ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 974

สรุปบท ตอนที่ 974 เงาโลหิต: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 974 เงาโลหิต จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 974 เงาโลหิต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่ออสรพิษน้อยสีเลือดตัวแล้วตัวเล่าเข้าไปในร่าง บาดแผลบนร่างผู้ฝึกฝนแซ่ซุนก็สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

“เจ้าเป็นผู้ฝึกฝนสายโลหิต ทุกสิ่งที่นี่ล้วนเป็นฝีมือเจ้า!” สยงเยวี่ยที่อยู่ไม่ไกลเห็นเช่นนี้แรกสุดตกตะลึง จากนั้นก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

บุรุษจมูกอินทรีที่อยู่ด้านข้างก็หน้าเขียวเช่นกัน

“ฮ่าๆ พวกเจ้ารู้ช้าเกินไปแล้ว!” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนหัวเราะคลุ้มคลั่งอย่างเหี้ยมโหด ประกายแสงสีเลือดสว่างวาบในดวงตา

เสายักษ์สีเลือดเจ็ดต้นรอบด้านเปล่งแสงสีโลหิตออกมาในทันใด บนผิวเริ่มปรากฏยันต์สีขาวขนาดครึ่งจั้งดวงหนึ่งลอยออกมา ยิ่งโลหิตบริสุทธิ์ทะลักเข้าไปไม่หยุด ยันต์ก็ยิ่งกลายเป็นสีแดงสดเหมือนจะหยดออกมาได้

“นี่มันการสังเวยโลหิต รีบหยุดเขา!”

บุรุษจมูกอินทรีผู้นั้นเห็นสถานการณ์พลันตะโกนเสียงดัง พร้อมกันนั้นปราณปีศาจทั่วร่างก็พวยพุ่งออกมากลายเป็นขนนกสีเทาทั่วฟ้าแล้วพุ่งเร็วรี่ออกไป

“โฮก!”

สยงเยวี่ยแหงนหน้าคำรามเกรี้ยวกราด เงาหมียักษ์ตัวหนึ่งก่อตัวขึ้นด้านหลังเขาแล้วกระโจนเข้าใส่ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน

“เหอะ! โลหิตบริสุทธิ์กว่าครึ่งถูกสูบจนแห้งไปแล้วยังคิดฝืนสร้างร่างจำแลงอีก รนหาที่ตายแท้ๆ ก็ดีข้าจะเอาโลหิตบริสุทธิ์ของพวกเจ้าสองตนมาทำให้การสังเวยโลหิตสมบูรณ์เอง” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนแค่นเสียงหยัน จากนั้นแสงสีเลือดก็พุ่งออกมาจากทั่วร่าง

ขนนกสีเทาเต็มฟ้ากับเงาหมียักษ์สีเทาสัมผัสแสงสีเลือดเพียงนิดเดียวก็ทยอยสลาย

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนที่อยู่กลางแสงสีเลือดกวักมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้นคนหนึ่งก็ลอยขึ้นมา โลหิตบริสุทธิ์ทั่วร่างพุ่งเร็วรี่ออกมาราวกับห่าฝน คนกลายเป็นร่างแห้งๆ ภายในพริบตา

โลหิตบริสุทธิ์ที่พุ่งออกมานั่นก่อตัวเป็นธารโลหิตสายแล้วสายเล่ากลางอากาศ ก่อนที่จะถูกผู้ฝึกฝนแซ่ซุนสูดเข้าไปในปาก

“รสชาติดีจริง!”

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเลียมุมปาก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม

“เจ้า เจ้าไม่ใช่ศิษย์พี่ซุน ศิษย์พี่ซุนใช้วิชาสายโลหิตไม่เป็นแม้แต่น้อย เจ้าเป็นใครกันแน่” ศิษย์สำนักเฮ่าหรานคนหนึ่งที่อยู่บนพื้นเห็นเช่นนี้พลันร้องลั่นราวกับเห็นผี

ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนอื่นเช่นอู่หงเป็นต้นเห็นทุกสิ่งนี้กับตาก็ล้วนตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกัน แต่เวลานี้พวกเขาร่างกายอ่อนยวบแนบติดอยู่กับพื้น ไม่อาจกระดิกได้แม้แต่น้อย

“ฮ่าๆ ข้าเป็นใคร ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่ซุนของพวกเจ้าน่ะสิ!” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายขยับวูบเดียวมาโผล่ข้างกายสยงเยวี่ย มือข้างหนึ่งตะปบกรงเล็บกลางอากาศ ฝ่ามือสีเลือดใหญ่เต็มฟ้าข้างหนึ่งก่อตัวขึ้นแล้วตบลงมาดังกึกก้อง

สยงเยวี่ยต่อสู้ศึกใหญ่มาเดิมทีก็เสียพลังเวทไปไม่หยุดอยู่แล้ว โลหิตบริสุทธิ์ทั่วร่างยังถูกสูบไปเกินกว่าครึ่ง เวลานี้ถูกฝ่ามือยักษ์สีเลือดตบเข้าทีหนึ่ง ถึงแม้เขาจะคำรามบ้าคลั่งพร้อมเหวี่ยงอุ้งเท้าสองข้างต้านรับแต่ก็ยังถูกตบดัง “เปรี้ยง” แล้วปลิวออกไป ร่างกายที่สูงห้าหกจ้างถูกหมอกโลหิตสายหนึ่งม้วนหุ้มไว้ในพริบตา

“พรวด!” “พรวด!”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น โลหิตหนาเท่านิ้วมือสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากผิวของสยงเยวี่ยแล้วทยอยจมลงไปในเสายักษ์สีเลือดเจ็ดต้น

เลือดเนื้อและโลหิตบริสุทธิ์ทั้งร่างของปีศาจหมีระดับแก่นแท้ตัวนี้ถูกกลืนอย่างเร็วไวจนผอมซูบ พริบตาเดียวเหลือเพียงหนังหมีบางๆ แผ่นหนึ่ง

หลังจากสูบโลหิตบริสุทธิ์ของสยงเยวี่ยไปแล้ว ยันต์บนเสายักษ์สีแดงเจ็ดต้นก็กลายเป็นสีแดงก่ำเกินครึ่ง

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเบ้ปาก เหาะไปหาบุรุษจมูกอินทรีต่อ

บุรุษจมูกอินทรีเห็นเช่นนี้ ใบหน้าพลันซีดเผือดไร้สีเลือดในพริบตา หลังจากตะโกนลั่นอย่างเกรี้ยวกราด สองปีกก็กระพือกลายเป็นสายลมแรงสายหนึ่งหมุนตัวหนีไป

ทว่าอึดใจต่อมา “ปัง” ศีรษะของเขากระแทกบนม่านแสงสีเลือดแล้วถูกดีดโซเซกลับมา

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนที่อยู่ด้านหลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วกลายเป็นแสงสีเลือดโถมเข้าใส่

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ยันต์สีเลือดบนเสาหยกเจ็ดต้นในที่สุดก็ถูกเติมจนเต็มทุกต้น บนผิวเปล่งแสงสีเลือดสว่างจ้าออกมาพร้อมกัน

“ฮ่าๆ ในที่สุดการสังเวยโลหิตก็สำเร็จแล้ว! ไม่เสียทีที่ข้าทุ่มเทวางแผนเช่นนี้!”

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนโยนศพแห้งกรังของบุรุษจมูกอินทรีทิ้งแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น พร้อมกันนั้นร่างกายก็หมุนรอบหนึ่งกลางอากาศ ยิงแสงสีทองสายแล้วสายเล่าใส่เสาหยกเจ็ดต้นรอบด้าน

“บึ๊ม!” เสียงดังขึ้นหลายครั้ง

เสายักษ์แวววาวสีเลือดเจ็ดต้นระเบิด หมอกโลหิตผืนหนึ่งทะลักออกมากลายเป็นทะเลหมอกสีเลือด

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเริ่มท่องมนตร์แล้วอ้าปากถ่มยันต์สีเลือดขนาดเท่าเล็บมือตัวแล้วตัวเล่าออกมา หมอกโลหิตรอบด้านดูดเข้าไปจนหมดสิ้น

“ฟู่” เสียงดังต่อเนื่อง!

พริบตาเดียวยันต์สีเลือดเหล่านี้ก็ขยายพรวดจนมีขนาดเท่ากำปั้น บนผิวเปล่งแสงสีเลือดวิบวับไม่หยุด

“ประทับ!”

‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ ครางหนักๆ ออกมาหนหนึ่ง แสงสีเลือดรอบร่างลดน้อยลง ร่างกายที่พุ่งถอยหลังอยู่พลันชะงัก

ในเวลาเดียวกันนี้ผู้ฝึกฝนชุดน้ำเงินที่ปล่อยกระบี่บินออกมาพลันกระโดดลุกขึ้นยืน เท้าข้างหนึ่งกระทืบพื้น ร่างกายเลือนหายวูบหนึ่ง อึดใจต่อมาก็ปรากฏกายเบื้องหลังผู้ฝึกฝนแซ่ซุน

ปราณดำพลุ่งพล่านวนล้อมบนมือทั้งสองข้าง แขนทั้งคู่เหวี่ยงกำปั้นสองข้างประดุจมังกรร้ายออกจากถ้ำ พาเงาเลือนรางหลายสายกระหน่ำโจมตีแผ่นหลังของผู้ฝึกฝนแซ่ซุน

วิ้ง!

เสียงแผ่วเบาดังขึ้น พลังที่ทะลักออกมาจากกำปั้นที่กระหน่ำโจมตีสร้างแรงกระเพื่อมวงแล้ววงเล่าขึ้นกลางอากาศรอบด้านอย่างเห็นได้ชัด

‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม บนร่างเขาเกิดแสงสีเลือดเหนียวข้นชั้นหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ไม่เพียงสยบอสนีบาตสีม่วงที่แผ่ออกมาจากกระบี่บินได้ในพริบตาแต่ยังต้านกำปั้นของเขาไว้ได้อีกด้วย

“ที่แท้เจ้านี่เอง!”

‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ ตวาดเหี้ยมออกมาคำหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วอ้าปากกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง แสงสีเลือดเหนียวข้นบนร่างสั่นไหว

ดูท่าแม้หมัดจะถูกขวางไว้ได้หมด แต่แรงของหมัดที่กระหน่ำโจมตีเมื่อครู่ยังอัดเขาจนบาดเจ็บ

ผู้ฝึกฝนชุดสีน้ำเงินที่ลงมือดูแล้วอายุราวยี่สิบกว่าปี เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง

หลิ่วหมิงเห็นเงาโลหิตบาดเจ็บ ดวงตาพลันเปล่งประกาย แสงสีดำบนร่างส่องสว่างเจิดจ้า ร่างกายขยับวูบหนึ่งสร้างเงาลวงขึ้นมาอีกสามร่าง แล้วโฉบกลายเป็นเงาเลือนรางสายแล้วสายเล่าวนล้อม ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ ไว้อีกครั้ง แขนสะบัดวูบหนึ่ง เงาหมัดมากมายถี่ยิบก็ปรากฏขึ้นโจมตีบนแสงสีเลือดที่ปกป้องร่างผู้ฝึกฝนแซ่ซุนราวกับเม็ดฝน

แสงสีเลือดที่ปกป้องร่าง ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็หม่นแสงลงไปหลายส่วน ทว่าเมื่อเขาตวาดเบาๆ แล้วทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่ง เส้นไหมสีเลือดนับไม่ถ้วนก็พุ่งพรวดออกมาจากกลางแสงสีเลือดทะลวงผ่านเงาทั้งสามร่างจนสลายไป

ร่างต้นของหลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที เขากระทืบเท้า ร่างกายพุ่งถอยออกไปในพริบตา แต่สองมือยังเหวี่ยงอย่างต่อเนื่อง มังกรหมอกสีดำสนิทตัวหนึ่งพุ่งทะลุผ่านเส้นไหมเรียวเล็กสีเลือดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร้องคำรามแล้วชนบนแสงสีเลือดที่ปกป้องร่างกายของ ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ อยู่ดังปัง จากนั้นก็ระเบิดกลายเป็นปราณสีดำด้วยตัวเอง

‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ เห็นเช่นนี้แรกสุดก็ตกตะลึง แต่เมื่อเห็นปราณสีดำกระจายออก เผยให้เห็นยันต์สีทองสองแผ่น เขาก็หน้าถอดสีร้องว่า “แย่แล้ว”

จากนั้นแสงสีทองแสบตาสองดวงก็ระเบิดในทันใด อสนีบาตฟาดดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แสงสีทองสองดวงหดตัวแล้วขยายฝัง ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ เข้าไปด้านในจนมิด

หลิ่วหมิงหยุดร่างแล้วเหวี่ยงสองมือต่อเนื่อง ลูกแก้วกลมสีเทาสี่ลูกลอยออกมา ลูกแก้วเจินหลิงที่เขาเพิ่งได้มาไม่นานนั่นเอง

แสงสีเทาสว่างขึ้นวูบหนึ่ง ลูกแก้วกลมสี่ลูกก็พุ่งเร็วรี่ออกไปยังจุดที่แสงสีทองระเบิด

หลิ่วหมิงท่องมนตร์ ลูกแก้วกลมสี่ลูกหมุนอยู่กับที่พร้อมกับที่แสงสีเทาม้วนออกมารวมตัวกลายเป็นเขตแดนสี่เหลี่ยมสีเทาล้อมรอบแสงสีทองที่ยังไม่สลายรวมถึงควันหนาทึบที่ลอยโขมงอยู่ไว้ด้านใน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา