เมื่ออสรพิษน้อยสีเลือดตัวแล้วตัวเล่าเข้าไปในร่าง บาดแผลบนร่างผู้ฝึกฝนแซ่ซุนก็สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เจ้าเป็นผู้ฝึกฝนสายโลหิต ทุกสิ่งที่นี่ล้วนเป็นฝีมือเจ้า!” สยงเยวี่ยที่อยู่ไม่ไกลเห็นเช่นนี้แรกสุดตกตะลึง จากนั้นก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
บุรุษจมูกอินทรีที่อยู่ด้านข้างก็หน้าเขียวเช่นกัน
“ฮ่าๆ พวกเจ้ารู้ช้าเกินไปแล้ว!” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนหัวเราะคลุ้มคลั่งอย่างเหี้ยมโหด ประกายแสงสีเลือดสว่างวาบในดวงตา
เสายักษ์สีเลือดเจ็ดต้นรอบด้านเปล่งแสงสีโลหิตออกมาในทันใด บนผิวเริ่มปรากฏยันต์สีขาวขนาดครึ่งจั้งดวงหนึ่งลอยออกมา ยิ่งโลหิตบริสุทธิ์ทะลักเข้าไปไม่หยุด ยันต์ก็ยิ่งกลายเป็นสีแดงสดเหมือนจะหยดออกมาได้
“นี่มันการสังเวยโลหิต รีบหยุดเขา!”
บุรุษจมูกอินทรีผู้นั้นเห็นสถานการณ์พลันตะโกนเสียงดัง พร้อมกันนั้นปราณปีศาจทั่วร่างก็พวยพุ่งออกมากลายเป็นขนนกสีเทาทั่วฟ้าแล้วพุ่งเร็วรี่ออกไป
“โฮก!”
สยงเยวี่ยแหงนหน้าคำรามเกรี้ยวกราด เงาหมียักษ์ตัวหนึ่งก่อตัวขึ้นด้านหลังเขาแล้วกระโจนเข้าใส่ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน
“เหอะ! โลหิตบริสุทธิ์กว่าครึ่งถูกสูบจนแห้งไปแล้วยังคิดฝืนสร้างร่างจำแลงอีก รนหาที่ตายแท้ๆ ก็ดีข้าจะเอาโลหิตบริสุทธิ์ของพวกเจ้าสองตนมาทำให้การสังเวยโลหิตสมบูรณ์เอง” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนแค่นเสียงหยัน จากนั้นแสงสีเลือดก็พุ่งออกมาจากทั่วร่าง
ขนนกสีเทาเต็มฟ้ากับเงาหมียักษ์สีเทาสัมผัสแสงสีเลือดเพียงนิดเดียวก็ทยอยสลาย
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนที่อยู่กลางแสงสีเลือดกวักมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้นคนหนึ่งก็ลอยขึ้นมา โลหิตบริสุทธิ์ทั่วร่างพุ่งเร็วรี่ออกมาราวกับห่าฝน คนกลายเป็นร่างแห้งๆ ภายในพริบตา
โลหิตบริสุทธิ์ที่พุ่งออกมานั่นก่อตัวเป็นธารโลหิตสายแล้วสายเล่ากลางอากาศ ก่อนที่จะถูกผู้ฝึกฝนแซ่ซุนสูดเข้าไปในปาก
“รสชาติดีจริง!”
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเลียมุมปาก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม
“เจ้า เจ้าไม่ใช่ศิษย์พี่ซุน ศิษย์พี่ซุนใช้วิชาสายโลหิตไม่เป็นแม้แต่น้อย เจ้าเป็นใครกันแน่” ศิษย์สำนักเฮ่าหรานคนหนึ่งที่อยู่บนพื้นเห็นเช่นนี้พลันร้องลั่นราวกับเห็นผี
ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนอื่นเช่นอู่หงเป็นต้นเห็นทุกสิ่งนี้กับตาก็ล้วนตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกัน แต่เวลานี้พวกเขาร่างกายอ่อนยวบแนบติดอยู่กับพื้น ไม่อาจกระดิกได้แม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ ข้าเป็นใคร ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่ซุนของพวกเจ้าน่ะสิ!” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายขยับวูบเดียวมาโผล่ข้างกายสยงเยวี่ย มือข้างหนึ่งตะปบกรงเล็บกลางอากาศ ฝ่ามือสีเลือดใหญ่เต็มฟ้าข้างหนึ่งก่อตัวขึ้นแล้วตบลงมาดังกึกก้อง
สยงเยวี่ยต่อสู้ศึกใหญ่มาเดิมทีก็เสียพลังเวทไปไม่หยุดอยู่แล้ว โลหิตบริสุทธิ์ทั่วร่างยังถูกสูบไปเกินกว่าครึ่ง เวลานี้ถูกฝ่ามือยักษ์สีเลือดตบเข้าทีหนึ่ง ถึงแม้เขาจะคำรามบ้าคลั่งพร้อมเหวี่ยงอุ้งเท้าสองข้างต้านรับแต่ก็ยังถูกตบดัง “เปรี้ยง” แล้วปลิวออกไป ร่างกายที่สูงห้าหกจ้างถูกหมอกโลหิตสายหนึ่งม้วนหุ้มไว้ในพริบตา
“พรวด!” “พรวด!”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น โลหิตหนาเท่านิ้วมือสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากผิวของสยงเยวี่ยแล้วทยอยจมลงไปในเสายักษ์สีเลือดเจ็ดต้น
เลือดเนื้อและโลหิตบริสุทธิ์ทั้งร่างของปีศาจหมีระดับแก่นแท้ตัวนี้ถูกกลืนอย่างเร็วไวจนผอมซูบ พริบตาเดียวเหลือเพียงหนังหมีบางๆ แผ่นหนึ่ง
หลังจากสูบโลหิตบริสุทธิ์ของสยงเยวี่ยไปแล้ว ยันต์บนเสายักษ์สีแดงเจ็ดต้นก็กลายเป็นสีแดงก่ำเกินครึ่ง
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเบ้ปาก เหาะไปหาบุรุษจมูกอินทรีต่อ
บุรุษจมูกอินทรีเห็นเช่นนี้ ใบหน้าพลันซีดเผือดไร้สีเลือดในพริบตา หลังจากตะโกนลั่นอย่างเกรี้ยวกราด สองปีกก็กระพือกลายเป็นสายลมแรงสายหนึ่งหมุนตัวหนีไป
ทว่าอึดใจต่อมา “ปัง” ศีรษะของเขากระแทกบนม่านแสงสีเลือดแล้วถูกดีดโซเซกลับมา
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนที่อยู่ด้านหลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วกลายเป็นแสงสีเลือดโถมเข้าใส่
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ยันต์สีเลือดบนเสาหยกเจ็ดต้นในที่สุดก็ถูกเติมจนเต็มทุกต้น บนผิวเปล่งแสงสีเลือดสว่างจ้าออกมาพร้อมกัน
“ฮ่าๆ ในที่สุดการสังเวยโลหิตก็สำเร็จแล้ว! ไม่เสียทีที่ข้าทุ่มเทวางแผนเช่นนี้!”
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนโยนศพแห้งกรังของบุรุษจมูกอินทรีทิ้งแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น พร้อมกันนั้นร่างกายก็หมุนรอบหนึ่งกลางอากาศ ยิงแสงสีทองสายแล้วสายเล่าใส่เสาหยกเจ็ดต้นรอบด้าน
“บึ๊ม!” เสียงดังขึ้นหลายครั้ง
เสายักษ์แวววาวสีเลือดเจ็ดต้นระเบิด หมอกโลหิตผืนหนึ่งทะลักออกมากลายเป็นทะเลหมอกสีเลือด
ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเริ่มท่องมนตร์แล้วอ้าปากถ่มยันต์สีเลือดขนาดเท่าเล็บมือตัวแล้วตัวเล่าออกมา หมอกโลหิตรอบด้านดูดเข้าไปจนหมดสิ้น
“ฟู่” เสียงดังต่อเนื่อง!
พริบตาเดียวยันต์สีเลือดเหล่านี้ก็ขยายพรวดจนมีขนาดเท่ากำปั้น บนผิวเปล่งแสงสีเลือดวิบวับไม่หยุด
“ประทับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา