ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 975

ตอนที่ 975 เสวียนอู๋ฉางปรมาจารย์โลหิต

ผ่านไปสองสามลมหายใจ แสงสีทองด้านในเขตแดนสีเทาก็ค่อยๆ จางลง หลงเหลือเพียงหมอกควันสีเทาขมุกขมัวกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวไม่สลายไปไหนอยู่ตรงกลาง

“คิดไม่ถึงว่าปรมาจารย์โลหิตอย่างข้าครั้งนี้จะมองพลาด เจ้าหนูจากนิกายยอดบริสุทธิ์คนนี้ถึงจะเป็นคนที่ตึงมือที่สุดในหมู่มนุษย์กลุ่มนี้!” เสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังมาจากกลางไอหมอก ฟังดูเหมือนไม่ได้ถูกยันต์อสนีบาตทองสองแผ่นทำให้บาดเจ็บสักนิด

จากนั้นหมอกควันก็แยกออก ร่างของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“ปรมาจารย์โลหิต?”

หลิ่วหมิงได้ยินพลันหรี่ตาสองข้างลง

ไม่รู้เพราะเหตุใดทันทีที่เขาได้ยินนามนี้ ในสมองก็ผุดภาพของราชาโลหิตผู้ฝึกฝนชั่วร้ายอันดับหนึ่งบนรายชื่อความเป็นความตายของสำนักเมื่อตอนนั้นขึ้นมาทันที

ศีรษะของ ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ ยังคงถูกหมอกโลหิตล้อมอยู่จึงมองเห็นหน้าไม่ชัดสักนิด แต่เสื้อผ้าบนร่างกลับขาดวิ่นดูไม่ได้ มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้ากระบี่ขู่หลุนที่ยืดหดไม่นิ่งเอาไว้ ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจสลัดหลุด

“จิ๊ๆ เจ้าคงไม่คิดว่าอาศัยแค่เขตแดนอันเดียวจะขังข้าไว้ได้ใช่ไหม?” ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ มองเขตแดนสีเทาที่อยู่รอบด้าน แรกสุดตกตะลึงแต่จากนั้นก็แค่นหัวเราะ

ครู่ต่อมาปากเขาก็ท่องมนตร์งึมงำฟังยากออกมาหลายประโยค ร่างกายสั่นเล็กน้อย ผิวรอบร่างมีหมอกโลหิตทะลักออกมาในทันใด

แต่หลิ่วหมิงกลับไม่มอง ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ สักครั้ง เขาท่องมนตร์ออกจากปาก สองมือสะบัดเบื้องหน้า ยิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมา

ลูกแก้วกลมสีเทาสี่ลูกที่ล้อม ‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ อยู่ฉับพลันเปล่งแสงสว่างจ้า เขตแดนสีเทาทั้งหมดสั่นไหวอย่างรุนแรง

‘ผู้ฝึกฝนแซ่ซุน’ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที กลางหมอกสีเลือดเหนือศีรษะฉับพลันมีมือยักษ์สีเลือดสองข้างโผล่ออกมาแหวกไปสองฝั่ง บังคับให้เขตแดนสีเทาแหวกเป็นช่องว่าง หมายจะแทรกร่างออกไปจากตรงกลาง

หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มหยัน เคล็ดวิชาที่มือเปลี่ยนในทันใด พร้อมกับที่ปากโพล่งออกมาว่า “ระเบิด”

ลูกแก้วกลมสีเทาสี่ลูกจู่ๆ ก็หมุนติ้วอยู่กับที่แล้วส่องแสงรัศมีสว่างจ้า กลายเป็นก้อนแสงมหึมาแสบตาสี่ลูกอย่างรวดเร็ว บนหน้าของผู้ฝึกฝนแซ่ซุนมีเวลาเพียงเผยสีหน้าหวาดผวาก่อนที่อึดใจต่อมาจะถูกแสงรุนแรงกลืนกลบ

เปรี้ยง! เสียงดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง

พร้อมกับที่เสียงนี้ลอยมา แสงสีเทาที่อัดแน่นอยู่เต็มเขตแดนก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากนั้นระเบิดเสียงดังกึกก้อง

สายลมทำลายล้างโถมพัดไปทั่วทุกสารทิศ ม่านแสงสีเลือดรอบด้านสั่นไหวเกือบพังทลาย

หลิ่วหมิงผู้มีปราณดำพวยพุ่งออกมาจากร่างอยู่ก่อนแล้วเหาะถอยไปด้านหลัง

เขาได้รู้จากคัมภีร์เจินหลิงเล่มนั้นว่าลูกแก้วเจินหลิงสี่ลูกนี้ฝังลูกเล่นระเบิดตัวเองเช่นนี้ไว้ตั้งแต่ตอนสร้าง ก่อนอื่นใช้เขตแดนขังศัตรูไว้ด้านในจากนั้นระเบิดตัวเองอย่างรุนแรง ให้พลังทั้งหมดไม่เว้นสักหยาดหยดโจมตีลงบนร่างคนในเขตแดน

ดูจากสถานการณ์จริงตอนนี้ เห็นชัดว่าพลังของมันมากกว่ายันต์อสนีบาตทองสองแผ่นเมื่อครู่ตั้งไม่รู้กี่เท่า

ในเวลานี้เองท่ามกลางเปลวเพลิงกับหมอกควันที่ลอยขึ้นฟ้า แสงสีเลือดสายหนึ่งก็พุ่งรวดเร็วออกมาจากด้านใน มันเหาะออกไปไกลด้วยความเร็วที่ราวกับชั่วสะเก็ดไฟแลบ

แต่หลิ่วหมิงสายตาดีปานใด ดวงตาทอประกายวูบหนึ่งก็พบสิ่งที่เหมือนดวงวิญญาณสีเลือดดวงหนึ่งใจกลางแสงสีเลือดนั่นอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนมันจะขาดแหว่งไม่ครบดวง

“คิดหนีรึ!” หลิ่วหมิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เงาร่างขยับวูบเดียว อึดใจต่อมาก็ขวางอยู่หน้าแสงสีเลือด แสงสีดำบนร่างสว่างจ้า มือใหญ่สีดำข้างหนึ่งคว้าจับดวงวิญญาณสีเลือดอย่างรวดเร็ว

ใจกลางดวงวิญญาณสีเลือดฉับพลันมีหน้าคนพร่ามัวดวงหนึ่งผุดออกมา มันเอ่ยอย่างเคียดแค้น

“เจ้าหนู ข้ารอคอยเวลานี้มานาน ในเมื่อเจ้าทำลายกายเนื้อร่างนั้นของข้า ถ้าเช่นนั้นก็เอาร่างของเจ้ามาให้ข้าเสียเถอะ!”

“ฟึบ” สิ้นเสียงดวงวิญญาณสีเลือดก็ทะลวงผ่านมือใหญ่สีดำอย่างไม่สนใจแล้วพุ่งมาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิงในพริบตา พร้อมกับที่พลังกดดันน่าหวาดกลัวมาถึง

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าในทะเลจิตรับรู้เกิดเสียงดัง “วิ้ง” จากนั้นร่างกายพลันชะงักอย่างห้ามไม่ได้ แต่อึดใจต่อมาดวงตาเขาก็ฟื้นกลับมากระจ่างใส ทว่าเวลานี้ใบหน้ามนุษย์พร่ามัวดวงนั้นก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว

เขาเปลี่ยนสีหน้าทันที ฉับพลันสูดลมหายใจลึก ลูกบอลอสนีบาตห้าสีลูกน้อยที่ถูกกักอยู่ในแก่นเสมือนที่ทะเลจิตวิญญาณในร่างสั่นไหวเล็กน้อย ตราประทับสายฟ้าห้าสีปรากฏออกมาบนหน้าอกที่มีเสื้อผ้าปิดอยู่ในทันใด จากนั้นเขาก็อ้าปาก เสียงเปรี้ยงดังขึ้นครั้งหนึ่ง แสงอสนีบาตห้าสีสายหนึ่งพุ่งออกมาฟาดลงบนใบหน้าคนอย่างจัง

“นี่มันสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นไปได้อย่างไร…”

ใบหน้าผีกรีดร้องคำรามเสียงแหลมขณะที่ถูกอสนีบาตห้าสีมากมายล้อมไว้ในทันใด

เสียงเปรี้ยงดังลั่น!

ใบหน้ามนุษย์แยกเป็นชิ้นๆ ท่ามกลางแสงอสนีบาตในพริบตา เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นควันสีเทาสายหนึ่งหายไปไร้ร่องรอยเช่นนี้

พริบตาที่เรียกสายฟ้าเทพออกมา ร่างกายของหลิ่วหมิงก็ถอยออกไปหลายจั้งอย่างฉับพลัน เขามองภาพเบื้องหน้า ดวงตามีแววตะลึงงันอยู่เล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้

พลังยิ่งใหญ่ของสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา