที่เดิมทีตกใจและงุนงงอยู่เล็กน้อยก็รู้สึกว่ามีเหตุผลยิ่ง ในใจเกิดไฟสู้ขึ้นมาทันที
ระดับพลังเลื่อนมาถึงขั้นนี้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนเคยล้มลุกคลุมคลานผ่านความเป็นความตายมาแล้วทั้งสิ้น พวกเขาย่อมเข้าใจหลักการที่ว่าอยากได้โชคลาภต้องเสี่ยงอันตราย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็พรูลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วถอยหลังอย่างเงียบเชียบไปอยู่ที่ขอบของกลุ่มคน
เวลาเพียงชั่วครู่นี้ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจเจ็ดคนก็เข้ามาใกล้ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์แล้ว
ชายหนุ่มแซ่หลี่กับผู้ฝึกฝนชุดขาวจากนิกายปีศาจลี้ลับสบตากันครั้งหนึ่งแล้วยกแขนขึ้นพร้อมกัน รุ้งน่าตะลึงสีฟ้ากับสีดำสองสายพุ่งเร็วรี่ตรงเข้าใส่กลุ่มหมอกสีเทาที่พุ่งมาเร็วสุด บุรุษจมูกอินทรีผู้นั้นนั่นเอง
บุรุษจมูกอินทรีเวลานี้ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ขนนกสีเทาแต่ละเส้นทั่วร่างตั้งชัน ศีรษะกลายเป็นหัวนกอินทรี หมอกสีเทาที่ล้อมตัวเขาอยู่ก่อตัวเป็นรูปอินทรียักษ์ตัวหนึ่ง
“สยงเยวี่ย ข้าจะถ่วงเวลาคนแซ่ซุนคนนั้นไว้ คนอื่นยกให้เจ้า!”
บุรุษจมูกอินทรีผู้อยู่ในสภาพครึ่งปีศาจไม่สนใจอาวุธจิตวิญญาณที่บินพุ่งเข้ามาสองชิ้นนั้นอย่างสิ้นเชิง เขาเอ่ยเสียงเย็นชาประโยคหนึ่งแล้วเปลี่ยนทิศกลางอากาศพุ่งผ่านรุ้งยาวสองสายไปด้วยมุมอันน่าเหลือเชื่อ ตรงดิ่งเข้าไปหาผู้ฝึกฝนแซ่ซุนทันที
“พี่อิงท่านวางใจได้ คอยดูข้าจะฉีกพวกกระจอกพวกนั้นเป็นชิ้นๆ!” ใจกลางไอหมอกสีเหลือง สยงเยวี่ยที่กลายสภาพเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เป็นหมียักษ์สูงสี่ถึงห้าจั้งตัวหนึ่งคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนขยับริมฝีปากขมุบขมิบสั่งทุกคนสองสามประโยคอย่างรวดเร็วแล้วกวักมือข้างหนึ่งเรียกพู่กันหยกกลับมา จากนั้นสองมือประกบกันตรงหน้าอก เปลวเพลิงสีขาวผืนหนึ่งแผ่ออกมาจากปลายพู่กันกลายเป็นเงาพยัคฆ์สีขาวขนาดมหึมาตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่บุรุษจมูกอินทรีในพริบตา
“บึ๊มๆ” เสียงปะทะกันดังขึ้นไม่หยุด!
กลางท้องฟ้าปรากฏภาพพยัคฆ์โรมรันกับอินทรี
อีกด้านหนึ่งสยงเยวี่ยที่กลายร่างแล้วพาปีศาจที่เหลืออีกห้าตน พุ่งเข้าไปกลางกลุ่มผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์
หมียักษ์สีน้ำตาลร่างแปลงของสยงเยวี่ยยืนสองขาแล้วตวัดอุ้งเท้าหมีอันกำยำ เพียงครั้งเดียวก็ฉีกศิษย์สำนักเฮ่าหรานที่ตั้งตัวไม่ทันคนหนึ่งด้านข้างเป็นสองซีก
ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจหมีเถื่อนกับเผ่าอินทรีทะลวงห้าตนที่เหลือล้วนกำลังใจฮึกเหิม ต่างพากันกลายร่างเป็นสภาพครึ่งปีศาจกับปีศาจเต็มตัว เข้าต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ด้วย
สถานที่แห่งนั้นฉับพลันเต็มไปด้วยคาวเลือด เสียงเข่นฆ่าดังขึ้นรอบด้าน
หลังจากอู่หงถูกฝ่ามือของสยงเยวี่ยโจมตีจากไกลๆ จนปลิวออกไป นางก็ขยับร่างอย่างตกตะลึงและเกรี้ยวกราดมาปรากฏตัวตรงหน้าหลิ่วหมิงแล้วส่งกระแสจิตเอ่ยอย่างรวดเร็ว
“สหายหลิ่ว ข้ากับเจ้าสองคนร่วมมือกันถ่วงเวลาปีศาจตนนี้ดีหรือไม่ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงถูกเขาสังหารทีละคน”
“ก็ดี”
หลิ่วหมิงฟังแล้วครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ก็พยักหน้าตกลง เขาตวาดลั่นคำหนึ่ง ไอหมอกสีดำพวยพุ่งทะลักออกมารอบร่าง เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังก้องท้องนภาก่อนที่มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกสีดำห้าตัวจะพุ่งเร็วรี่ออกจากแผ่นหลังโถมเข้าใส่สยงเยวี่ยที่กำลังสังหารอย่างเมามันอยู่ไม่ไกล
“ลูกไม้กระจอก” สยงเยวี่ยเพิ่งตะปบดาบบินของผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเป็นสองท่อน เมื่อเห็นภาพนี้ก็หัวเราะคลุ้มคลั่ง อุ้งเท้าหมีหนาอีกข้างหนึ่งตบเข้าใส่หลิ่วหมิง
“เปรี้ยง” เงาอุ้งเท้าขนาดเท่าบ้านข้างหนึ่งตบมังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกจนถอยไปสิ้นในทันใด
“คุกมืด!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันจี้ดัชนีใส่อากาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกสลายกลายเป็นแสงสีดำเต็มฟ้าม้วนตัวกลับมาล้อมสยงเยวี่ยผู้ไม่ทันป้องกันเข้าไปด้านในทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ดวงหน้างามของอู่หงก็เคร่งขรึม แขนเสื้อยกขึ้น แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจมเข้าไปในคุกมืดทันที
ทันใดนั้นเสียงคำรามรวมถึงเสียงระเบิดเปรี้ยงปร้างก็ดังออกมาจากในลูกบอลแสงสีดำของคุกมืด
ผู้คนที่อยู่ด้านข้างเห็นพวกหลิ่วหมิงสองคนลงมือขังสยงเยวี่ยไว้ได้อย่างราบรื่นดุจสายฟ้าแลบ ก็พยายามล้อมจัดการผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจห้าคนที่เหลือบ้าง
แต่เวลานี้ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจที่เหลือซึ่งก่อนหน้านี้หนีไปโถมกลับมาร่วมวงต่อสู้แล้ว การต่อสู้จึงชุลมุนในทันใด
“ไม่ประมาณกำลังตน!”
ผ่านไปเพียงสามสี่ลมหายใจ เสียงคำรามทุ้มต่ำเกรี้ยวกราดก็ดังออกมาจากในลูกบอลแสงสีดำ
“ฟึบ” “ฟึบ” ทันใดนั้นกรงเล็บยักษ์สีเหลืองสองข้างก็ยื่นออกมาจากแสงสีดำ กรงเล็บคมกริบแผ่ปราณเย็นเยียบน่าขนลุก เมื่อมันแยกออกมาจากกัน ลูกบอลแสงยักษ์พลันถูกฉีกกระจุยกลายเป็นละอองแสงสีดำจุดแล้วจุดเล่าสลายไป เผยร่างของสยงเยวี่ยที่ถูกขังอยู่ด้านใน
ในปากเขาคาบเข็มสีเงินเรียวเล็กเล่มหนึ่งไว้ เมื่อเขาอ้าปากถ่มส่งๆ ไปด้านข้าง เส้นไหมสีดำเส้นหนึ่งก็กะพริบจมหายไปในพื้นดินใกล้ๆ
“ฝีมือแค่นี้ก็คิดจะทำร้ายข้า น่าขันจริง!” สยงเยวี่ยหัวเราะหยันอย่างดูแคลน ร่างกายขยับวูบเดียวพุ่งตรงมาที่พวกหลิ่วหมิงสองคนอยู่อย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงกับอู่หงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างจนปัญญา ได้แต่ร่วมมือกันเข้าไปประจันหน้าอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา